เจ้าบ่าวมัจจุราช (70%)
สิ้นเสียงของบาทหลวง เจ้าสาวกลับทำท่าอึกอัก
“เอ่อ…”
“ตอบให้ดีๆ นะ ไม่งั้นโดน ‘ฟัด’ ต่อหน้าทุกคนแน่” จอมวายร้ายกระซิบขู่เสียงเย็นเยียบ
“คนป่าเถื่อน! กักขฬะ! หยาบคาย!”
“นั่นแหละสันดานดีๆ ของสามีเธอ”
ก่อนที่บาทหลวงจะได้กล่าวถามไถ่อีกครา เจ้าสาวคนสวยก็เอ่ยเสียงหวาน อย่างพยายามข่มกลั้นความไม่พอใจที่ถูกผู้ซึ่งกำลังได้ชื่อว่าเป็นสามีบังคับแกมขู่เข็ญอย่างเผด็จการ
“รับค่ะ…ข้าพเจ้านางสาวมะลิร้อย สร้อยมาลา ขอสัญญากับพระองค์ว่า จะขอรับนายวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน เป็นสามีของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย สัญญาว่าจะรัก เชิดชู ดูแล และซื่อสัตย์ต่อเขาผู้เป็นสามีตลอดไป จนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน”
“ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตาทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพระพรแก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ สิ่งที่พระเจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกัน มนุษย์อย่าแยกออกจากกันเลย” จากนั้นบ่าวสาวก็แลกแหวนแต่งงาน
“พ่อขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องนับตั้งแต่นี้”
เมื่อบาทหลวงอนุญาตให้ทั้งคู่จุมพิตกันได้ หญิงสาวก็ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมส่งสายตาวิงวอนสามีหมาดๆ ทว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือแววตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์จนน่าหวาดหวั่น และในเสี้ยวนาทีต่อมามะลิร้อยก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพ่อเจ้าประคุณตวัดร่างอ้อนแอ้นเข้าสู่อ้อมอก แล้วก้มลงบดขยี้เรียวปากสีกุหลาบหนักๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนถึงใจ หญิงสาวทั้งทุบทั้งหยิกให้อีกฝ่ายหยุดทำให้เธอขายหน้า แต่วูล์ฟกลับตรึงท้ายทอยสลวยให้รับจุมพิตที่ตนมอบให้อย่างถนัดถนี่ เล่นเอาแขกในงานต่างพากันเป่าปากแซวไม่ขาดสาย เพราะนึกถูกใจกับการแสดงความรักในแบบห่ามดิบของเจ้าบ่าวมัจจุราช กว่าเขาจะปล่อยเธอเป็นอิสระได้ ก็ต่อเมื่อตักตวงความหวานล้ำในกระพุ้งแก้มอิ่มอุ่นจนหนำใจ และสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเมียเด็กสะดุดขาดเป็นห้วงๆ
หลังจากพิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้นลง มะลิร้อยก็ยืนทำหน้าเศร้าน้ำตาซึมอยู่บริเวณประตูโบสถ์ เธอเข้าใจความรู้สึกของการถูกทิ้งอย่างถ่องแท้ เมื่อป้ากับลุงหันหลังให้โดยปราศจากคำล่ำลา วินาทีนั้นมะลิร้อยรู้สึกคิดถึงป้ารีเบคก้าและเพื่อนสาวจับจิต แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถูกเชิญมาร่วมงาน เช่นเดียวกับทุกคนในฟาร์มพอร์ตแมนที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มาร่วมงานวิวาห์ สาวน้อยยืนเคว้งคว้างอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากโบสถ์อย่างไม่เหลียวหลัง เธอต้องการไปตั้งหลักก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับสามีหมาดๆ และที่ที่มะลิร้อยคิดว่าพอที่จะไปขออาศัยซุกหัวนอนได้ก็คือบ้านญาติของเพื่อนสนิท ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกันกับฟาร์มพอร์ตแมน ส่วนวูล์ฟนั้นก็ถึงกับอ้าปากค้างในความพยศที่เมียเด็กเริ่มจะเผยออกมาให้ประจักษ์ทีละนิด เมื่อตั้งสติได้อภิมหาเศรษฐีหนุ่มจึงรีบสาวเท้าก้าวตามมา ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือกลมกลึง แล้วกระชากร่างสวยสะพรั่งเข้าไปแนบอกอุ่น จากนั้นก็จัดการรวบเอวอ้อนแอ้นด้วยวงแขนกำยำ
“จะไปไหนหือ…” เขาจงใจก้มลงกระซิบ ก่อนจะดูดปากอิ่มแรงๆ อย่างอดใจไม่ไหว
จ๊วบ!!!
“คนบ้า! ปล่อยนะ!” เจ้าของใบหน้าแดงแจ๋ด่าทอ พลางขืนกายให้หลุดพ้นจากพันธนาการแกร่ง ส่วนนัยน์ตากลมโตที่ฉายแววความหวาดหวั่นก็หันซ้ายแลขวา เพื่อจะดูว่ามีใครเห็นการกระทำอันแสนประเจิดประเจ้อของพ่อหนุ่มพันธ์ดิบหรือไม่ และกิริยาลนลานนั้นก็น่ารักชะมัดในสายตาคนที่เพิ่งมีเมียเป็นตัวเป็นตน
“ตอบมาก่อน ว่าจะไปไหน” แทนที่จะปล่อยพ่อเจ้าประคุณกลับใช้วงแขนแกร่งเพียงข้างเดียวกระชับอ้อมกอดให้แน่นเป็นเท่าตัว แล้วเชยคางมนขึ้นมาถามไถ่ด้วยน้ำเสียงดุกระด้าง แต่แววตากลับอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
“จะกลับบ้าน” เสียงหวานอ้อมแอ้มตอบ ยามที่ร่างกายแนบชิดกับอีกฝ่ายเช่นนี้ทำให้มะลิร้อยไม่เป็นตัวของตัวเอง หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ
“ไม่ให้กลับ!” จอมเย่อหยิ่งเอ่ยอย่างเฉียบขาดชิดกลีบปากน่าจูบ
“คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน” สาวน้อยสวนกลับอย่างฉุนๆ
“สิทธิ์ในความเป็น ‘ผัว’ เธอยังไงล่ะเด็กน้อย” วาจายอกย้อนที่หลุดออกมาจากปากเซ็กซี่ทำให้คนตัวเล็กแทบหน้าไหม้ ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยค้านเสียงแข็งๆ
“คุณไม่ใช่…” ยังไม่ทันจะตอบโต้ให้จบประโยค สาวน้อยก็ต้องอ้าปากค้างและเบิกตาโพลง เมื่อพ่อเจ้าประคุณจงใจแนบหน้าผากกว้างกับหน้าผากมน ยังผลให้จมูกของทั้งคู่จรดกัน ริมฝีปากอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ แต่ที่มันทำให้เธอแทบจะหยุดหายใจคือแววตาต่างสานสบอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“ถ้ายังกล้าเถียงอีกแม้แต่คำเดียวล่ะก็ ฉันจะทำให้เธอรู้ซึ้งถึงแก่นแน่นังหนู ว่าฉันน่ะเป็นผัวของเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอ” วูล์ฟจงใจยื่นปากเซ็กซี่เข้าใกล้กลีบปากสั่นระริกมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คนบ้า! อย่านะ!” มะลิร้อยร้องห้ามปรามเสียงดัง พลางทำหน้าตื่นๆ ขณะออกแรงดิ้นรนขัดขืนให้หลุดพ้นจากการตีกรอบล้อมวงด้วยวงแขนแกร่งอย่างบ้าคลั่ง แต่ความพยายามของเธอกลับไม่เป็นผลดังเดิม
“ถ้าไม่อยากให้ทำก็หัดเชื่อฟังผัวซะบ้าง”
“ให้ฉันกลับบ้านเถอะนะคะ วันที่จะเดินทางไปอเมริกาฉันสัญญาว่าจะมาหาคุณ” มะลิร้อยช้อนนัยน์ตาสีน้ำผึ้งมองใบหน้าหล่อระเบิดระเบ้อ แล้วเอ่ยวิงวอนเสียงอ่อนหวาน การได้เผชิญหน้ากับเขาในก่อนหน้านี้ ทำให้สาวน้อยรู้ว่าการตอบโต้ที่รุนแรงไม่เกิดผลดีเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เอา มีผัวแล้วก็ต้องอยู่กับผัวสิ” เขาเอ่ยอย่างเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้
“แต่ว่า…” สาวน้อยคัดค้านได้เพียงเท่านั้นก็ต้องลมหายใจสะดุด เมื่อพ่อเทพบุตรในดวงใจจรดปลายนิ้วกระด้างลงตรงเรียวปากจิ้มลิ้มเป็นเชิงห้ามปราม
“ไม่มีแต่ ถ้าไม่อยากให้ผัว ‘ฟัด’ ตรงนี้ก็หุบปาก แล้วทำตามคำสั่งซะ” คนเอาแต่ใจเริ่มออกลายเผด็จการอย่างร้ายกาจ พร้อมทำหน้าดุๆ ข่มเมียเด็กให้หงอ
“บ้าอำนาจ! เผด็จการ!” เธอเผลอทำหน้างอด้วยความลืมตัว กิริยาน่ารักน่าชังทำให้วูล์ฟอดอมยิ้มด้วยความเอ็นดูระคนมันเขี้ยวไม่ได้ บ้าเอ๊ย! เขาเห็นว่ายัยเด็กนี่น่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ ให้ตายสิ! ครั้นคิดได้พ่อเจ้าประคุณก็ทำหน้าถมึงทึงทันควัน
“แม่ตัวดี! เธอกล้าท้าทายฉันเหรอ” วูล์ฟพูดเหมือนคำราม
“ไม่แล้ว ฉันจะไม่ดื้อแล้ว” ที่สุดแม่สาวน้อยที่ริพยศก็ต้องส่ายหน้าหวืออย่างยอมจำนน เธออยากจะเค้นเสียงเถียงคอเป็นเอ็น แต่กลับไม่กล้าพอ เพราะแค่เห็นเขาทำหน้ายักษ์ใส่เธอก็ขลาดกลัวจนตัวสั่นงันงกเสียแล้ว
“ดีมากเด็กดี เดี๋ยวผัวจะให้รางวัล” วูล์ฟเอ่ยชมเสียงทุ้มเจือละมุน พลางใช้หลังมือข้างที่ว่างไล้พวงแก้มสุกปลั่งอย่างอ่อนโยน ก่อนจะคลายวงแขนจากเอวบาง แล้วรวบข้อมือกลมกลึงไว้ในอุ้งมือใหญ่ พร้อมเอ่ยออกมา “ไป…กลับโรงแรมกัน ฉันจะไปส่งเธอที่ห้องก่อน แล้วจะไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อ”
“แปลว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับมานอนที่ห้องใช่ไหมคะ” มะลิร้อยโพล่งขึ้นด้วยท่าทางยินดีอย่างออกนอกหน้า จนพ่อหมาป่าจอมวายร้ายต้องกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เมื่อวานนี้ก่อนจากกันฉันบอกเธอว่าไงหือ…” วาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้พวงแก้มคนฟังพลันซับไปด้วยรอยเลือดฝาดทันตาเห็น
“ว่าไงล่ะ” เมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่ทำท่าตกตะลึง วูล์ฟจึงแกล้งเอ่ยเร่งเร้าเสียงเข้ม
“เอ่อ…ฉันจำไม่ได้แล้วค่ะ” สาวน้อยก้มหน้างุด แล้วอุบอิบอย่างเอียงอาย
“งั้นฉันจะทวนความทรงจำให้ ฉันบอกเธอว่า…หลังจากจบงานแต่งเฮงซวย ฉันจะจับเธอฟัด ดูดปาก เเละอึ๊บ อย่างสะเด็ดสะเด่ายันเช้า…ชัดไหม?” พ่อคนห่ามเอ่ยเรียกความทรงจำอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คุณวูล์ฟ!” เธออุทานลั่นและทำตาโต
“น้ำเสียงแบบนี้…เอาไว้เรียกผัวตอนถึงจุด ‘ไคลแมกซ์’ ดีกว่านะเด็กน้อย” เขาเอ่ยออกมาอย่างหน้าไม่อาย จนคนฟังแทบจะแทรกแผ่นดินหนี หรือไม่ก็หายไปจากตรงนั้นเสียเดี๋ยวนี้
“เอ่อ…วันนี้เราต่างก็เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ ฉันว่าเรา…เราควรจะพักผ่อนมากกว่านะคะ” สาวน้อยเริ่มหาทางเอาตัวรอดด้วยน้ำเสียงลนลาน จนคนเปรี้ยวปากอยากกินเด็กนึกขัน
“ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย หรือน้ำท่วมออสเตรเลียฉันก็จะเอาเธอทำเมียให้ได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องได้เป็นเมียฉัน…เป็นเมียของวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน คนนี้” น้ำเสียงแหบลึกเอ่ยอย่างหนักแน่น
คำประกาศกร้าวที่หลุดออกมาจากปากคนหื่นทำให้มะลิร้อยอ้าปากค้าง จากนั้นก็ถูกคนเอาแต่ใจจูงมาขึ้นรถเหมือนคนไร้วิญญาณ เพราะวาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักชวนให้หัวใจดวงน้อยสะท้านสะเทือน และวาบหวามหวิวไหวไปทั้งสรรพางค์กาย นี่ขนาดแค่พ่อเจ้าประคุณเอ่ยปากออกมานะ แล้วถ้าเจอของจริงเข้าไปล่ะ เธอจะรู้สึกเช่นไรหนอ สมองน้อยๆ เผลอคิดสัปดน พอรู้สึกตัวสาวน้อยก็หน้าแดงแจ๋ สะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความฟุ้งซ่าน แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกสามีตัวโตอุ้มขึ้นรถลีมูซีนคันหรู และยิ่งช็อกหนักไปกว่าเดิม เมื่อเขาให้เธอนั่งซ้อนบนตักกว้าง ครั้นตั้งสติได้มะลิร้อยก็ออกแรงดิ้นรน แต่กลับถูกอีกฝ่ายทำเสียงฮึ่มฮั่มข่มขู่ ฉะนั้นสาวน้อยจึงจำต้องนั่งตัวแข็งทื่อให้จอมเผด็จการกอดอยู่อย่างนั้น ทว่าไม่นานดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อมือไม้ของพ่อเจ้าประคุณชักจะอยู่ไม่สุข
“ยะ…อย่าค่ะ” เสียงหวานระคนสะท้านเอ่ยวิงวอน พลางปัดป้องมือหนวดปลาหมึก ที่กำลังบีบหมุบบีบหมับไปทั้งเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นอย่างไม่เกรงใจ
“ขออุ่นเครื่องก่อนไปถึงห้องไม่ได้เหรอ ตอนนี้ฉันอยากจับเธอ ‘ทำเมีย’ จะแย่แล้วรู้ไหมหือเด็กน้อย” แววตาร้อนแรงที่อีกฝ่ายตั้งใจส่งมาทำให้สาวน้อยทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะตัวเกร็งหน้าแดงซ่าน เมื่อเขาจงใจแอ่นสะโพกสอบขึ้นมาหาจนสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงทรงพลังที่อยู่กลางกายหนุ่ม
“ได้โปรดเถอะค่ะ”
“ก็กำลังจะโปรดอยู่นี่ไง” พ่อหนุ่มคลั่งรักว่าพลางทำท่าจะเลิกชายกระโปรงชุดแต่งงานสุดอลังการขึ้น เดชะบุญที่เธอตะครุบมือซุกซนเอาไว้ได้เสียก่อน
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อย” มะลิร้อยทำปากยื่นตอบโต้อย่างลืมตัว ความน่ารักน่าชังที่เธอเผยออกมานั้นทำให้วูล์ฟเหมือนกับจะคลั่งเสียให้ได้ อดใจไม่ไหวจนต้องก้มลงดูดกลีบปากอิ่มแรงๆ และทำท่าจะเลยเถิดจนคนตัวเล็กต้องรีบเบี่ยงหน้าหลบเลี่ยง
“ยะ…อย่าค่ะ อย่า…” สาวน้อยร้องห้ามปรามเสียงหลง ก่อนจะทำหน้าเหยเก เพราะรู้สึกคันยิบๆ ที่นิ้วนางข้างซ้ายบริเวณที่สวมแหวนแต่งงานวงงาม จากนั้นก็ทำท่าจะดึงมันออก
“ห้ามถอดนะแม่ตัวดี ไม่งั้นโดน ‘อึ๊บ’ บนรถแน่”
“ทำไมจะถอดไม่ได้คะ ในเมื่อมันไม่ใช่ของฉันอยู่แล้วนี่”
“ใครว่าล่ะ แหวนเนี่ยมันของเธอ”
“อ้าว…ของพี่เบลล่าไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวสวนกลับอย่างใสซื่อ พร้อมจ้องเรียวหน้าหล่อลากไส้ตาแป๋ว
“ก็บอกแล้วไง ว่าแหวนวงนี้มันเป็นของเธอ ฉันเป็นคนออกแบบและสั่งให้เขาทำอย่างเร่งด่วนกับมือ ฉะนั้นห้ามถอดเป็นอันขาด เข้าใจไหม?” วูล์ฟหลุดปากออกมาด้วยความลืมตัว ก่อนที่เขาจะแสร้งตีหน้าขรึมในท้ายประโยค เพื่อกลบเกลื่อนความกระดากอาย ซึ่งวาจาที่ได้รับฟังก็ทำให้คนตัวเล็กหัวใจพองฟูคับอก แต่ยังไม่วายที่จะเอ่ยค้าน
“ก็มันคันนี่นา ให้ฉันถอดออกเถอะนะคะ เพราะตอนนี้มันเริ่มคันมากขึ้นแล้ว” เธอเว้าวอนพลางนิ่วหน้า เมื่ออาการคันจู่โจมรุนแรงมากยิ่งขึ้น มะลิร้อยก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนแพ้แหวนเพชรของเขา ทั้งที่มือเธอออกจะหยาบกร้านเพราะตรากตรำทำงานหนัก หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยใส่เครื่องประดับกันนะ
“คันก็ห้ามถอดเป็นอันขาด ใส่ไว้จะได้ชิน เดี๋ยวจะให้คนแวะซื้อยาให้” ขาดคำพ่อตัวโตก็กดโทรศัพท์ไปสั่งบิลลี่ซึ่งนั่งคู่กับคนขับอย่างเร่งด่วน อันที่จริงเขาก็แค่ลดกระจกกั้นระหว่างห้องโดยสารกับสารถีลง แต่วูล์ฟไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเวลาอยู่กับเมียเด็กเขาทำตัวยังไง แม้แต่คนสนิท
หลังจากคุยกับลูกน้องเสร็จ อภิมหาเศรษฐีหนุ่มก็หันมาเอ็ดคนที่กำลังจะเกามือตัวเองแรงๆ ให้สาแก่ความคัน จนเธอสะดุ้งเฮือก และหน้าซีดตัวสั่น
“เอ๊ะ! บอกว่าอย่าเกาไงล่ะ มานี่มา…” ขาดคำวูล์ฟก็คว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วดึงขึ้นมาตรงหน้า จากนั้นก็ทำในสิ่งที่สาวน้อยไม่คาดคิด แต่ใจเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก นั่นก็คือการเป่าลมร้อนๆ เข้าต้องนิ้วนางข้างซ้าย ตบท้ายด้วยการไล้เบาๆ เพื่อบรรเทาอาการคัน
“เป็นไงดีขึ้นไหม” เสียงห้าวทุ้มเจือละมุนทำให้สาวน้อยก้มหน้างุดด้วยความเอียงอาย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“อื้อ…”
“เล็บมีขีดขาวๆ เนี่ย เพราะขาดสารอาหารใช่ไหม” น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยถาม พลางกวาดสายตาดูเล็บทั้งสิบของคนที่นั่งอยู่บนตัก ความอาทรที่เขาแสดงออกมาทำให้มะลิร้อยแทบกลั้นยิ้มแห่งความยินดีไว้ไม่อยู่
“เอ่อ…คงใช่มั้งคะ”
“งั้นเดี๋ยวจะซื้ออาหารเสริมมาให้กิน” เพียงได้ยินแค่นั้นมะลิร้อยก็เบ้หน้า เพราะตอนสมัยเด็กๆ ที่บิดากับมารดายังมีชีวิตอยู่ เธอมักจะถูกพวกท่านบังคับให้กินอาหารเสริมพัฒนาการอยู่บ่อยครั้งจนนึกขยาด
“มะลิไม่ชอบกินอาหารเสริม มะลิชอบกินขนมหวานและไอศกรีมค่ะ…และก็ต้องเป็นไอศกรีมรสวนิลาด้วยนะคะ” ถ้อยคำที่ภรรยาสาวน้อยเอ่ยออกมาทำให้วูล์ฟสำเหนียกว่าเธอเด็กมากจริงๆ และมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแก่กว่าเธอเป็นชาติ...แบบว่าแก่หงำเหงือก แต่ก็ช่างหัวมันสิวะ…ในเมื่อเขายังแรงดีอยู่
“งั้นฉันจะเปลี่ยนความชอบของเธอเองนังหนู”
“คุณจะเปลี่ยนให้มะลิหันไปชอบกินอะไรแทนเหรอคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ท่าทีที่ดูผ่อนคลายของอีกฝ่ายทำให้เธอกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเขามากขึ้น
“ก็ชอบ ‘กินผัว’ ยังไงล่ะ”
“ผู้หญิงกินผัวมะลิไม่เอาด้วยหรอกค่ะ กลัวคุณจะตายก่อนวัยอันควร” เด็กสาวเอ่ยอย่างซื่อๆ แต่ทุกวลีที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้ม โดยเฉพาะในตอนท้ายโคตรโดนใจคนฟัง
“ใครว่าฉันจะตายล่ะเด็กน้อย ถ้าเธอกินฉัน และฉันกินเธอ ฉันก็จะกลายเป็นว่าได้กินเด็ก ฉะนั้นฉันจะไม่มีวันตาย เพราะเขาบอกว่ากินเด็กแล้วจะเป็นอมตะ” วูล์ฟหลิ่วตาหว่านเสน่ห์จนคนมองแทบใจละลาย