บทที่ 18
ร่างสูงถึงกับส่ายหน้าเมื่อนึกถึงคุณหนูผิงอัน คำครหาเรื่องรัชทายาทอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นางดูดื้อรั้นมากกว่าในวัยเยาว์เสียอีก ลู่เหวินเจี๋ยเร่งควบม้าด้วยหวังว่าความเร็วจะทำให้เขาคลายกังวลจากเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ได้บ้าง
อาโปสาวใช้ประจำของตัวเหม่ยฟางถึงกับต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินว่าอีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ตลอดการเดินทางนายสาวมีอาการซึมเศร้าราวกับคนป่วยทางใจ พอเจออากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจึงมีไข้เข้ารุมเร้าให้ป่วยทางกายเพิ่มเติมไปด้วย
ร่างกายของเหม่ยฟางยังอ่อนแออยู่ก็จริง แต่ก็พอสังเกตได้ว่าตำหนักที่ตนต้องเข้าพักกลับมิได้อยู่ภายในวังหลวงอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ขบวนของนางหยุดอยู่หน้าตำหนักขนาดกลางนอกเมือง ทราบในภายหลังว่าองค์ชายหวังจื่อเทียนได้ย้ายมาพำนักที่ตำหนักเหลียนฮวาเป็นการถาวร เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวหลังจากพิธีสมรสเสร็จสิ้น
“ดื่มยาบำรุงให้ตรงเวลาและพักผ่อนให้มาก ไม่เกินสองราตรีก็จะดีขึ้น” หมอประจำบ้านยืนยันว่าเหม่ยฟางเพียงแค่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและจะหายดีในไม่ช้า กลิ่นหอมของดอกไม้ที่หอมอบอวลอยู่ทั่วทั้งตำหนักก็มีส่วนช่วยให้คนป่วยอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าปล่อยให้องค์ชายเข้าใจผิดไปว่าเจ้าคือสาวใช้ เพราะท่านพ่อคงจะสบายใจมากกว่า หากได้ยินว่าองค์ชายต้องการให้อาโปกลับไปปรนนิบัติที่เมืองหลวง เจ้าคงต้องหาข้ออ้างที่ฟังขึ้นหน่อย ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้องค์ชายเข้าใจได้ผิดเช่นนี้” ผิงอันกำชับให้เหม่ยฟางใช้สติปัญญาให้มาก เพราะองค์ชายหวังจื่อเทียนไม่ใช่คนที่รับมือกับเรื่องโกหกหลอกหลวงได้ดีนัก
“ท่านพี่โปรดอย่ากังวล เมื่อถึงเวลาข้าจะหาทางอธิบายเรื่องนี้เอง” ค่ำคืนที่วาบหวามยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ เมื่อระลึกถึงวาจาที่องค์ชายใช้เกี้ยวพาราสีก็ให้รู้สึกเขินอายจนใบหน้าแดงจัด เหม่ยฟางไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพิษไข้หรืออะไรกันแน่ที่ทำให้นางรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“หากทราบความจริงแล้วคงจะโกรธน่าดู อาจถึงขั้นปฏิเสธไม่ยอมร่วมเตียงเคียงหมอน แต่ข้าก็ยังมั่นใจว่าความงามและสติปัญญาของเจ้าจะทำให้องค์ชายใจอ่อนได้ในที่สุด”
ผิงอันเลือกที่จะไม่กล่าวถึงข้อตกลงที่นางใช้ผูกมัดองค์ชายรองให้อยู่ร่วมตำหนักเดียวกับเหม่ยฟาง เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่น่ารอดจากบ่วงเสน่หานี้
หวังจื่อเทียนใช้เวลาตลอดบ่ายฝึกการผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ ผู้คนต่างทราบโดยทั่วกันว่า องค์ชายรองคือต้นแบบของคำว่าสุภาพบุรุษที่ดี แตกต่างจากพี่ชายร่วมสายเลือดอย่างสิ้นเชิง ทว่าคืนนี้เขามิอาจฝืนความต้องการของตนได้อีก จึงออกคำสั่งให้อาโปเข้ามาปรนนิบัติทันทีที่ตะวันลับฟ้า
ร่างสูงในชุดนอนสีขาวสัญญากับตนเองว่าจะใช้วาจาหว่านล้อมให้นางสมยอมแต่โดยดี ทว่าเมื่อคิดถึงใบหน้าตื่นตระหนกของนางที่เขาเฝ้ารอมามากกว่าสิบราตรีแล้ว ก็บันดาลให้เกิดอารมณ์ปั่นป่วนและปรารถนาที่ก้าวออกจากกรอบของประเพณีที่ล้อมรอบตนไว้โดยเร็ว
องค์ชายรองหมายมั่นว่าจะเอ่ยคำขอโทษที่ล่วงเกินอาโปกลางป่ากลางสวน และสอบถามถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อชายขี่ม้า ทว่าเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่หยุดอยู่ตรงหน้าห้อง เขาก็ได้ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาหุบยิ้มเมื่อหันมาเจอสาวใช้ผู้หนึ่งนั่งหน้าแป้นรออยู่ หวังจื่อเทียนคาดเดาว่านางคือคุณหนูเล็กจากบ้านต้าหวังไม่ผิดแน่
“คืนนี้ข้าต้องการตัวอาโป เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
หวังจื่อเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ห้วนจนเกินไปนัก ถึงอย่างไรเสียเหม่ยฟางก็คือลูกหลานของเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน เขาจึงไม่ควรหักหาญน้ำใจนางจนเกินไป แต่หลังจากนี้คงจะต้องคุยกับผิงอันเสียหน่อยว่า นี่หรือความงามที่มิสามารถละสายตาได้
“อาโปขออนุญาตรายงานองค์ชาย ตอนนี้อาการของคุณหนูดีขึ้นมากแล้ว หมอประจำบ้านกล่าวว่า พักอีกสองวันก็น่าจะเข้ามาถวายงานได้” อาโปนึกว่าองค์ชายรองเรียกนางมาถามไถ่อาการของคุณหนู จึงเร่งรีบถวายรายงาน
“อยากเล่นตลกก็ไปโรงน้ำชาหรืออยากกลับไปเล่นที่บ้านต้าหวังก็ตามใจเจ้า ฝากบอกผิงอันด้วยว่านางกำนัลขององค์ชายใหญ่ยังงดงามกว่าน้องสาวของนางมากนัก”
น้ำเสียงของหวังจื่อเทียนราบเรียบ ทว่าถ้อยคำบาดใจคนฟังยิ่งนัก เขายังคงแปลกใจที่คุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังทำหน้าราวกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อ
