ตอนที่ 9 เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก
พอขึ้นรถได้ จันทร์เจ้าก็งอแง พิมพ์ดาวเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าลูกเป็นอะไร เธอรีบเปิดเป้ใบใหญ่ที่เขาเคยสงสัยว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้นมันถึงได้ใหญ่นัก สักครู่เธอก็ดึงผ้าห่มสีชมพูผืนไม่ใหญ่มากนักกับตุ๊กตาหมีออกมาให้จันทร์เจ้า ส่วนจันทร์เจ้าเองก็ดึงมันไปกอดไปหอม ก่อนจะเริ่มสะลึมสะลือแล้วหลับไป
เขามองภาพเหล่านั้นก็ได้แต่ยิ้มตาม คนเป็นแม่นี่ต้องเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์สินะ เพราะดูแล้วในเป้นั้นมันมีทุกอย่างสำหรับจันทร์เจ้าจริงๆ
“ดาวเก่งมากเลยนะที่เลี้ยงลูกคนเดียวได้” เขาอดที่จะชมเธอไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบเขาสั้นๆ แต่น้ำเสียงออกจะติดสั่น จนเขาไปต่อไม่เป็นเพราะกลัวจะพูดอะไรที่ไปกระทบจิตใจเธอ
“นี่ก็เย็นมากแล้ว หากพี่ไม่มีธุระ อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ ดาวซื้อของมาทำอาหารเยอะเลย” เธออยากจะขอบคุณเขาที่เขาอุตส่าห์สละเวลามาพาจันทร์เจ้าเที่ยว
“ได้สิครับ” เขาอดจะยิ้มดีใจไม่ได้ที่เธอพูดกับเขามากกว่าสามคำ
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ และขอบคุณสำหรับตุ๊กตา”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี” เขามองเธอผ่านกระจกมองหลังจึงเห็นว่าเธอส่งยิ้มน้อยๆ ให้เขา
“ดาวใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรครับ” เขาที่ยังคาใจเรื่องกลิ่นกายของเธอเลยอดที่จะถามไม่ได้
“ทำไมเหรอคะ” เธออดแปลกใจไม่ได้ที่เขาถามแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่อยากรู้ พี่คิดว่าน้ำหอมของดาวหอมดีเลยอยากได้ให้แม่” เขาโกหกเธอคำโต
“ดาวไม่เคยใช้น้ำหอมหรอกค่ะ ดาวไม่ชอบ” เธอตอบเขาไปตามความจริง
“อ้อ..เหรอครับ” ถ้างั้นก็คงจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวเธอสินะ
เขาเลยไม่เคยได้กลิ่นนี้จากผู้หญิงคนไหน แล้วเขาไปจำกลิ่นกายเธอติดจมูกเหมือนหมาจำกลิ่นได้เป็นปีๆ ได้ยังไงวะ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนและต้องการจะรู้ แล้วยิ่งเรื่องของจันทร์เจ้าอีก ที่ใครๆ เห็นก็คิดว่าเป็นลูกเขา มันยิ่งทำให้เขาสับสน หากเขาเคยได้เสียกับเธอก็จะไม่ข้องใจเลย แต่นี่อะไรได้ก็ไม่เคยได้ แตะก็ไม่เคยแตะ ทำไมลูกเธอถึงได้เหมือนเขานัก
ตลอดทางกลับบ้าน หนึ่งตะวันก็ชวนเธอคุยโน่นนี่นั่นเพื่อให้เธอ คุ้นชินกับเขา และก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เมื่อเธอเริ่มตอบเขาเป็นประโยคที่ยาวขึ้น
แต่ก็จะมีบางทีที่เธอก็ดูเหมือนจะพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็เข้าใจ และคงต้องให้เวลาเธอสักพัก แค่เธอยอมพูดด้วยยาวๆ แบบนี้ก็ดีใจแล้ว
………….
ตอนเย็น
หลังจากกลับมาจากห้างสรรพสิตค้า ก็พบว่าพีทกลับมาจากทำงานแล้ว พิมพ์ดาวจึงให้พี่ชายดูแลหลาน ก่อนเธอจะไปทำกับข้าวเย็น
ซึ่งแน่นอนหนึ่งตะวันอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วย ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาการกันอยู่ แล้วหนึ่งตะวันก็เอ่ยขึ้น
“อื้ม อาหารของดาวอร่อยทุกอย่างจริงๆ ดาวรับจ็อบทำอาหารงานวันเกิดให้พี่ไหม พี่ว่าจะจัดงานวันเกิดให้แม่ที่ไร่น่ะ”
เขาติดใจฝีมือเธอจริงๆ จนอยากได้เธอไปทำอาหารในงานวันเกิดที่เขาจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“หากพี่ชอบ ดาวทำให้พี่ทานได้ทุกวันค่ะ ไหนๆ พี่ก็จ้างดาวอยู่แล้วส่วนเรื่องงานวันเกิด พี่ไม่ต้องจ้างดาวหรอกค่ะ ดาวเต็มใจไปทำให้ แต่ดาวคงต้องดูก่อนว่าพี่พีทมีเวลาดูจันทร์เจ้าให้ได้ไหม”
พิมพ์ดาวเอ่ยบอก และหันไปมองหน้าพี่ชายเป็นเชิงถาม
“เดือนหน้าพี่ไม่ว่าง อาทิตย์หน้าพี่ต้องไปต่างประเทศ และกว่าจะกลับคงนานเพราะต้องไปหลายประเทศ คงอยู่ช่วยดาวเลี้ยงหลานไม่ได้”
พีทที่นั่งเงียบแอบมองหน้าหลานกับหน้าหนึ่งตะวันสลับกันอยู่เป็นนานเอ่ยขึ้น ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือน เหมือนทั้งขี้ทั้งขนขนาดนี้ เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ใช่ลูกมันแทบจะหาไม่เจอ แต่คำยืนยันหนักแน่นจากปากมันล่ะ เพราะเขารู้จักหนึ่งตะวันดี มันเป็นลูกผู้ชายพอ หากมันทำมันยอมรับไปนานแล้ว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดหัว!...
“เอาจันทร์เจ้าไปด้วยก็ได้ เดี๋ยวพี่ดูแลให้เอง ใช่ไหมครับจันทร์เจ้า ไปเที่ยวไร่กับลุงนะ” เขาหันไปชวนจันทร์เจ้า ซึ่งเด็กน้อยก็ยิ้มรับทันที
“ไปค่ะไป หนูอยากไปเที่ยวไร่”
จันทร์เจ้าปรบมือฉีกยิ้มกว้างให้เขาอย่างดีใจจนพิมพ์ดาวปฏิเสธไม่ออก ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอก็ต้องหนักแน่นและต้องไม่เผยพิรุธให้เขารู้
“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ แต่พี่จะจัดวันไหนคะ ดาวจะได้เตรียมตัวถูก”
“วันที่ 5 เดือนหน้า เดี๋ยวใกล้ๆ วัน พี่จะบอกอีกที แต่ดาวไม่ได้ทำคนเดียวหรอกนะ เดี๋ยวพี่จะให้แม่บ้านมาช่วยด้วย”
“ขอบคุณค่ะ” พิมพ์ดาวยิ้มน้อยๆ ให้เขา แต่ใจคนมองกลับเต้น ตึกตัก นานแค่ไหนแล้วนะที่ใจเขาไม่ได้เต้นแรงแบบนี้