บท
ตั้งค่า

บทที่ 13

เมื่อได้ยินชื่อของคุณหนูใหญ่ของบ้าน เหม่ยฟางจึงได้สติและสะบัดตัวออกจากร่างกำยำ ทว่าไม่สำเร็จเพราะกำลังของคนตรงหน้านั้นมีมากเหลือเกิน

“บอกชื่อข้ามาก่อน ไม่เช่นนั้นข้าจะจูบเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมพูดกับข้า” องค์ชายสั่งเสียงแข็งก่อนจะซุกไซ้จมูกเรียวลงบนลำคอที่ขาวราวกับงาช้างนั้น นางหอมราวกับดอกไม้ป่าที่เขาไม่อยากปล่อยให้หลุดจากมือ ร่างเล็กสั่นราวกับลูกนกที่พยายามดิ้นรนหนีออกจากอุ้งเท้าของพญาเหยี่ยว

“ข้าน้อยชื่ออาโป เป็นสาวใช้ของคุณหนูเหม่ยฟาง”

ร่างบางโกหกพร้อมอาศัยจังหวะทีเผลอ ผลักองค์ชายที่กำลังงุนงงกับชื่อของคุณหนูที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน มือหนาพยายามคว้าตัวนางไว้แต่ไม่ทัน นับว่าโชคยังคงเข้าข้างเหม่ยฟางที่บริเวณนั้นมีผู้คนเดินผ่านมาพอดี

“คราวหน้าเจ้าไม่รอดแน่ อาโป!” หวังจื่อเทียนคำรามอยู่ในใจด้วยไม่เคยต้องการอะไรมากเช่นนี้มาก่อน

นางเป็นเพียงสาวใช้แต่กล้าปฏิเสธองค์ชาย ซ้ำยังทำให้เขาขาดสติไร้การควบคุม ทางเดียวที่จะแก้ไขให้ดีขึ้นได้คือใช้เวลาอยู่กับนางจนกว่าจะเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาแน่

ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมาก ผิงอันกำลังยิ้มอยู่อย่างพอใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนแล้วว่าน้องสาวบุญธรรมนั้นไม่สามารถทนทานเสน่ห์อันเหลือล้นขององค์ชายได้ ตนเองก็คงไม่ต่างหากหวังจื่อเทียนเร่งเร้าต้องการตัว แต่ใจที่หนักแน่นยิ่งกว่าหินผาขององค์ชายนั้นยืนหยัดต่อคำขอของนางไม่แปรเปลี่ยน

ช่วงสายหลังจากที่องค์ชายหวังจื่อเทียนและคุณหนูผิงอันเดินทางไปนอกเมือง คุณแม่บ้านตันหยงวัยชราก็ได้ถือโอกาสเดินเข้ามาเยี่ยมเยียนเหม่ยฟางในทันที บทสนทนาที่เกิดขึ้นในวันนี้คงไม่เสนาะหูนักหากเจ้าของใบหน้างามปฏิเสธคำร้องขอของคุณหนูใหญ่บ้านต้าหวัง

“ข้าอยากรู้นัก ว่าคุณหนูเล็กจะจัดการเรื่องที่คุณหนูใหญ่ขออย่างไร” หญิงชราถามอย่างไม่อ้อมค้อมหลังจากสั่งให้อาโปออกไปรออยู่ข้างนอก ด้วยวัยของนางทำให้ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด การพูดจาตรงประเด็นแต่แรกเริ่มจะทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น เพื่อที่นางจะได้กลับเข้าไปพักผ่อนเสียที

“ข้าอยากอยู่ที่นี่เพราะอดเป็นห่วงท่านพ่อไม่ได้”

เหม่ยฟางเลือกที่จะอยู่ดูแลบิดา ตันหยงถอนหายใจเมื่อทราบเจตนารมณ์ของคุณหนูเล็ก นางจำต้องใช้ไม้แข็งเพื่อให้ผิงอันได้ในสิ่งต้องการ หญิงชรานึกขอโทษแม่นมสุ่ยเฟิงเพื่อนรักที่คงจะสาปแช่งนางหลังจากบทสนทนานี้จบลง

“คุณหนูทราบดีใช่หรือไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ใช่ต้องการเพื่อนแก้เหงาที่เมืองหลวง หากเป็นหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเพื่อให้คุณหนูใหญ่ได้มีรัชทายาทให้กับราชวงศ์ ผู้ที่รับหน้าที่นี้ต้องเป็นคนของตระกูลเราเท่านั้น และข้าเองก็มั่นใจว่าหากไม่อับจนหนทางแล้ว คุณหนูผิงอันก็คงไม่เอ่ยปากขอร้องเช่นนี้”

ร่างบางยืนนิ่งเมื่อทราบถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการเดินทางมาเยี่ยมเยียน ทว่าก่อนที่เหม่ยฟางจะเอ่ยโต้แย้งอะไรไป หญิงชราก็เสริมขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูควรสำนึกถึงบุญคุณของตระกูลเราให้มาก ที่คุณหนูได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมก็เพราะความกรุณาของท่านเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียนโดยแท้ ท่านยอมรับคุณหนูเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ทั้งๆ ที่คุณหนูเปรียบเสมือนมารหัวใจของท่าน”

“มารหัวใจของท่านพ่อเช่นนั้นหรือ”

ร่างบางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หยกสลักลายสวย ด้วยเข้าใจผิดมาตลอดว่าตนเป็นที่รักของทั้งบิดาและพี่สาวบุญธรรม แม้บิดามารดาของเหม่ยฟางจะจากไปตั้งแต่ยังจำความยังไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าขาดหายอะไรไป เนื่องจากได้รับความรักจากคนรอบข้างอยู่เสมอ

“ข้าไม่อยากให้คุณหนูเข้าใจผิดไป ในตอนแรกนั้นท่านเสนาบดีค่อนข้างลำบากใจที่จะรับคุณหนูเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน แต่ความน่ารักของทารกน้อยทำให้ท่านยอมใจอ่อน ทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่อย่างคุณหนูเองก็คงพอสัมผัสได้”

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วเหม่ยฟางจึงน้ำตาก็หลั่งออกมาอย่างตื้นตัน ในใจขอบคุณฟ้าที่ยังให้โอกาสนางได้แสดงความกตัญญูตลอดเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel