ตอน 3
ร่วมสามชั่วโมงกับการเดินทางถึงจุดหมายในที่สุด ร่างบางลากกระเป๋าลงจากรถทัวร์ ก้าวขึ้นรถรับจ้างที่ได้จอดรอผู้โดยสารในบริเวณท่ารถทัวร์ อินทุอรแนะนำให้เหมาคัน แต่ด้วยความหวาดกลัวอริสาจึงขอเลือกคนขับที่พอจะไว้ใจได้บ้าง
สถานที่นัดหมายห่างออกไปจากตัวจังหวัดร่วมร้อยกิโลเมตร ร่างบางสาวเท้าก้าวขึ้นรถเมื่อต่อรองราคาเรียบร้อย รถแล่นห่างออกจากสถานีขนส่งตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ยิ่งห่างเท่าไหร่ความอ้างว้างในใจเกาะกินมากขึ้นเท่านั้น อริสามองรอบกายด้วยสายตาพรั่นพรึง ไอ้ที่ว่าทุกที่โรยด้วยความเจริญ คงต้องถอนความคิดนั้นเสียใหม่ ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หลายหมู่บ้านยังไม่ถึงสถานที่นัดหมาย
“ถึงแล้วครับ” รถโดยสารจอดสงบ เสียงคนขับรถตะโกนจากทางด้านหน้า ยังโชคดีคนขับมีภรรยานั่งมาด้วย พลอยให้อริสาคลายความกังวล
“ที่นี่หรือคะ” สอดส่ายสายตามองรอบกาย สถานที่แห่งนี้หรือที่เธอต้องมาอาศัยอยู่แทนน้องสาว
“ครับ”
เธอก้าวลงจากรถสองแถวด้วยความลังเล หัวใจหวาดหวั่นกับสถานที่ ยิ่งด้วยการแต่งตัวไม่เหมาะกับสถานที่อย่างยิ่ง หากเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตกับหมวกคาวบอย รองเท้าบู๊ท จะเหมาะกว่าชุดคล้องคอเปิดหลัง โชว์สัดส่วนดูจะเซ็กซี่เกินไป
“มาหาใครที่นี่หรือครับ”
“อ๋อ ญะ...ญาติค่ะ”
“ที่แห่งนี้ คืออาณาบริเวณไร่คมพิทักษ์อาจจะเงียบเหงาไปนิด ไร่นี้กว้างมาก กินเนื้อทีภูเขาหลายลูก มีรถเข้าออกเป็นเวลา คนนอกไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปหรอกครับ เงียบไปนิดนะครับ” คนขับรถบอกเล่าคร่าวๆ พื้นที่โดยรวมกว้างสุดลูกหูลูกตาจนน่ากลัวมากกว่าน่ามาเยือน อริสารู้สึกขนลุกราวกับอากาศหนาวตกกระทบผิวกายบาง
“ไม่นิดล่ะค่ะ เงียบมาก” หญิงสาวว่า หัวใจดวงน้อยห่อเหี่ยว มองรอบกายเห็นเพิงขายอาหารเล็กๆ ข้างทางคือจุด นัดหมายที่อินทุอรว่าไว้ จดหมายถูกล้วงออกจากกระเป๋าสะพายบนบ่า คงใช่เพิงขายของข้างนี้ล่ะมั้ง ถ้ามีปีกเธอจะบินหนีไปเสีย สถานที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด น่ากลัวมากกว่าน่าอยู่
“ให้อิฉันอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าญาติคุณจะมารับดีไหมคะ” ภรรยาเจ้าคนขับสองแถวขันอาสา สังเกตจากแววตาของอริสา กำลังแสดงความหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด คนต่างถิ่นแถมเป็นผู้หญิงจะให้ชินกับสถานที่ได้อย่างไร
“เฮ้ย นังแตนเอ็งกับข้าต้องไปวิ่งรถต่อ จะมัวเสียเวลาไม่ได้ ถึงคิววิ่งไม่มีรถเฒ่าแก่ด่าตาย ไปขึ้นรถ ร้านนี้ก็ไม่ได้ไร้ผู้คนซะเมื่อไหร่ โน่นมีคนอยู่ในร้านตั้งสามสี่คน” คนขับชี้เข้าไปในร้านหลังจากว่าภรรยาเสร็จ
คำว่าไม่ได้ไร้ผู้คนเสียทีเดียว ที่คนขับรถว่านั้นเห็นจะจริง หากแต่ผู้คนที่อยู่ในร้าน ล้วนเป็นชายหน้าเหี้ยม ผิวกร้านแดด แววตาน่ากลัว อริสาเห็นภรรยาคนขับโดนว่า ก็รู้สึกเกรงใจกลัวครอบครัวร้านฉานเพราะเธอเสียเปล่าๆ
“ขอบคุณพี่ผู้หญิงมากนะคะ พี่กลับไปเถอะค่ะ หนูอยู่รอญาติคนเดียวได้” แม้จะรู้สึก ประหวั่นพรั่นพรึง ได้แต่กลั้นใจบอกกับภรรยาคนขับรถไปแบบนั้น เวลานี้สติอริสากระจัดกระจาย ยากจะรวบรวมให้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวได้
สองผัวเมียขับรถสองแถวจากไปได้สักคู่ บรรยากาศรอบกายเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก เท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงไม่ค่อยเหมาะสมกับสถานที่สักเท่าไหร่ ค่อยๆ สาวเท้าก้าวเข้าไปในร้าน ร้านขายอาหารตามสั่ง มีรายการอาหารที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้แขวนไว้หน้าร้าน ภายในร้านมีลูกค้านั่งรับประทานอาหาร ล้วนมีหน้าตาเหี้ยม หนวดเครารกรุงรัง ผิวคล้ำไปถึงดำ ‘คิดบ้าอะไรถึงได้นัดสถานที่แบบนี้” อริสาอดรำพึงกับบรรยากาศรอบกายไม่ได้ ร่างบางในชุดเดรสสั้นโชว์ขาเรียวงามขาวผุดผ่อง หย่อนลงนั่ง พอดีกับเจ้าของร้านหยิบเมนูอาหารเท่ากับกระดาษเอสี่เคลือบพลาสติกใสเดินมาหาอริสา
“สั่งอะไร” ผู้หญิงเจ้าของร้านข้างทาง วัยราวๆ สี่สิบเห็นจะได้ ใบหน้ามันเยิ้มเกล้าผมลวกๆ ด้วยกิ๊บติดผมสีสดขนาดใหญ่ ส่งเสียงห้วนๆ ถามอริสา
“ขะ....ขอน้ำเปล่าหนึ่งขวดค่ะ”
“ไม่สั่งอาหารหรือไงคุณนาย” ภาษาฟังไม่ลื่นหู สำเนียงท้องถิ่น แข็งห้วน ไม่น่าเสวนาด้วย แต่ก็นั่นล่ะ คือสำเนียงเฉพาะว่ากันไม่ได้ อริสายังคงมองโลกในแง่ดี ไม่สนใจกับเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งต่างจากอินทุอร ถ้าเป็นรายนั้นผู้หญิงคนนี้ได้ถูกด่า หรือไม่งั้นก็ตบกันให้แหลกไปข้าง บนเรือนกายของสาวหน้ามัน มีผ้ากันเปื้อนเก่าๆ มอๆ สกรีนตราสินค้าผงปรุงรสยี่ห้อยอดนิยม อริสามองอีกฝ่ายด้วยเพียงแค่แวบเดียว แต่ละเอียดยิบ งานเลขาสอนให้เธอเป็นคนช่างสังเกต จดจำคู่สนทนาได้รวดเร็ว
“ขอข้าวผัดหมูก็แล้วกันค่ะ” แม้บรรยากาศไม่น่าทานอะไร แต่ด้วยความจริงเธอก็รู้สึกหิว ไม่รู้เอาเข้าจริงจะรับประทานลงหรือเปล่า แม้จะไม่เรื่องมากแต่ก็เลือกกินอยู่บ้าง ไม่ใช่กินได้หมด
สภาพแบบนี้จะให้เธอกระเดือกอะไรลงได้ ภาวนาขอให้มีคนมารับเธอเร็วๆ จะได้ไปให้พ้นจากสถานที่แห่งนี้เร็วๆ ขืนต่อปากต่อคำกับแม่ค้าหน้าเหี้ยมมีหวังคงได้เป็นผีเฝ้าป่า สู้เก็บปากเก็บคำไว้จะดีกว่า แววตาคู่สวยระบายไปด้วยความหวาดหวั่นระแวง หันมองรอบกาย
ปะทะกับเหล่าสายตาหื่นกระหายต่างจ้องมองมายังร่างบางในชุดสยิวบนเรือนกาย มือบางดึงรั้งชายกระโปรงให้ลงมาปิดขาอ่อน ไม่ควรหลงเชื่อน้องสาวเลยเชียว การอัพเกรดตัวเองให้ไฉไลฉุดให้วิญญาณอริสาแย่พอๆกับทำงานพลาดโดนเจ้านายดุ
กายสาวสั่นสะท้าน ภาวนาขอให้คนดูแลธีรพงศ์มารับเร็วๆ ก่อนเธอจะต้องละลายหายไป เพราะสายตาหื่นกระหายของคนพวกนี้ หรือไม่อย่างนั้นเธออาจะดำดินหนีเหมือนขอมก็เป็นได้ ข้อมือบางถูกยกขึ้นดูเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า เคาะนิ้วกับโต๊ะพลาสติกสีแดงนับร้อยครั้ง เลยเวลานัดหลายนาทีแล้ว คนที่ว่ายังไม่โผล่หัวมา มีเพียงสายตาน่าหวาดกลัวรอบกายเท่านั้น ในกระเป๋ามีรูปอดีตสามีน้องสาว แต่คนที่จะมารับไม่ใช่ธีรพงศ์นั่นคือปัญหา
“คุณผู้หญิง” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ขณะอริสาก้มลงดื่มน้ำจากขวดพลาสติกขาวขุ่นเนื้อนิ่ม พอได้ยินเสียงนั้น หน้าสวยรีบแหงนมองเจ้าของเสียงเย็นชาทันที ได้พบกับใบหน้าคมเข้ม กับหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำล่ำสัน การแต่งกายบ่งบอกอาชีพชัดเจน ชุดคาวบอยอย่างในหนังตะวันตก บนศีรษะสวมหมวกหนังปีกกว้าง คาวบอยคือคำที่อริสาคิดขึ้นในใจเวลานี้
“เรียกฉันหรือคะ”
“ใช่...ถ้าคุณคืออินทุอร เมียเก่าของนาย...เอ่อคุณธีรพงศ์” น้ำเสียงนั้นดุดัน เย็นยะเยือกหนาวจับจิต
“เอ่อ....ค่ะฉันเอง” อริสาจ้องมองใบหน้าคม คาดเดาจากสายตาผ่านแว่นกันแดดสีดำ คงจะหล่อคมไม่น้อยทีเดียว
“เชิญขึ้นรถ ผมเป็นผู้ดูแลคุณธีรพงศ์อดีตสามีของคุณ”
มือหยาบกร้านของคนตัวสูง พร้อมวาจาหยาบกระด้าง คว้ากระเป๋าลากใบย่อมซึ่งวางอยู่ข้างกายหญิงสาว ลากเดินนำไปไม่สนใจว่ามันจะครูดกับก้อนหินหรือท่อนไม้ อริสานิ่งมอง ลังเลจะเดินตามไป
“เดี๋ยว...” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกายบาง อริสาชะงักเท้าจะเดินตามร่างหนา คาวบอยหนุ่ม
“อะไรคะ”
“จ่ายเงินค่าของก่อน”
“อ๋อ นี่ค่ะ” นึกว่าอะไรเรียกซะตกอกตกใจอย่างกับเรื่องใหญ่โต มือบางควักธนบัตรสีแดงให้กับเจ้าของร้าน รีบเดินตามชายหนุ่ม
“ทางข้างหน้า ค่อนข้างลำบาก รูปร่างอย่างนี้อาจจะตายก่อนถึงไร่” เขาเหยียดสายตามองการแต่งกายของหญิงสาว ขณะมือหนาโยนกระเป๋าเหวี่ยงขึ้นหลังรถดังโครม
“หมายความว่าอย่างไรคะ ลำบาก”
“เส้นทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณผู้หญิง....” เขาพูดพร้อมส่งสายตา ซึ่งล้อมกรอบด้วยแว่นกันแดดสีดำ สำรวจ ร่างบางอย่างโจ่งแจ้ง แม้จะเย้ายวน ผิวพรรณผุดผาด ดูแต่งตัวไม่ดูสถานที่ บ้านป่าเมืองเถื่อนดันใส่ชุดเว้าหน้าแหว่งหลัง “คงจะลำบากอยู่มาก ก็อย่างนี้แหละบ้านนอกคอกหนา จะเอาอะไรมาก” ผู้แนะนำตัวว่าเป็นดูแลแค่นเสียงเย็นชากับอริสา ท่าทีคุกคามดูถูก ไม่ทันไรอริสาเจอดีเข้าให้แล้ว เขาคงมีแววตาเหี้ยมโหด ภายใต้แว่นกันแดดสีทึบนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้เจอพี่ธีเร็วๆ” หญิงสาวเชิดหน้าบอก
“พูดอย่างกับคุณห่วงนายนั่น เอ่อคุณธีมากมายนักหนา อย่างนั้นแหละ”
“นิดหน่อย ฉันมาเพื่อดูแลให้เขาหายป่วย ฉันก็ต้องรีบไปหาเขาสิ”