บท
ตั้งค่า

เจ้าบ่าวมัจจุราช (30%)

วิวาห์ไร้รักอันแสนอลังการที่สุดแห่งปี ถูกจัดขึ้น ณ มหาวิหารเซนต์แมรี่ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แขกเหรื่อทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานล้วนเป็นเหล่าอภิมหาเศรษฐี นักธุรกิจ และเซเลบคนดัง แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจของงานมากที่สุดก็คือแก๊งเพื่อนซี้ตัวแสบของเจ้าบ่าว เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว ทุกคนต่างหล่อเหลาชนิดไม่เป็นสองรองใคร และเพียงแค่พวกพ่อเจ้าประคุณเยื้องย่างกรายเข้ามาสู่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ก็ทำเอาหัวใจสาวๆ แทบจะละลายไปตามๆ กัน

“เฮ้!...พวก ได้เป็นเจ้าบ่าวทั้งทีทำหน้าให้มันมีชีวิตชีวาหน่อยสิวะ” บัลลังก์เมฆ เดวิดสัน วินส์ตัน ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศไทยมาร่วมงานวิวาห์ของเพื่อนรักเอ่ยแซวเบาๆ ระหว่างที่กำลังรอฤกษ์ในการดำเนินพิธีการ

“นั่นดิวะ ทำหน้าบึ้งเหมือนอยากจะฆ่าใครซักคนแบบนี้ เดี๋ยวแขกเหรื่อในงานก็พากันหนีกลับหมดหรอก” มาเทียส เวลัสโคเนอร์ บุรุษหนุ่มอีกหนึ่งรายซึ่งยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบายๆ เอ่ยเสริมเสียงห้าวทุ้ม พลางเอื้อมมือใหญ่ไปตบลงที่บ่ากว้างของเจ้าบ่าวเป็นเชิงให้กำลังใจ

“เออ…ว่าแต่ไอ้ไททันมันหายหัวไปไหนของมันวะ มันมาพร้อมพวกแกไม่ใช่เหรอ” วูล์ฟทำเป็นเฉไฉไปอีกเรื่อง เพราะไม่อยากรู้สึกหงุดหงิดมากไปกว่านั้น

“ไอ้พ่อปลาไหลหน้าหม้ออย่างมันจะไปไหนได้ ถ้าไม่ใช่ร่อนไปหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ทั้งงานได้ใจละลาย” มาเทียสกล่าวอย่างรู้เท่าทันนิสัยของคนที่ตกเป็นประเด็นสนทนา

“แรดจนน่าหมั่นไส้” บัลลังก์เมฆเบ้ปาก และในวินาทีถัดมาน้ำเสียงครื้นเครงก็ดังขึ้น

“เฮ้…พวก คิดถึงฉันมากหรือไงวะ ถึงได้นินทากันในระยะเผาขนแบบนี้” ขาดคำ ‘จอมฉาว’ ผู้ได้ฉายา ‘แรดตัวพ่อ’ อย่างไททัน เทเลอร์ ก็ปรากฏกายขึ้น ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างทระนงตน “อ๋อ…ขอแก้ต่างหน่อยนะ คนอย่างไททัน เทเลอร์ ไม่ได้หน้าหม้อแต่หน้าหล่อโว้ย”

“หมั่นไส้ไอ้คนหล่อแต่แรดว่ะ เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ” บัลลังก์เมฆอดที่จะแขวะคนหลงตัวเองไม่ได้

“อืม…มาพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างนี้ ทำให้ฉันอดคิดถึงไอ้ดาร์คไม่ได้ว่ะ” มาเทียสกล่าวถึงหนุ่มหล่อคนสุดท้ายในแก๊ง ที่ห่างจากเพื่อนและโลกภายนอกออกไปทุกทีอย่างดาร์ซี คาร์เวล อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อนทำให้ดาร์ซีเดินไม่ได้ และมันก็ได้พรากเพื่อนผู้เคยสรวลเสเฮฮาของพวกเขาให้กลายเป็นจอมโมโหร้าย ที่เอาแต่จมปลักอยู่กับความทุกข์ และบาดแผลของหัวใจ ซึ่งถูกแฟนสาวทิ้งไปในวันที่รู้ว่าเขากลายเป็นคนพิการ

“นั่นดิ น่าเสียดายเนอะที่ไอ้ดาร์คมันไม่ได้มาด้วย” บัลลังก์เมฆเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

“มันให้คนเอาของขวัญมาให้ฉันตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วล่ะ”

“เฮ้อ…คิดแล้วก็หนักใจ นับวันไอ้บ้านั่นยิ่งทำตัวเหมือนอสูรร้ายเข้าไปทุกที” มาเทียสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วบ่นอุบ ทว่าทุกถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกมาล้วนเป็นห่วงเพื่อนรักไม่ต่างจากสามหนุ่มที่เหลือ

“นั่นดิ ทั้งโมโหร้าย ฟาดงวงฟาดงา และปากจัด จนใครก็เข้าหน้าไม่ติด ได้ยินมาว่ามันไล่พยาบาลออกอีกแล้ว ฉันว่าตอนนี้หน้าหล่อๆ ของมันคงไม่ต่างจากยักษ์นักหรอก สู้ฉันก็ไม่ได้ หล่อแบบเสมอต้นเสมอปลาย แถมยังมีสาวๆ เรียงหน้ามาให้กินไม่ขาดสาย” จอมฉาวกล่าวอย่างหน้าไม่อาย

“แหม…ใครจะหล่อได้เหม็นเน่าคาวคลุ้งเหมือนแกวะ ไอ้แรดตัวพ่อ! ไอ้หล่อสุดฉาว!” คราวนี้เป็นมาเทียสที่อดไม่ไหวจึงแขวะเข้าให้

“โอเคๆ หยุดวิพากวิจารณ์ในความหล่อลากไส้ของฉันไว้ก่อน แล้วเราหันมาให้ความสนใจผู้ชาย ‘แก่’ ที่กำลังจะได้เมียเด็กแห่งปีอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน กันเถอะ” ขนาดจะหันไปให้ความสนใจกับเจ้าบ่าวไททันยังไม่วายตีขลุมใส่ตัวเองจนน่าหมั่นไส้

“มุกแกตลกฝืดว่ะไอ้ไททัน” วูล์ฟเอ่ยเสียงกระด้าง

“พอว่า…แกถึงได้หน้าบูดเป็นตูดหมึกแบบนี้ ทำท่าให้มันกระปรี้กระเปร่าหน่อยสิวะไอ้วูล์ฟ แกกำลังจะแต่งงาน และกำลังจะได้กินเด็กนะโว้ย ไม่ใช่เดินเข้าสู่ลานประหาร”

“พวกแกคงอยากหัวเราะเยาะฉัน” เจ้าบ่าวเอ่ยเสียงขรึมหน้าเครียด เพราะเพื่อนสนิททั้งสามต่างพากันห้ามปรามเรื่องแต่งงานกับอิซาเบลล่า แต่เขาก็ไม่ยอมฟังตั้งแต่แรก การตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ทำให้วูล์ฟเจ็บใจเหลือแสน

“เฮ้ย! คิดอะไรไม่เข้าท่า ใครจะอยากหัวเราะเยาะเพื่อนรักอย่างแกกันเล่า” พ่อเลี้ยงบัลลังก์เมฆเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก

“เออ…อย่าคิดมากสิวะ คนเราย่อมผิดพลาดกันได้” ไททันเอ่ยเป็นเชิงปลอบใจ

“ใช่ จะว่าไปแล้วฉันออกจะอิจฉาแกซะด้วยซ้ำ”

“แกจะมาอิจฉาอะไรฉันวะไอ้มาเทียส”

“ก็อิจฉาที่แกได้เมียเด็กยังไงล่ะ เขาบอกว่ากินเด็กแล้วจะเป็นอมตะ” ท้ายประโยคคนถูกถามหลิ่วตาให้อีกฝ่าย ก่อนจะหัวเราะพรืด เมื่อเห็นวูล์ฟทำหน้าตึง

“ถ้าแกอยากกินเด็กทำไมแกไม่รับรักน้องสาวฉันวะ” วาจาที่หลุดออกมาจากปากบัลลังก์เมฆทำให้มาเทียสแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

“ฉิบหาย! ไอ้เวรเมฆ! ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ อย่าเพิ่งเอ่ยถึงน้องสาวแกในตอนนี้จะได้ไหมวะ” มาเทียสก่นด่าเพื่อนซี้ตัวแสบ แล้วทำหน้าเซ็งจับจิต เมื่อกระหวัดคิดไปถึงมณีหยาดฟ้า เดวิดสัน วินส์ตัน ยัยเด็กแก่แดดที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาจนน่ารำคาญ

“ก็ได้ว่ะ เห็นแก่การเฝ้ารอคนสำคัญของไอ้วูล์ฟหรอกนะ”

“ใครวะ คนสำคัญของไอ้วูล์ฟ” ไททันแทรกขึ้นอย่างใคร่รู้

“ก็เจ้าสาวของมันไงวะ”

“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ นะโว้ย ยัยเด็กนั่นไม่ใช่คนสำคัญของฉันซักหน่อย…” เจ้าบ่าวรูปงามโวยลั่นอย่างลืมตัว

“เธอจะไม่สำคัญกับแกได้ยังไงวะ ผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้ชายรองจากแม่ก็คือเมีย”

“แกคิดเหรอว่าฉันจะยกย่องผู้หญิงจืดชืดอย่างแม่นั่นในฐานะเมีย” จอมเย่อหยิ่งเอ่ยเสียงเย็นชา

“เฮ้...ไม่เคยได้ยินเหรอวะ เวลาผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานโมโห เธอจะเเสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา ไม่เเน่นะเวลาเมียเเกโมโหอาจจะฟิวส์ขาดยิ่งกว่าเผาบ้านก็ได้” ไททันเปรยขึ้นอย่างติดตลก

“แม่นั่นไม่ใช่สเปกฉัน และที่สำคัญคือฉันไม่ได้พิสมัยเธอเลยสักนิด” วูล์ฟยังคงย้ำชัดด้วยท่าทียโส

“อย่าบอกนะว่า…แกคิดจะทิ้งขว้างแม่สาวน้อยที่เพิ่งได้ตำแหน่งซินเดอเรลลาคนล่าสุดของโลกจริงๆ” มาเทียสเอ่ยหยั่งเชิง หลังจากอ่านสีหน้าและท่าทางของเพื่อนซี้

“ใช่ ทันทีที่พิธีกล่าวคำสัตย์สาบานสิ้นสุดลงฉันจะเฉดหัวแม่ขยะโสโครกนั่นทิ้ง” วูล์ฟยืนยันอย่างหนักแน่น

“แกแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนั้นได้ ในเมื่อนักข่าวแห่มางานแต่งเป็นโขยง และมันคงจะไม่ดีแน่ถ้าวันดีคืนดีพวกเขาเกิดบังเอิญไปเห็นมาดามแอนเดอร์ตันทำงานงกๆ อยู่ในฟาร์ม และแต่งตัวมอซออย่างกับขอทาน แล้วไหนจะยังคุณยายอีกล่ะ ท่านอยากเห็นทะเบียนสมรสของแก และอยากจะอุ้มเหลนตัวน้อยๆ มากไม่ใช่เหรอวะ” บัลลังก์เมฆยกเอาเหตุและผลขึ้นมากล่าวแย้ง พร้อมกับเตือนสติเพื่อนซี้ในคราเดียวกัน

“บ้าเอ๊ย! ฉันลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปเสียสนิทเลยว่ะ” คนที่ไม่เคยพลาดและเกลียดการเสียหน้าเข้าไส้สบถออกมาด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อหัวสมองอันเฉียบแหลมไตร่ตรองถึงผลกระทบที่จะตามมาในภายหลัง วูล์ฟก็สรุปได้ทันทีว่าเขาจะต้องเอา ‘เมียขยะ’ ที่เป็น ‘ส่วนเกิน’ ในชีวิตอย่างมะลิร้อยติดสอยห้อยตามกลับอเมริกาไปด้วย

“ฉันว่าแกอย่าตั้งแง่รังเกียจแม่สาวน้อยผู้น่าสงสารนักเลยว่ะ เธอก็ดูน่ารักสมวัยดีออก มีเมียเด็กมันก็น่าจะกระชุ่มกระชวยไม่น้อยเลยนี่หว่า” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยโน้มน้าวให้เพื่อนรักคิดบวก เพราะนึกสงสารแม่สาวน้อยผู้ใสซื่อที่กำลังจะตกเป็นเบี้ยล่างของราชาหมาป่าจอมหยิ่งผยอง

“แต่ฉันไม่ต้องการยัยเด็กนั่นโว้ย”

“แล้วแกแต่งงานกับเธอทำไมวะ ฉันว่าแกยกเลิกงานแต่งก็สิ้นเรื่อง” บัลลังก์เมฆสวนกลับแทงใจดำอย่างจัง วูล์ฟเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนถึงไม่ยกเลิกงานวิวาห์เฮงซวยนี่ซะ เขากลัวจะเสียหน้าจริงๆ หรือ นั่นเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจแต่จอมเย่อหยิ่งกลับไม่อาจควานหาคำตอบให้ตัวเองได้ในขณะนี้

“เฮ้ย…หยุดเถียงกันได้แล้ว เจ้าสาวของไอ้วูล์ฟมาโน่นแล้ว” มาเทียสว่าพลางบุ้ยปากไปยังประตูโบสถ์

ทันทีที่เจ้าสาวผู้เลอโฉมซึ่งสลัดคราบนางซินก้นครัวไปเสียสิ้นปรากฏกายขึ้น เจ้าบ่าวก็ถึงกับตะลึงงัน จ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ หัวใจกร้าวกระด้างพลันเต้นผิดจังหวะ วูล์ฟไม่คิดว่ายัยเด็กที่เขาดูแคลนสารพัดจะสวยหยาดฟ้ามาดินในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ได้มากมายขนาดนี้…สวยจนเขาเกือบลืมหายใจ ส่วนแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างพากันแปลกใจ และเริ่มซุบซิบ ที่มีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยถามให้วูล์ฟได้ระคายหูและหงุดหงิดใจ เพราะต่างก็รู้ดีว่าการทำให้วูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ไม่พอใจนั้นไม่ต่างอะไรกับการเอามีดมาเชือดคอตัวเอง

“เจ้าสาวคนใหม่ไฉไลกว่าเดิม”

“สวยกว่ายัยเบลล่าเยอะเลยเนอะ”

“นั่นดิ เด็กอะไรน่ารักชะมัด” สามหนุ่มตัวแสบต่างพากันเอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์ ในระหว่างที่เจ้าสาวคนสวยเดินควงแขนผู้เป็นลุงมาสู่แท่นพิธี ซึ่งมีบาทหลวงยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“น้อยๆ หน่อยโว้ย!” เจ้าบ่าวหันมาเข่นเขี้ยวอย่างลืมสำรวมกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าบาทหลวง

“ฮั่นแน่…มีแอบหวงเมียเด็กด้วยว่ะ” ไททันแซวอย่างคะนองปาก

“ไหนว่าไม่พิศวาสเธอไงวะ” มาเทียสร่วมผสมโรงอย่างนึกสนุก ตบท้ายด้วยบัลลังก์เมฆ

“ไม่พิศวาสบ้าอะไรจะมองเจ้าสาวตาค้างขนาดนั้น”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” วูล์ฟกราดสายตาดุกระด้าง พร้อมเค้นเสียงแข็งๆ คาดโทษสามหนุ่ม

“ย่อมได้อยู่แล้วเพื่อน ถ้าแกมีแรงลุกจากเตียงมาเอาคืนพวกเรานะ อ้อ…อย่ามัวแต่กินเด็กเพลินจนลืมเพื่อนอย่างเราล่ะ” ท้ายประโยคมาเทียสไม่วายสัพยอกอย่างยิ้มๆ

จากนั้นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มขึ้น ไม่นานก็ถึงขั้นตอนสำคัญ คือการกล่าวคำมั่นสัญญา ซึ่งเป็นหัวใจของพิธีแต่งงานในศาสนาคริสต์ เพราะมันหมายถึงการทำพันธะสัญญาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า โดยมีแขกที่มาร่วมงานเป็นสักขีพยาน เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดไว้ บาทหลวงซึ่งยืนตรงแท่นพิธีต่อหน้าบ่าวสาวก็เริ่มทำหน้าที่ของตน

“นายวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ท่านจะรับนางสาวมะลิร้อย สร้อยมาลาเป็นภรรยา ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย สัญญาว่าจะรัก เชิดชู ดูแล และซื่อสัตย์ต่อเธอผู้เป็นภรรยาตลอดไป จนกว่าความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่”

“รับครับ…ข้าพเจ้านายวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ขอสัญญากับพระองค์ว่า จะขอรับนางสาวมะลิร้อย สร้อยมาลาเป็นภรรยาของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย สัญญาว่าจะรัก เชิดชู ดูแล และซื่อสัตย์ต่อเธอผู้เป็นภรรยาตลอดไป จนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน” วูล์ฟกล่าวทุกถ้อยคำออกมาอย่างชัดเจนและคล่องแคล่ว ผิดกับท่าทีปึงปังและโมโหร้าย ที่แสดงออกมาว่าไม่อยากแต่งงานกับมะลิร้อยเสียเต็มประดาในก่อนหน้านี้แบบลิบลับ จนเพื่อนรักทั้งสามอดอมยิ้มไม่ได้

“นางสาวมะลิร้อย สร้อยมาลา ท่านจะรับนายวูล์ฟ แอนเดอร์ตันเป็นสามี ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย สัญญาว่าจะรัก เชิดชู ดูแล และซื่อสัตย์ต่อเขาผู้เป็นสามีตลอดไป จนกว่าความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel