บท
ตั้งค่า

ข้อเสนอ(1)

ตอนที่ 2

ข้อเสนอ

งานศพผ่านพ้นไปถึงแม้จะยังคงจมอยู่กับความเศร้าแต่เธอก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงให้เร็วที่สุด พิมพิกาจึงได้รีบเตรียมเอกสารเพื่อสมัครงาน หญิงสาวแวะไปที่โรงพยาบาลในช่วงสายก่อนจะเห็นเจ้าสัวกิตติศักดิ์มารออยู่ก่อนแล้ว

ชายวัยกลางคนส่งยิ้มเนือยให้หญิงสาวก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหิน ขณะรอทำเรื่องย้ายพ่อของอีกฝ่ายไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่เขาเป็นหุ้นส่วน

“คุณลุงกินอะไรมาหรือยังคะ”

หญิงสาวถามพร้อมหยิบขนมปังแซนวิชออกมาสองอัน ขนมปังสามเหลี่ยมทาน้ำสลัดบางๆ มี หมูหยองแปะอยู่ตรงกลางเพียงน้อยนิด เจ้าสัวผู้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เขาก้มมองอาหารในมืออย่างแปลกตาก่อนจะกัดเข้าปากไปหนึ่งคำ

นักธุรกิจอย่างเจ้าสัวรู้สึกไม่อยากเชื่อว่ารสชาตินั้นจะกลมกล่อมถูกปาก แม้ตัวขนมปังจะแข็งกระด้างไปเสียหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความอร่อยลดน้อยลง

“แซนวิชนี้ ซื้อหนูมาจากไหนเหรอ”

เขาเอ่ยถามหญิงสาวรุ่นลูก ก่อนที่เธอจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใส

“ร้านค้าใกล้บ้านค่ะ อันละห้าบาท”

เธอมักจะแวะซื้อเป็นประจำ ติดเอาไว้ในกระเป๋าเพื่อบรรเทาความหิวระหว่างมื้อ อีกทั้ง แซนวิชชิ้นนี้ราคาถูกมาก และยังอิ่มอร่อยอีกต่างหาก

“ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีอาหารที่อร่อยและถูกขนาดนี้”

เจ้าสัวอยู่ในสังคมที่ผู้คนแข่งกันอวด ความร่ำรวย แทบทุกมื้อจะถูกรังสรรค์โดยพ่อครัวฝีมือดี ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาต้องออกไปขวนขวายหาซื้ออาหารเอง แม้แต่ตามสั่งข้างทาง เขายังไม่เคยลิ้มลอง

“ว่าแต่คุณลุงจะย้ายพ่อของหนูไปที่โรงพยาบาลไหนคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้ว่าอีกฝ่ายแสดงความยินดีจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ ค่ารักษาพยาบาลของพ่อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เกรงใจจนอยากปฏิเสธ

“โรงพยาบาลใกล้บ้านฉัน”

พิมพิกาเป็นกังวลเมื่อรู้ว่าโรงพยาบาลที่พ่อเธอกำลังจะเดินทางไป อยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร หญิงสาวไม่กล้าคัดค้าน แต่สีหน้าของเธอก็ทำให้ ชายวัยกลางคนพอจะเดาออกว่าพิมพิกากำลังคิดอะไรอยู่

“หนูไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ที่นั่นมีหมอเก่งๆมากมาย ทั้งยังดูแลใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

พิมพิกาได้ยินเช่นนั้นก็เบาใจลงได้บ้าง แม้จะอยู่ห่างกันแต่อย่างน้อย พ่อก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดดีกว่าที่เป็นอย่างทุกวันนี้ที่มันดูจะสิ้นหวังลงไปทุกที

“แต่ฉันมีเรื่องอยากให้หนูช่วยสักหน่อย”

เจ้าสัววัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาถอนหายใจยาวก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน หลายวันมานี้เขารู้สึกกังวลใจที่ลูกชายนั้นไม่ยอมกลับบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังคงมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง เพราะต่อให้เมามายเพียงใดก็ตื่นเช้าไปทำงานได้ทุกวัน

“อะไรเหรอคะ คุณอยากให้หนูช่วยอะไร”

เจ้าสัวกิตติศักดิ์ตัดสินใจเล่าเรื่องลูกชายของเขาให้เธอฟัง พิมพิกาได้ยินเช่นนั้นก็เห็นใจอีกฝ่าย เธอเข้าใจความเป็นห่วงของผู้เป็นพ่อดีที่เห็นลูกชายกำลังหลงเดินทางผิดก็คงจะกังวลไม่น้อย

“ฉันรู้สึกผิดเรื่องแม่ของหนู ฉันนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว”

เขาพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งกินยานอนหลับ ทั้งฝึกจิตใจให้สงบ แต่ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เขานั้นข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ ภาพในวันนั้นยังคงติดตา ทำให้เขานอนผวาทุกครั้งที่ฝันร้ายความรู้สึกผิดมันไม่เคยจางหายหรือลดน้อยลงตามกาลเวลาเลย

“ฉันอยากชดใช้ อยากอุปการะหนู”

เจ้าสัวกังวลเพราะพิมพิกานั้นยังอายุยังน้อย การที่เขาเข้าไปอุปการะก็อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากให้หญิงสาวนั้นได้แต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของเขา

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

หญิงสาวปฏิเสธ ลำพังแค่อีกฝ่ายนั้นดูแลพ่อและค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เธอก็เกรงใจจจนจะแย่อยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าสัวผู้นี้จะเป็นคนพรากชีวิตแม่ของเธอไปก็ตาม แต่เพราะไม่ได้ผูกพยาบาท พิมพิกาจึงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร

“ฉันอยากได้หนูเป็นสะใภ้”

หญิงสาวชะงักนิ่ง

“ฉันยินดีดูแลพ่อของหนูจนกว่าจะหายดี แต่ฉันอยากขอแลกกับการที่หนูมาเป็นลูกสะใภ้ นี่คือสิ่งที่ฉันอยากขอให้หนูช่วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel