ตอนที่ 7 DNA อยู่บนหน้า
“พีท กูว่าหลานมึงหน้าเหมือนกูตอนเด็กยังไงก็ไม่รู้วะ”
หนึ่งตะวันพูดขึ้นเมื่อเข้ามานั่งในร้านเหล้า ไม่รู้ทำไมใบหน้าของจันทร์เจ้าถึงได้ติดตาเขานัก
พรวด!
“นี่มึงกำลังจะบอกกูว่า มึงทำน้องกูท้องเหรอ?” พีทถึงกับสำลักเหล้าที่ อยู่ดีๆ หนึ่งตะวันก็พูดแบบนั้นออกมา
“มึงจะบ้าเหรอ! กูจะไปทำน้องมึงท้องได้ยังไง ในเมื่อน้องมึงกับกูไม่เคยมีอะไรกัน กูก็แค่คิดว่าจันทร์เจ้าหน้าคล้ายกูเท่านั้น”
หากน้องชายเขารู้จักกับพิมพ์ดาว ก็คงจะคิดว่าเป็นมันแน่ที่ทำให้เธอท้อง
พีทนั่งเงียบคิดตาม เขาก็เคยคิดแบบนั้น ยิ่งโตจันทร์เจ้ายิ่งเหมือนหนึ่งตะวัน จนหลายครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหนึ่งตะวันคือพ่อของจันทร์เจ้าแต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อหนึ่งตะวันไม่เคยมองพิมพ์ดาวเป็นอื่นมากกว่าน้องสาว แล้วยิ่งมาได้ยินคำยืนยันหนักแน่นแบบนี้จากปากของ หนึ่งตะวัน มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ตั้งแต่ที่หนึ่งตะวันเลิกกับโสรยาแฟนเก่ามัน มันก็ไม่เคยจริงจังกับใคร ผู้หญิงที่เข้ามาก็มีแต่เพื่อนเที่ยว เพื่อนนอน หากมันอยากจะมีอะไรกับใคร มันคงไม่เอาน้องเขามาทำเล่นๆ หรอก ในเมื่อมีผู้หญิงมากมายต่อแถวเข้าหามัน…
วันรุ่งขึ้น
หนึ่งตะวันก็ขับรถมารับจันทร์เจ้าที่บ้าน เพื่อไปเที่ยวห้างตามสัญญา พอรถวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน เขาก็เห็นพิมพ์ดาวกับจันทร์เจ้ารออยู่
วันนี้จันทร์เจ้าอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูหวานแหวว ผมถูกมัดจุกสองข้าง ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง ส่วนพิมพ์ดาวนั้นอยู่ในชุดกางเกงยีนขาขาดกับเสื้อยืดสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวและสะพายเป้อยู่ด้านหลัง เธอเหมือนกับเด็กสาวแรกรุ่น ที่หากไม่บอกว่ามีลูกแล้วก็คงจะไม่มีใครรู้
“สวัสดีครับจันทร์เจ้า พร้อมหรือยังครับ” เขาเดินเข้าไปทักทายจันทร์เจ้าพร้อมกับหยิบคาร์ซีทที่วางอยู่ขึ้นมา
“สวัสดีค่ะลุงตะวัน หนูพร้อมแล้วค่ะ” เขาลูบแก้มจันทร์เจ้าเบาๆก่อนจะจับมือเธอเดินไปที่รถ
“รอลุงก่อนนะ เดี๋ยวลุงติดตั้งคาร์ซีทก่อนนะครับ” หนึ่งตะวันติดตั้งคาร์ซีทอย่างทุลักทุเลเพราะไม่เคยทำ จนพิมพ์ดาวต้องเดินเข้าไปช่วย
“ให้ดาวช่วยค่ะ”
เขาขยับตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้เธอเข้าไป กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอที่ลอยมาแตะปลายจมูก ทำให้เขาถึงกับหยุดกึก กลิ่นกายนี้ที่ติดจมูกเขามาหลายปี มันเป็นกลิ่นกายที่เขาหาจากผู้หญิงคนไหนไม่ได้
ทำไมนะ ทำไมกลิ่นกายเธอถึงได้มาติดจมูกเขาอยู่หลายปีแบบนี้…
“เอ่อ..ขอดาวเข้าไปหน่อยค่ะ” เขาที่ดูเหมือนกำลังจะขยับตัวออกแต่กลับยืนนิ่งจนเธอเข้าไปไม่ได้
“หือ..อ้อ..ครับ” เขาที่ถูกเธอเรียกสติก็รีบถอยออกไปยืนรอกับจันทร์เจ้า
“เสร็จแล้วค่ะ จันทร์เจ้ามาหาแม่ลูก”
จันทร์เจ้าวิ่งเข้าไปหาแม่ ก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นรถไปนั่งบนคาร์ซีทอย่างรู้งาน พอพิมพ์ดาวคาดสายนิรภัยให้ลูกเสร็จ ก็ปิดประตูแล้วเดินอ้อมขึ้นไปนั่งข้างลูก ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นคนขับรถไปโดยปริยายตลอดทางจันทร์เจ้าก็จะถามโน่นถามนี่ ส่วนพิมพ์ดาวเองก็ตอบพร้อมกับอธิบายให้ลูกฟังอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ขนาดเขานั่งฟังเฉยๆ ยังรู้สึกเหนื่อยแทน
แต่เธอคงไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะเขาแอบมองผ่านกระจกส่องหลัง เห็นเธอมีสีหน้ายิ้มแย้ม ดูมีความสุขเมื่อได้อยู่กับจันทร์เจ้า
ห้างสรรพสินค้า
พอลงจากรถได้ จันทร์เจ้าก็วิ่งมาจับมือเขา ส่วนพิมพ์ดาวเองก็จับมืออีกข้างของเธอ ตลอดทางที่เดินเข้ามาในห้างจนถึงศูนย์เด็กเล่น ผู้คนต่างจ้องมองเขากับเธอ คงจะเป็นเพราะภาพที่เหมือนครอบครัวแสนสุขที่มี พ่อแม่ลูกนี้กระมัง คนจึงได้มองแบบนั้น
“ผู้ใหญ่สอง เด็กหนึ่งครับ” เขาบอกคนขายบัตรเข้าศูนย์เด็กเล่น
“เดี๋ยวดาวจ่ายเองค่ะ” เธอบอกเขาอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากพาหลานมาเที่ยว”
“จะดีเหรอคะ”
“ดีครับ วันนี้ให้พี่จ่ายเถอะนะครับ” พิมพ์ดาวพยักหน้าตอบรับ
“น้องน่ารักมากเลยค่ะ หน้าเหมือนคุณพ่อเป๊ะเลย” พนักงานขายบัตรพูดกับเขา ขณะยื่นเงินทอนให้เขา
“เอ่อ..คือผู้ชายคนนี้// ขอบคุณครับ” พิมพ์ดาวที่จะตอบปฏิเสธก็ถูกเขาพูดดักขึ้น