บทที่ 15
เช้าวันเดินทางนั้นวุ่นวายกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อย สัมภาระของเหม่ยฟางมีไม่มากนัก ทว่าของฝากจากท่านเสนาบดีชราที่มีให้ฮ่องเต้กลับท่วมท้นเกวียนสัมภาระ สาวใช้หลายคนต่างพากันโศกเศร้าเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูเล็กจากบ้านต้าหวังไป และอีกหลายคนเกรงกลัวคุณแม่บ้านตันหยงที่กลับมาจัดการทุกอย่างในบ้านดังเดิม
หลายวันที่ผ่านมาองค์ชายหวังจื่อเทียนค่อนข้างหงุดหงิดและไม่พอใจนัก เนื่องจากสาวใช้ที่เขาหมายปองจนแทบคลั่ง ได้ขออนุญาตกลับบ้านเกิดและจะเดินทางรั้งท้ายมาพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของคุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวัง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่าคุณหนูเหม่ยฟาง เขาทราบจากผิงอันในภายหลังว่านางคือสตรีที่จะมารับภารกิจสำคัญ
“ตกลงแล้วคนที่เจ้าเลือกมาให้ข้าทำลูกก็คือน้องสาวตนเองเช่นนั้นหรือ เจ้ากล้าใจร้ายกับคนในครอบครัวได้ถึงเพียงนี้ ข้าคงจะต้องระมัดระวังให้ดีเสียแล้ว”
องค์ชายหวังจื่อเทียนเอ่ยประชดประชัดด้วยเสียงเรียบเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาสาบานกับตนเองว่าจะไม่แต่งงานกับนางหากย้อนเวลาได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ช่างห่างไกลจากคำว่าสามีภรรยา ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจกับอาโป ยังทำให้เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านได้มากกว่าเวลาหลายปีที่อยู่ร่วมตำหนักกับผิงอัน
“หากรอช้ากว่านี้ ข้าคงต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งชายาเอก เพราะไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทได้ เรื่องนี้จะทำให้ตระกูลของข้าเสื่อมเสีย ทางเหม่ยฟางเองก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียงของครอบครัว ข้าไม่ได้บังคับฝืนใจนางเลยแม้แต่น้อย” ผิงอันอ้างถึงเหตุผลที่ฟังดูแล้วน่าชิงชังยิ่งนัก
“ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องพอใจในตัวของเหม่ยฟาง นางมีรูปโฉมงดงามและสติปัญญาที่ยากจะหาหญิงใดเทียบ ท่านพ่อแทบไม่อนุญาตให้นางออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดปัญหา”
คุณหนูใหญ่ของบ้านเอ่ยชมน้องสาวบุญธรรม หากได้ฟังคำที่ตนเองกล่าวในภายหลังจากผู้อื่น ก็อาจจะรู้สึกหมั่นไส้เพราะคำชมที่ว่านั้น ดูเหมือนยกยอกันมากเกินไป
“ถ้านางงดงามจริงอย่างที่กล่าวมาจริง เหตุใดจึงไม่ให้ข้าแต่งกับนางตั้งแต่ทีแรก จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทนลำบากอยู่กับข้าที่ตำหนักนอกเมือง ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เจ้ารักตามใจปรารถนา จะว่าไปแล้วน้องสาวของเจ้าเองก็คงจะไร้มนุษยธรรมมิแพ้กัน มิเช่นนั้นนางก็คงไม่ยอมทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้”
ผิงอันไม่สนใจคำเสียดสีขององค์ชายรอง ภาพในคืนที่หวังจื่อเทียนไปดักรอเหม่ยฟางนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของนาง น้องสาวบุญธรรมโป้ปดคำโตถึงสถานะที่แท้จริงของตน หลอกลวงว่าเป็นสาวใช้เพื่อจะได้เป็นอิสระและหลุดพ้นจากพันธนาการของคนที่กำลังจงเกลียดจงชังนางอยู่ตอนนี้
“จะเหน็บแนมส่อเสียดอย่างไรก็ตามแต่ใจของท่าน อย่างไรเสียเราก็ต้องทำตามแผนที่วางไว้อยู่ดี ตอนนี้ปากท่านยังไม่ยอมรับว่าแผนของข้าคือทางออกที่ดีที่สุด ทว่าทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าส่วนลึกในใจท่านเห็นด้วยจนถึงขั้นยอมเดินทางตามข้ามาที่นี่”
“วาจาร้ายกาจยิ่งนัก ที่ผ่านมาข้ารู้สึกวิงเวียนทุกครั้งที่ต้องทนมองหน้าเจ้า คุณหนูเหม่ยฟางแห่งบ้านต้าหวังเองก็คงจะฤทธิ์เยอะไม่ต่างกัน นางอาจจะงดงามอย่างที่เจ้าว่า แต่กลับทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจได้แม้ยังไม่เคยพบเจอ คงต้องใช้ความพยายามมากหน่อย ที่จะทำให้ข้าเกิดความรู้สึกต้องการนางขึ้นมาได้”
องค์ชายรองฉุนเฉียวกว่าเกินกว่าจะสำรวมวาจา เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องนี้เลยเถิดมาไกล จนเกือบต้องผิดต่อหลักการที่ตนได้ยึดถือมาตลอด
“ข้าขอยกเลิกข้อตกลงไร้สาระพวกนี้ ให้ข้าไร้ทายาทสืบสกุลก็ยังดีกว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อหลักการของตนเอง” หวังจื่อเทียนตัดสินใจยกเลิกแผนการทั้งหมด เขายอมแบกรับปัญหาของตนแทนที่จะให้ผู้อื่นมารับกรรม ทารกน้อยควรเกิดมาเพราะความรักและมีสิทธิ์ที่จะได้อยู่กับมารดาที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน
“ท่านพี่โปรดให้โอกาสนางได้อยู่ร่วมตำหนักเดียวกันก่อน หากเหม่ยฟางไม่สามารถเอาชนะใจท่านและตั้งครรภ์ได้ในระยะเวลาหนึ่งปี ข้าจะยอมหย่าขาดและปล่อยท่านให้เป็นอิสระ ไม่ต้องฝืนใจพรากลูกจากอกของแม่อีก” ผิงอันเอ่ยข้อเสนออันยั่วยุเพื่อดึงความสนใจขององค์ชายรอง
