บทที่ 11
บรรยากาศของบ้านต้าหวังวุ่นวายกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนช่วยกันเตรียมงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ตกหล่นหรือขาดหายไปอยู่ดี
คุณหนูเล็กของบ้านตอนนี้ใต้ตาดำคล้าอย่างคนอดนอน นางอ้างแก่อาโปว่านอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น เหม่ยฟางได้รับคำสั่งจากทหารที่ล่วงหน้ามาบางส่วนว่าให้จัดห้องพักสำหรับองค์ชายหวังจื่อเทียนเป็นการด่วน โดยให้แยกห่างจากผู้คนเพราะต้องการความสงบ
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเหม่ยฟางก็จัดการเนรมิตห้องรับแขกที่อยู่ติดกับสวนสวยให้งดงามสมฐานะองค์ชายรอง ต้องขอบคุณแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ยที่ตามใจนาง พาไปจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ภาพวาด และของน่าสะสมต่างๆ อีกมากมาย แม้จะต้องแต่งกายเป็นชายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น นางก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามอย่างไม่อิดออด เพื่อแลกกับอิสรภาพอันน้อยนิด
เหม่ยฟางปฏิเสธที่จะเข้าพิธีต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ด้วยทราบดีว่าคนที่ล่วงเกินนางเมื่อวานจะต้องอยู่ในงาน จึงกล่าวขอตัวจากท่านเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน โดยอ้างว่ารู้สึกไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยน รวมทั้งขอให้คุณแม่บ้านตันหยงเข้าทำหน้าที่แทนชั่วคราว เมื่อจบพิธีและได้รับการรายงานจากอาโปว่าองค์ชายเข้าประทับยังที่พักแล้ว จึงรีบเดินทางไปยังห้องพักของผิงอันทันที
“ดีใจเหลือเกินที่ได้เจอท่านพี่อีก ยังคงสวยราวกับนางฟ้าไม่แปรเปลี่ยน” ผิงอันยังคงดูสวยสมกับเป็นหนึ่งในสาวงามของแดนใต้ การใช้ชีวิตอยู่ในวังเป็นเวลานานขัดเกลาให้นางเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและงดงามสมวัย เหม่ยฟางตรงเข้ากอดพี่สาวที่ไม่เจอกันมานานด้วยความคิดถึง
“ท่านพ่อชุบเลี้ยงเจ้าให้เติบใหญ่งดงาม วาจาคำพูดฉะฉานเปี่ยมเสน่ห์ ข้าเองความงามหม่นหมองลดหลั่นไปตามกาลเวลา จึงเรียกข้าว่านางฟ้าแดนใต้ไม่ได้เสียแล้ว ต้องเป็นเจ้าจึงจะถูก” ผิงอันเอ่ยจากใจจริง ความงามของน้องสาวบุญธรรมนั้นหาตัวจับได้อย่างยิ่ง นางเองก็เป็นสตรี ทว่ากลับไม่อาจละสายตาจากเหม่ยฟางได้โดยง่าย
“ท่านจากไปนาน ไม่มีใครตามคอยช่วยเหลือข้าให้พ้นจากไม้เรียว ทำผิดนิดหน่อยก็ถูกลงหวายกักบริเวณ หากไม่ได้ท่านอาลู่เหวินเจี๋ยพาข้าออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ข้าคงจะเฉาตายไปนานแล้ว” ผู้ซึ่งเยาว์วัยกว่าออดอ้อนพี่สาวต่างสายเลือด ทำตัวสนิทสนมราวกับเวลาไม่ได้ล่วงเลยผ่านไปนานกว่าห้าปี
“คุณหนูเหม่ยฟางโปรดสำรวมด้วย”
คุณแม่บ้านตันหยงเอ่ยเตือนเมื่อเห็นคนตรงหน้าตื่นเต้นจนลืมรักษากิริยาให้งดงามตามที่เคยพร่ำสอนมา คนถูกดุจึงทำหน้าเศร้าก่อนจะเอ่ยขอโทษทั้งคุณแม่บ้านและคุณหนูใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นคู่ชีวิตขององค์ชายหวังจื่อเทียน
หลังจากใช้เวลากับน้องสาวบุญธรรมอยู่พักใหญ่ ผิงอันก็คลายความกังวลใจไปได้มาก เหม่ยฟางเติบโตเป็นสาวเต็มตัว ซ้ำยังมีความรูปโฉมงดงามจนน่าหวาดหวั่น ดวงตากลมโตหวานซึ้ง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาไร้รอยตำหนิ นอกจากรูปทรัพย์ที่เห็นได้ด้วยตาแล้ว อุปนิสัยการพูดจา มารยาทและทัศนคติยังดีเยี่ยมราวกับเติบโตในวังหลวง เรื่องนี้คงต้องขอบคุณแม่นมสุ่ยเฟิงและแม่บ้านตันหยงที่คอยอบรมพร่ำสอน
“ข้ามีเรื่องกลุ้มใจและคาดว่าเจ้าก็คงทราบดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ชีวิตที่เมืองหลวงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ข้าฝันไว้ โดยเฉพาะเมื่อขาดเพื่อนคู่คิดข้างกาย ข้าจึงอยากขอตัวเจ้าจากท่านพ่อให้ไปอยู่เสียด้วยกันที่เมืองหลวง แต่หากเจ้ามีใครรั้งใจเจ้าไว้ที่นี่ ข้าก็ไม่ขอรบกวน” ผิงอันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าหัวใจรุ่มร้อน กลัวจะได้คำตอบไม่เป็นไปตามที่หวัง
“หัวใจของข้านั้นยังไม่มีผู้ใดได้ครอบครอง แต่คงต้องขอเวลาคิดดูสักคืนจึงจะสามารถให้คำตอบได้”
