ข้อเสนอ(2)
เขาพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งกินยานอนหลับ ทั้งฝึกจิตใจให้สงบ แต่ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เขานั้นข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ ภาพในวันนั้นยังคงติดตา ทำให้เขานอนผวาทุกครั้งที่ฝันร้ายความรู้สึกผิดมันไม่เคยจางหายหรือลดน้อยลงตามกาลเวลาเลย
“ฉันอยากชดใช้ อยากอุปการะหนู”
เจ้าสัวกังวลเพราะพิมพิกานั้นยังอายุยังน้อย การที่เขาเข้าไปอุปการะก็อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากให้หญิงสาวนั้นได้แต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
หญิงสาวปฏิเสธ ลำพังแค่อีกฝ่ายนั้นดูแลพ่อและค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เธอก็เกรงใจจจนจะแย่อยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าสัวผู้นี้จะเป็นคนพรากชีวิตแม่ของเธอไปก็ตาม แต่เพราะไม่ได้ผูกพยาบาท พิมพิกาจึงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร
“ฉันอยากได้หนูเป็นสะใภ้”
หญิงสาวชะงักนิ่ง
“ฉันยินดีดูแลพ่อของหนูจนกว่าจะหายดี แต่ฉันอยากขอแลกกับการที่หนูมาเป็นลูกสะใภ้ นี่คือสิ่งที่ฉันอยากขอให้หนูช่วย”
พิมพิกาก้มอ่านเอกสารที่เจ้าสัวกิตติศักดิ์เตรียมไว้ให้แก่เธอ ชายวัยกลางคนมอบเงื่อนไขห้าอย่างแลกกับการที่เธอนั้นต้องแต่งงานกับลูกชายเขา หญิงสาวหยิบปากกาขึ้นมาก่อนจะเขียนเงื่อนไขที่เธอต้องการลงไปแต่ทว่ามีเพียงบรรทัดแรกเท่านั้นที่หญิงสาวเขียนลงไป เธอต้องการให้อีกฝ่ายช่วยดูแลผู้เป็นพ่อ แต่ไม่เคยคิดต้องการเงิน แม้สิ่งนั้นจะจำเป็นมากเพียงใด แต่เธอจะไม่ยอมให้ใครตราหน้าว่าเพราะเงินถึงทำให้เธอยอมแต่งงานกับลูกชายของเจ้าสัวผู้ร่ำรวยซึ่งเป็นคนที่พรากชีวิตของคนที่เธอรัก
พิมพิกาตัดสินใจลงนามทำสัญญากับเจ้าสัวกิตติศักดิ์ เธอเซ็นชื่อลงไปในเอกสารก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางมายังคฤหาสน์ใหญ่โตใจกลางเมือง
“บ้านฉันเอง”
เขาพาหญิงสาวตรงเข้าไปข้างใน ท่ามกลางสายตาเหล่าสาวใช้ที่จ้องมองมาด้วยความสงสัย
“นั่งก่อน”
พิมพิกามองมายังที่โต๊ะที่มีอาหารมากกว่าสิบอย่าง หญิงสาวกวาดมองไปทั่วทั้งโต๊ะก่อนที่เธอนั้นจะหันกลับไปด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเอ่ยอยู่ด้านหลัง
“มาพอดี มานั่งสิลูกวี”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยชวนลูกชาย ขณะที่อีกฝ่ายก้มมองนาฬิกาข้อมือ ไกรวีนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเรียบนิ่งจ้องมองหญิงแปลกหน้าด้วยความสงสัย
“ใครครับคุณพ่อ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มต้นกินอาหาร บรรยากาศอึดอัดทำให้พิมพิกาแทบจะกลืนข้าวไม่ลง เธอทำได้แค่เหลือบมองชายหนุ่มเท่านั้น
ไกรวีมองนาฬิกาหลายครั้งเพราะเขานัดกับ วันวิสาไว้ จนตอนนี้เวลาเลยผ่านมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ผู้เป็นพ่อยังคงชวนเขาคุยไม่หยุด บรรยากาศระหว่างพ่อลูกดูห่างเหิน แม้ว่าเจ้าสัววัยกลางคนจะเพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายมา แต่ไกรวีก็ไม่คิดถามไถ่สักคำ
“พิมพิกา ที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง”
ชายหนุ่มเหลือบตามองหญิงสาวอย่างไม่ใยดี ก่อนที่เขานั้นจะตักอาหารเข้าปากและไม่พูดอะไรอีกเลย
“คุณลุงคะ หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
หญิงสาวอยากหลีกหนีจากความอึดอัด เธอจึงปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะถอนหายใจออกมา มองตัวเองหน้ากระจกแล้วก็ได้แต่หนักใจที่เธอดันไปยอมรับข้อเสนอของเจ้าสัวกิตติศักดิ์ พิมพิกาอยากถอนตัว แต่เธอรับปากท่านไปแล้ว คงไม่ดีแน่หากพลิกคำพูดกลับไปกลับมาและไหนจะเรื่องของการรักษาพ่อของเธออีก
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนที่เธอจะชะงักเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยืนรออยู่ ไกรวีใช้สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้พิมพิการู้สึกไม่พอใจนักเพราะสายตาของอีกฝ่ายฉายให้เห็นถึงการดูถูก ดูแคลน
ริมฝีปากชายหนุ่มกระตุกยิ้ม เขาดันหญิงสาวให้พ้นทางก่อนเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเต็มแรง
พิมพิกาถอนหายใจยาวก่อนที่เธอนั้นจะเดินกลับไปยังห้องอาหาร
เจ้าสัวกิตติศักดิ์เห็นใบหน้าหญิงสาวก็พอจะเดาออกว่าคงโดนลูกชายตัวร้ายแผลงฤทธิ์ใส่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้พิมพิกาอดทน เพราะเชื่อว่าในวันหน้าไกรวีจะต้องมองเห็นความดีและความจริงใจของพิมพิกาเหมือนที่เขามองเห็น