ตอนที่ 5 เริ่มทำงาน
พอถึงวันจันทร์ พิมพ์ดาวก็รีบไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาลเพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะเริ่มงาน และเธอก็นัดเจอกับเขา เพราะเขาต้องเอากุญแจคอนโดให้เธอ และต้องบอกเธอว่างานของเธอมีอะไรบ้าง
ทุกเช้าที่ไปส่งจันทร์เจ้าที่โรงเรียนก็จะมีงอแงบ้างตามประสาเด็กที่ติดแม่ แต่พอไปรับ กลับไม่อยากกลับซะงั้นเพราะติดเพื่อนติดเล่น จนบางทีเธอต้องหาของมาหลอกล่อถึงจะกลับมาด้วย
ยิ่งช่วงนี้พูดคุยฉะฉานขึ้นและเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้เร็ว จนเธอต้องคอยหาคำตอบมาตอบลูกเสมอ แต่ก็ยังดีที่จันทร์เจ้าไม่ค่อยถามหาพ่อเหมือนเมื่อก่อน เธอจึงได้เบาใจได้บ้าง เพราะลึกๆ เธอก็กลัวเหมือนกันว่าลูกจะมีปมด้อย แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากขอโทษลูกในใจ
พอมาถึงหน้าคอนโดสุดหรู พิมพ์ดาวก็เห็นหนึ่งตะวันนั่งรออยู่ในห้องรับแขกของคอนโด เธอเลยเดินเข้าไปหาเขา
“มาแล้วเหรอ.. ป่ะ พี่จะพาขึ้นไปดูห้อง”
พิมพ์ดาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินก้มหน้าตามหลังเขาไปขึ้นลิฟต์เงียบๆ
หนึ่งตะวันแอบมองเธอผ่านกระจกในลิฟต์ ก็เห็นเธอยืนก้มหน้านิ่ง ตั้งแต่เจอกัน เธอไม่เคยพูดกับเขามากกว่าสามคำ จนตอนนี้เป็นเขาเองที่รู้สึกอึดอัด จนต้องหาเรื่องคุยกับเธอ
“ปกติดาวไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนกี่โมง” เขาถามเธอเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
“ตอนเช้าไปส่งก่อนแปดโมงเช้าและไปรับช่วงบ่ายสองโมงค่ะ” เธอตอบเขาแค่นั้นก็เงียบไปอีก หนึ่งตะวันก็พยักหน้าเหมือนรับรู้
“ถึงแล้วล่ะ” เมื่อลิฟต์เปิดออก เขาก็พาเธอเดินไปที่ห้องเขา
ชั้นนี้ทั้งชั้นมีแค่สามห้อง หนึ่งในนั้นก็คือห้องเขา ส่วนอีกสองห้องเขาเองก็ไม่รู้ว่าของใคร เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าของห้องเลย
“เข้ามาสิครับ” เธอยืนเก้ๆ กังๆ จนเขาต้องเรียกให้เธอเดินตามเข้ามาในห้อง พิมพ์ดาวเดินเข้ามาตามที่เขาเรียกเงียบๆ
“นี่คือคีย์การ์ดสำหรับขึ้นลงบนชั้นนี้ ส่วนนี่กุญแจเข้าห้องพี่”
เขายื่นมือมาจับมือเธอเพื่อจะวางกุญแจกับคีย์การ์ดใส่มือเธอ แต่เธอกลับตกใจจนทำมันร่วงลงพื้น พร้อมกับดึงมือออกจากมือเขา
“ขอโทษค่ะ” เธอรีบก้มลงหยิบกุญแจกับคีย์การ์ดขึ้นมา
หนึ่งตะวันยืนมองการกระทำของเธออย่างรู้สึกปวดหนึบที่ใจ
นี่เธอคงจะโดนทำร้ายจนกลัวผู้ชายไปเลยสินะ
“ไม่เป็นไรครับ ส่วนนี่เป็นสิ่งที่ดาวต้องทำในแต่ละวัน ส่วนอาหารเดี๋ยวดาวค่อยทำวันที่พี่บอกนะ”
เขาวางกระดาษที่จดรายละเอียดให้เธอบนโต๊ะ เพราะเกรงว่าจะทำให้เธอกลัวอีก จากนั้นก็พาเธอเดินดูห้องต่างๆ
“งานก็มีแค่นี้แหละ หากดาวทำงานเสร็จตอนไหน ก็กลับได้เลยนะครับ พี่คงต้องไปทำงานแล้ว หากวันไหนดาวมาแล้วไม่เจอพี่ เดี๋ยวจะเขียนติดไว้ที่ตู้เย็น หากพี่ต้องการให้ดาวทำอะไรเพิ่มเติม”
“ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินไปทำความสะอาด จนเขาได้แต่มองตามเธอ พิมพ์ดาวที่เมื่อก่อนเคยมีแต่เสียงหัวเราะแต่วันนี้กลับมีแต่ยืนก้มหน้า พอเห็นแบบนี้มันทำให้เขาอดสงสารเธอไม่ได้ ชีวิตที่เคยสดใสของเธอกลับต้องจบลงเพราะไอ้เลวคนนั้น
พอหนึ่งตะวันเดินออกจากห้องพิมพ์ดาวก็ถึงกับยกมือทาบอกถอนหายใจหนักหน่วง รู้สึกเกร็งยังไงไม่รู้เวลาอยู่ใกล้เขา ยิ่งเขาจ้องมองเธอๆ ก็ยิ่งกลัวว่าความลับจะแตกจนได้แต่ยืนก้มหน้า คนที่มีความผิดติดตัวคงจะรู้สึกแบบเธอตอนนี้สินะ
……..
ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ พิมพ์ดาวก็จะมาทำงานให้เขาตามปกติ จนตอนนี้ผ่านมาได้เดือนกว่าแล้ว ส่วนหนึ่งตะวันนั้นพอรู้ว่าเธอไม่ชอบให้เขาอยู่ใกล้ ก็ได้แต่หลบเลี่ยงการพบเจอเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอึดอัด
แต่วันนี้หนึ่งตะวันมีนัดไปเที่ยวข้างนอกกับพีทและคงจะหลบเลี่ยงไม่ได้เพราะต้องเข้าไปรับเพื่อนที่บ้าน
“คุณลุงตะวัน” จันทร์เจ้าวิ่งยิ้มแฉ่งเข้ามาหา เมื่อหนึ่งตะวันเดินเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีครับหนุจันทร์เจ้าคนสวยของลุง ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” เขานั่งย่อตัวจับเธอหมุนไปมา
ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนเขาตอนเด็กยังไงไม่รู้แฮะ หากเอารูปถ่ายที่บ้านของเขาตอนเป็นเด็กมาเทียบ คงจะเห็นว่าหน้าตา ปาก จมูก ของจันทร์เจ้าเหมือนเขาไม่น้อย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่เคยมีอะไรกับ พิมพ์ดาว และเมื่อก่อนเขาก็คิดกับพิมพ์ดาวแค่น้องสาว แต่หากเป็นตอนนี้อาจไม่แน่ เพราะเธอในตอนนี้สวยมาก ยิ่งดวงตาหวานซึ้งปนเศร้าของเธอที่มองครั้งใด ก็เหมือนจะดูดดึงเขาให้เข้าไปในนั้นด้วยแล้ว เขายิ่งมองยิ่งถอนสายตาจากเธอไม่ได้ ยอมรับว่าตอนนี้เธอสวยถูกใจเขาจริงๆ
“คุณลุงก็หล๊อหล่อ จะไปเที่ยวกับลุงพีทใช่ไหมคะ” จันทร์เจ้ายิ้มกว้างถามเขา
“ครับผม” เขาพูดพร้อมขยี้ผมเธอไปมาเบาๆ
“จันทร์เจ้าลูก พาคุณลุงมานั่งก่อนสิคะ”
พิมพ์ดาวเดินถือน้ำเข้ามาวางให้เขาบนโต๊ะ เธอเห็นเขามองสำรวจจันทร์เจ้าไปมาก็อดหวั่นไม่ได้ว่าเขาจะรู้ ตอนจันทร์เจ้าแรกเกิด เธอก็ดีใจที่ลูกหน้าตาคล้ายเธอ แต่ยิ่งโตยิ่งหน้าเหมือนเขา จนเธอกลัวว่าใครๆ จะรู้ความจริง…
“ขอบคุณครับ” เขาส่งยิ้มให้เธอ แต่เธอคงมองไม่เห็นเพราะเอาแต่ก้มหน้า
“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ยกขนมที่เธอทำมาวางบนโต๊ะให้เขาทาน
“คุณลุงลองทานดูนะคะ แม่ทำอร่อยมาก” จันทร์เจ้าเชิญชวนเขาก่อนจะตักเค้กให้เขาชิม ปกติเขาก็ไม่ชอบกินขนมหวานหรอกนะ แต่พอเห็นสายตาบ๊องแบ๊วของเด็กน้อยเขาก็ปฏิเสธไม่ลง