บทที่ 12
น้องสาวบุญธรรมขอตัวลาไปพักผ่อน ปล่อยให้คนที่ห่างบ้านไปนานและคุณแม่บ้านชราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะเดินทางไปขอบุตรที่วัดนอกเมือง ผิงอันดูไม่ใส่ใจนักเพราะการไปวัดไม่ใช่จุดมุ่งหมายที่ทำให้นางเดินทางกลับบ้านมาแต่แรก
นางหมดหนทางแล้วจึงจำเป็นต้องเลือกทางออกที่เห็นแก่ตัว เหม่ยฟางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่เหมาะสมกับแผนนี้ ผิงอันมั่นใจว่าความงามและสติปัญญาของนางจะทำให้องค์ชายหวังจื่อเทียนพึงพอใจได้ไม่ยาก
ขาดเพียงความร่วมมือที่จะได้จากนางผู้เป็นหมากตัวสำคัญ เห็นทีจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับแม่บ้านตันหยงอย่างจริงจัง เพื่อหาทางออกให้กับแผนการในครั้งนี้
หลังจากพยายามข่มตาหลับอยู่พักใหญ่ เหม่ยฟางก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับอาการนอนไม่หลับ ร่างบางลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้วยไม่ต้องการรบกวนสาวใช้อาโปที่กำลังหลับเป็นตายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน นางเดินไปยังสวนอีกฝั่งของบ้าน ซึ่งค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากผู้คน เรื่องราวมากมายกวนใจจนไม่รู้สึกง่วง แม้จะเหนื่อยมากก็ตามที
“ท่านพี่จะให้ข้าไปอยู่เมืองหลวงแล้วใครจะดูแลบ้านต้าหวังกันเล่า มีแต่คนแก่ทั้งนั้น” เหม่ยฟางเริ่มกังวลไปร้อยแปดประการจนเกือบลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
องค์ชายรองยื้อตัวนางอย่างสุดกำลัง ดวงตาเรียวคู่นั้นเต็มไปด้วยไฟปรารถนาไม่ต่างจากชายอื่นที่นางเคยพบเจอ คำสอนของลู่เหวินเจี๋ยดังก้อง นางได้แต่โทษตนเองที่ไม่รู้จักระวังให้มากพอ
เหม่ยฟางจำได้ดีว่าเมื่อวานตนรอดจากเงื้อมมือขององค์ชายเพียงเพราะโชคช่วย เสียงร้องเรียกของเหล่าองครักษ์ที่ตามมาทำให้ร่างสูงยอมปล่อยตัวคนในอ้อมแขนอย่างไม่เต็มใจนัก นางใช้จังหวะนี้ผลักไสและหนีจากเขาโดยเร็ว อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหลีกจนหวังจื่อเทียนตามไม่ทัน
ทันใดนั้นเอง คุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวังก็เกือบจะต้องล้มลงไม่เป็นท่า เพราะเกิดปะทะเข้ากับแผ่นอกหนาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เหม่ยฟางส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น แต่ทว่าริมฝีปากของชายหนุ่มปริศนากลับปิดปากนางไว้แน่น ท่วงทำนองการจูบบวกกลิ่นหอมรัญจวนทำเอาเจ้าของร่างแทบประคองตนเองไว้ไม่อยู่ เมื่อเป็นอิสระจากความปรารถนา นางจึงเอ่ยเสียงสั่นอ้อนวอน
“องค์ชายโปรดปล่อยข้าเถิด อย่าทำให้ข้าต้องอับอายไปมากกว่านี้เลย” คุณหนูเล็กของบ้านเอ่ยเสียงสั่น นางรู้ในทันทีว่าโจรขโมยจูบผู้นี้คือองค์ชายหวังจื่อเทียน กลิ่นกายหอมกรุ่นยากจะลืมเลือนนั้นทำเอานางแทบก้าวขาไม่ออก ทั้งหัวใจเองก็ยังคงเต้นรัวอย่างน่าประหลาด
“อับอายได้อย่างไรกัน ข้าเป็นถึงองค์ชาย เจ้าควรจะต้องตามใจข้าสิ ไม่ใช่หาทางหลบหลีกหรือผลักไสเช่นเมื่อวานนี้” องค์ชายรองโปรยเสน่ห์เย้าหยอกอย่างที่ไม่เคยทำกับสตรีใดมาก่อน ทั้งยังไม่นึกอายที่จะใช้คำหวานเพื่อให้นางโอนอ่อนผ่อนตาม
สาวใช้ผู้นี้งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ไม่มีทางที่เขาจะให้ปล่อยนางเป็นอิสระโดยง่าย เมื่อไร้วาจาเอื้อนเอ่ยเขาจึงถือวิสาสะขโมยความหอมจากแก้มนวลนั้นอีกครั้ง
เมื่อนึกทบทวนตลอดบ่ายที่ผ่านมาก็ให้รู้สึกขุ่นเคืองตัวเอง หวังจื่อเทียนสำรวมกิริยาได้ดีมาโดยตลอด แต่กลับมิอาจห้ามใจตนเองให้หยุดความปรารถนาอันร้อนแรงนี้ได้ ความคิดของเขาสับสนตีกันไปมายากจะข่มตาหลับ จึงตัดใจออกมาเดินรับลมให้ปลอดโปร่ง หวังอยู่ลึกๆ ว่าจะได้พบเจอนางที่ก่อกวนความสงบสุขในใจของเขา
“รู้หรือไม่ว่าคืนนี้ข้านอนไม่หลับก็เพราะเจ้าเป็นสาเหตุ” หวังจื่อเทียนยังคงรุกต่ออย่างไม่ท้อถอย ในใจรู้สึกเร่าร้อนราวกับไฟสุม ยิ่งใกล้นางผู้นี้ยิ่งข่มความต้องการได้ยาก ดวงตากลมโตบนใบหน้ารูปไข่นั้นเบิกกว้างเพราะคำถามหรือมือไม้ปลาหมึกของเขาก็ยากที่จะรู้แน่ องค์ชายรองนึกสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไร้การควบคุมได้มากถึงเพียงนี้
“ข้าต้องการรับเจ้าเข้าตำหนักเหลียนฮวา เจ้าเป็นสาวใช้ของท่านเสนาบดีเจิ้งหรือว่าผิงอันกันแน่”
