อ้อนรักคุณพ่อเลี้ยง

12.0K · ยังไม่จบ
เทียนเปียว/ไมเลอร์/กอบแก้ว/อักษรปรุงรัก
49
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอมาเพื่อปอกลอกคุณพ่อเลี้ยงสุดหล่อผู้ที่เคยถูกหมั้นหมายไว้ตั้งแต่วัยเด็ก จึงทำทุกวิถีทางให้เขาหลงรัก เพื่อเป็นสะพานที่จะได้เงินก้อนโตไปใช้หนี้ ทว่ากลับเป็นเธอเสียเองที่หวั่นไหว...มอบหัวใจให้ผู้ชายเย็นชาคนนั้น ภารกิจหลอกให้รัก...จึงเปลี่ยนเป็นรักที่ไม่ได้หลอกลวง ท้ายที่สุดแล้วเธอจะเลือกสิ่งไหน...ระหว่าง “เงินตรา” หรือ “หัวใจ” ********** “คุณใหญ่หยุดเดี๋ยวนี้นะ กลางแจ้งขนาดนี้คุณกล้าทำไปได้ยังไง ถ้ามีใครเข้ามาเห็นล่ะ” “ผมไม่สน! ใครจะมาเห็นก็ช่างหัวมัน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จ้องมองเนินเนื้อเต่งตึงพลางกลืนน้ำลายลงคอ วินาทีนี้ไม่มีอะไรจะมาห้ามความคิดเขาได้เลย “หน้าด้านหน้าทนที่สุด ฉันไม่เล่นด้วยหรอกนะ” มือเรียวพยายามดันอกแกร่งให้ออกห่าง ทว่าเขากลับยกยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน มิหนำซ้ำยังเลื้อยมือขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมบนใบหน้าออกให้พ้นทาง ทำเอาความเขินพุ่งปรี๊ดทะลุปรอทเลยทีเดียว “นี่คือวิธีลงโทษของผม ถ้ายังทำตัวไม่น่ารักอีก คราวหน้าผมจะพาคุณไปลงโทษในที่ที่มันน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกรู้ไว้ซะ”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักแต่งงานสายฟ้าแลบนางเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นพ่อเลี้ยง

ตอนที่ 1 บทนำ

“อยู่นั่น! รีบตามไปเร็ว!”

“ว้าย! ไอ้พวกบ้าจะตามฉันไปถึงไหนเนี่ย”

หญิงสาวรูปร่างระหง ผมยาวสลวยถึงกลางแผ่นหลัง ใบหน้าเรียวรูปไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ผิวพรรณขาวนวลเนียนสาดสะอ้าน กำลังวิ่งหนีชายฉกรรจ์ทั้งสองคนที่กำลังตามมาติด ๆ แม้จะสวมหมวกแกปและแว่นกันแดดสีดำเพื่ออำพรางใบหน้า แต่ทว่ากลับยังมีคนจำเธอได้

‘พรรณวรท ธาดาวรกุล’ หรือ ‘แอลลี่’ สาวสวยไฮโซที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักดี เธอกำลังตกที่นั่งลำบาก จากการถูกเจ้าหนี้ตามล่าตัว ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในห้องเช่าอันคับแคบ ชีวิตพลิกผันหลังจากผู้เป็นบิดาได้ทำการอัตวินิบาตกรรมด้วยการใช้ปืนยิงที่ขมับ หลังจากถูกฟ้องล้มละลายและถูกเจ้าหนี้ตามทวงเงินจนเกิดอาการเครียด

“แท็กซี่ ๆ รีบจอดสิยะช้าอยู่ได้”

เจ้าหล่อนโบกมือเรียกรถแท็กซี่ไหว ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าเธอกำลังเร่งรีบมากแค่ไหน เมื่อรถจอดเทียบริมฟุตบาทแล้วก็รีบเข้าไปในรถทันที

“ไป XXX ค่ะพี่ ออกรถให้ไวเลยค่ะพี่หนูรีบมาก เร็ว ๆ ค่ะพี่”

“ครับ ๆ ๆ”

เธอเอ่ยปากเร่งพลางจ้องมองไปยังด้านหลัง พบว่าตอนนี้ชายฉกรรจ์ทั้งสองวิ่งใกล้จะถึงรถแล้ว ในวินาทีนั้นเจ้าหล่อนได้แต่ยกมือขึ้นประสานกลางอก หลับตาภาวนาขอให้สองคนนั้นอย่าตามมาถึงตัวเธอเลย

บรื๊น...

เมื่อรถออกตัวแล้วจึงลืมตาขึ้นมาด้วยความโล่งใจ หันกลับไปก็พบว่าคนพวกนั้นยืนเอามือเท้าสะเอว หายใจเหนื่อยหอบ จ้องมองมาด้วยความเสียดายเมื่อช้าไปเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

เฮ้อ! ค่อยโล่งใจหน่อย”

“น้องหนีใครมาหรือเปล่าครับ” คนขับแท็กซี่ถามพลางจ้องมองเธอผ่านกระจกมองหลัง

“ปะ...เปล่าสักหน่อยพี่ ทำไมจะต้องหนีด้วยล่ะ” เจ้าหล่อนทำหน้าเลิ่กลั่ก ขยับแว่นเล็กน้อยด้วยความประหม่า

“ถ้าน้องแต่งตัวซอมซ่อกว่านี้พี่คงคิดว่ากำลังหนีเจ้าหนี้แน่ ๆ แต่ดู ๆ ไปแล้วบ้านน้องคงจะรวยน่าดู ไม่น่ามีหนี้มีสินหรอกใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ บ้านหนูรวยมากกกก”

“โทษทีนะที่ถาม รวยขนาดนั้นแล้วทำไมไม่ขับรถมาเองล่ะ คนรวยระดับน้องไม่น่ามานั่งแท็กซี่นะครับ”

พรรณวรททำหน้าเซ็งเมื่อโดนถามเซ้าซี้ ถอดแว่นออกมาแล้วมองแรงไปยังคนขับ เมื่อเห็นสายตาคมกริบของเธอโชว์เฟอร์แท็กซี่ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าผู้โดยสารจะมองด้วยสายตาแบบนี้

“มันเรื่องส่วนตัวของหนูป่ะพี่”

“โทษทีครับ ที่ผมเสียมารยาทไปหน่อย”

เธอไม่ตอบแต่เหลือบตามองไปยังข้างถนนรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต ตอนนี้จะทำอะไรก็ลำบากไปหมด เคยมีชีวิตที่สุขสบายแต่กลับตาลปัตร แฟนที่เคยคบหาก็บอกเลิกแล้วไปคบกับเพื่อนสนิท หลังจากรู้ว่าเธอเป็นแค่ไฮโซถังแตก เพื่อนที่เคยคบค้าสมาคมก็หายไปจากชีวิต เงินที่มีอยู่ก็ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ไม่รู้จะไปพึ่งใครได้

*-*-*-*-*-*-*-*-*

มือเรียวยื่นไปหมุนลูกบิดก่อนจะผลักประตูเข้ามาในห้องเช่าแคบ ๆ ราคาไม่กี่พันบาท แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ต้องทนเพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว พาตัวเองหนีออกมาจากวงสังคมไฮโซ เพราะไม่มีใครต้อนรับเหมือนแต่ก่อน มันเป็นอะไรที่น่าน้อยใจมากที่สุด

“ฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย พ่อจ๋าช่วยแอลลี่คิดหน่อยสิคะว่าจะทำยังไงต่อไปดี”

เธอเอ่ยหลังจากทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ถอนหายใจพลางจ้องมงไปยังเพดานที่ว่างเปล่า คิดถึงใบหน้าผู้เป็นบิดา หากไม่เกิดเรื่องขึ้นป่านนี้เธอคงจะได้นอนอยู่ในคฤหาสน์สุดหรู ได้ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ๆ ทุกวันเหมือนแต่ก่อนแล้วสินะ

“นี่เราจะต้องทนอยู่ในห้องแคบ ๆ อย่างนี้ไปนานแค่ไหนนะ เฮ้อ!”

เอียงหน้าไปมองที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นรูปถ่ายครอบครัว เห็นรอยยิ้มของบิดามารดาก็รู้สึกคิดถึงจับใจ เธอเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะหวนให้นึกถึงเมื่อครั้งที่ถูกท่านทั้งสองรบเร้าให้แต่งงานกับคู่หมั้นสมัยยังเด็ก ซึ่งตอนนี้เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรบ้าง

“หนูจะไปไร่ภูผาค่ะ ฮึก...ถ้าพ่อกับแม่รับรู้ ช่วยให้เขาคนนั้นยอมรับหนูด้วยนะคะ แม้มันอาจจะสายไปแล้วแต่หนูก็จะพยายาม ไปทวงสิทธิ์ของการเป็นคู่หมั้น เพราะตอนนี้หนูไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ”

เจ้าหล่อนเอ่ยทั้งน้ำตา นอนกอดกรอบรูปถ่ายครอบครัวด้วยความคิดถึงท่านทั้งสองจับใจ ตอนนี้กรุงเทพฯ เป็นเหมือนสถานที่อันตรายสำหรับเธอไปแล้ว ‘ไร่ภูผา’ คือเป้าหมายใหม่ที่เธอคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว