บทที่ 9
อาโป สาวน้อยจากต่างเมืองที่บิดาฝากให้บ้านต้าหวังดูแล ได้หัวเราะลั่นให้กับทฤษฎีที่ทุกคนกล่าวอ้าง นางพูดเสมอว่า พวกชอบกล่าวเรื่องโดยไม่สืบหาความจริงนั้นช่างโง่เขลาสิ้นดี
“คุณหนูของข้าไม่มีส่วนใดที่คล้ายคลึงกับคุณแม่บ้านตันหยงหรือคุณแม่นมสุ่ยเฟิงเลยแม้แต่น้อย ที่ข้าเคยได้ยินมาคือท่านทั้งสองครองตัวเป็นโสด นับตั้งแต่สูญเสียสามีและบุตรชายในศึกสงคราม บิดามารดาของคุณหนูจะเป็นผู้ใดไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของนายและบ่าวไม่ควรยุ่ง”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาโปกลายเป็นคนโปรดของคุณแม่บ้านตันหยงในทันที หญิงชราให้สาวน้อยบ้านนาเป็นหูเป็นตาคอยช่วยเหลือเหม่ยฟางอยู่ตลอด ใช้เวลาไม่นานนักอาโปก็กลายเป็นคนรู้ใจของคุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังด้วยอีกคน แม้ความช่างสังเกตและความพูดไม่รู้จักความ จะทำเอาผู้อาวุโสของบ้านปวดหัวอยู่บ้างก็ตาม
“อีกมินานตะวันก็จะลับฟ้าแล้ว อากาศเย็นอาจจะทำให้ท่านไม่สบายเอาได้ เรากลับบ้านต้าหวังเพื่อเลี่ยงปัญหานั้นจะเป็นการดีกว่านะเจ้าคะคุณหนู” อาโปพูดพลางหอบ นางตัวเล็กแคล่วคล่องว่องไวก็จริง แต่ไม่มีทางเลยที่จะรู้สึกสบายตัวเมื่อต้องเดินไต่ขึ้นเขาหลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวันเช่นนี้
“เจ้าอย่าได้กังวลจนเกินควร วันนี้ข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว พักตากลมเย็นเพียงชั่วครู่ คงไม่ทำให้ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อ” เจ้าของเสียงหวานถอนหายใจยาว ไม่เพียงเหนื่อยกายแต่ภายในใจยังหนักอึ้ง นับตั้งแต่ได้รับข่าวว่าผิงอันจะกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านต้าหวัง เรื่องการพบปะกันกลางท้องทุ่งหญ้าและผ้าเช็ดหน้าที่ได้รับเมื่อหลายปีก่อน ผุดขึ้นกวนใจนางได้อยู่เรื่อย
“หรือว่าคุณหนูคนสวยของอาโปกำลังคิดถึงเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น”
อาโปพูดแทรกความคิดของนายสาวตามประสาคนรู้ดี เหม่ยฟางซ่อนผ้าเช็ดหน้าที่ซักจนสะอาดราวกับผืนใหม่ไว้ใต้หมอนของนาง ทว่าไม่มีสิ่งใดพ้นสายตาสาวใช้จอมจุ้นไปได้
“เจ้านี่จริงๆเลย ก็บอกแล้วไงว่ามีคนให้ข้าไว้เพราะตอนนั้นข้าหกล้ม เนื้อตัวสกปรกมาก แล้วเขานึกว่าข้าเป็นเพียงเด็กผู้ชาย ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนไปกว่านั้น แล้วอีกอย่างข้าก็จำหน้าเขาไม่ได้แล้วด้วย”
คุณหนูเล็กปดคำโต ในวัยเด็กนางไม่ประสีประสาเรื่องความรักก็จริง เมื่อโตมาอีกหน่อยก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า นางแอบมีใจให้เจ้าของผ้าเช็ดหน้า แม้เขาจะมีเจ้าของแล้วก็ตาม
“ถ้าข้าน้อยเคยได้ร่ำเรียนหนังสือ ก็คงจะรู้ว่าลายปักบนผ้าผืนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร” อาโปเสริมอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะขอร้องให้คุณหนูกลับเข้าบ้านพักผ่อน ทว่าเหม่ยฟางยืนยันขออยู่ต่ออีกสักพัก สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์จึงยอมปล่อยนายสาวไว้ตามลำพังแต่โดยดี
เจ้าของดวงตากลมโตบิดตัวด้วยความเหนื่อยล้า ใบหน้าหวานที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสตรีที่สวยจนหาใครเทียบได้ยาก โชคดีที่ชุดรัดกุมของบุรุษที่สวมใส่ ยังพอช่วยให้นางรอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้อยู่บ้าง
ในช่วงที่นางเริ่มแตกเนื้อสาวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหม่ยฟางได้สร้างปัญหาให้กับบ้านต้าหวังยามเมื่อนางออกไปเดินเล่นที่ตลาดกับบรรดาสาวใช้ ชายทุกผู้ไม่ว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์หรือชาวบ้านทั่วไป ต่างตกตะลึงในความงามของนาง โดยเฉพาะดวงตากลมโตหวานซึ้งคู่นั้น
ชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งที่ร่ำสุราอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่ไกลนัก หักห้ามใจตนเองไม่ไหวจนเสียมารยาทเข้ามาพูดคุยกับนาง แม้สาวใช้จะพยายามห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล หากไม่ได้อาโปที่ตะโกนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายในคราวนั้น นางก็คงจะตกเป็นเป้าคำติฉินนินทาจากการถูกล่วงละเมิดเป็นแน่
“แม่นางคนงามมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร บอกข้าเป็นบุญทีเถิด” ลูกชายของผู้มีศักดิ์เป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่เอ่ยว่าจาเกี้ยวพาราสี ก่อนจะพยายามเข้าถึงตัวของเหม่ยฟาง เป้าหมายคืออะไรก็สุดจะจินตนาการ นับเป็นโชคที่สิ้นเสียงของอาโป ความช่วยเหลือก็มาถึง
“อู่ฉาง จงหยุดทำตัวอันธพาล มิเช่นนั้นข้าคงจะต้องเข้าเยี่ยมเยียนตระกูลอู่อีกสักครา”
เจ้าของเสียงดุดันเอ่ยขึ้น ใบหน้ามีรอยบากแถบหนึ่ง ทว่ากลับไม่สามารถทำอะไรต่อความหล่อเหลาสมชายของร่างสูงได้ ชื่อเสียงของเขายังคงมีอิทธิพลในแดนใต้อยู่มาก เมื่อปรากฏตัวที่ใดก็มีแต่คนให้ความเคารพยำเกรงอยู่เสมอ
อดีตแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ย ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ชายหนุ่มผู้นี้อาศัยบารมีของบิดา สร้างปัญหารบกวนผู้อื่นไปทั่ว แม้จะเคยได้เข้าพบปะพูดคุยกับผู้นำตระกูลอู่ในเรื่องนี้แล้ว ทว่าก็ยังได้รับคำร้องเรียนอยู่อีกหลายครั้ง วันนี้จึงนับเป็นฤกษ์ดีที่ได้เห็นทุกอย่างด้วยตาของตนเอง จะได้จัดการทุกอย่างเสียให้เด็ดขาด
