ตอนที่2[น้องเจ็บมันต้องเจ็บกว่า]
อุ้งมือซาตาน
ตอนที่2
[น้องเจ็บมันต้องเจ็บกว่า]
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป…
ชัชวินที่นอนอยู่บนเตียง ที่บ้านหลังใหญ่ หลังจากงานศพน้องสาวจบลง เขาก็ยังไม่กล้าที่จะทิ้งให้มารดาอยู่ตามลำพัง ถึงแม้จะมีแม่บ้านอย่างป้าเอิบ และลุงแดงที่เป็นคนเก่าแก่ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เขายังเล็ก ชัชวินก็ยังห่วงมารดาอยู่ดี
ร่างสูงขยับลงจากเตียงเดินไปที่โต๊ะทำงานส่วนตัว เขาเปิดโน๊ตบุ๊คดูรายงานจากศรุตที่มีตำแหน่งผู้จัดการ และควบตำแหน่งเพื่อนสนิทไปด้วย ศรุตมีหน้าที่ดูแลไร่กาแฟแทนเขา ครั้นไม่มีอะไรติดขัดชัชวินจึงปิดโน๊คบุ๊ควางไว้ที่เดิม
ตอนนี้เรื่องที่เขาห่วงมาก และสำคัญที่สุดก็มีเพียงมารดาคนดียวเท่านั้น
ร่างสูงก้าวเข้าห้องอาบน้ำ เสร็จออกมาแต่งตัวแล้วก้าวลงชั้นล่าง เห็นมารดานั่งเตรียมของใส่บาตรแต่เช้าจึงก้าวเข้าไปหา
“คุณแม่ครับ ผมช่วยครับ”
“วินลงมาพอดี งั้นช่วยถือของให้แม่ไปที่หน้าบ้านเลยลูก พระจะมาถึงแล้ว”
คุณชมจันทร์ตั้งใจทำบุญตักบาตรทุกวัน เพื่ออานิสงส์ผลบุญที่สร้างสมจะได้ส่งไปถึงสามีและบุตรสาวของเธอ
“คุณแม่ได้ทำบุญตักบาตรแบบนี้ทุกวัน เห็นหน้าตาคุณแม่สดชื่นขึ้นเยอะ ผมก็รู้สึกสบายใจเลยครับ”
“แม่อยากทำบุญเยอะ ๆ คุณพ่อกับหนูดาจะได้ขึ้นสวรรค์ไงลูก และอีกอย่างทำแล้วทำให้แม่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก”
“ได้ยินคุณแม่พูดแบบนี้ ผมก็สบายใจแล้ว งั้นเข้าบ้านเถอะครับ”
ชัชวินชวนมารดาเข้าบ้าน มีน้อยที่ถือของเดินตามหลังมาติด ๆ
“วินทานข้าวกันเถอะลูก แล้วนี่มาอยู่บ้านนานเกินไปรึเปล่า ลูกไม่ห่วงไร่รึไง” มารดาเอ่ยถาม เมื่อเห็นบุตรชายอยู่ที่บ้านนานกว่าทุกครั้ง
“ทางไร่ไม่น่าห่วงเท่าไหร่หรอกครับ มีศรุตอยู่ดูแลทั้งคน ผมห่วงคุณแม่มากกว่าครับ คุณแม่ลงไปอยู่ที่ไร่กับผมไหม ผมจะได้ดูแลคุณแม่ได้ด้วย” ชัชวินนอนคิดมาหลายคืน เรื่องที่จะชวนมารดาไปอยู่ที่ไร่ด้วยกัน
“แต่แม่รักที่นี่ วินก็รู้ว่าคุณพ่อกับหนูดาก็รักและผูกพันบ้านนี้ แม่อยู่ได้ ลูกไม่ต้องห่วงแม่นะ ป้าเอิบลุงแดงไหนจะน้อยอีกแม่ไม่เหงาจ้ะ ถ้าแม่คิดถึงวินมาก ๆ เดี๋ยวแม่ลงไปหาเองก็ได้นี่ลูก”
เขารับรู้เรื่องนี้ดี ว่ามารดารักและผูกพันกับบ้านหลังนี้มากแค่ไหน
“งั้นถ้าคุณแม่อยู่ได้ ผมจะอยู่กับคุณแม่อีกอาทิตย์หนึ่งนะครับ สิ้นเดือนผมจะลงไปดูไร่เสียที”
“วินก็ห่วงแต่ไร่ เคยห่วงตัวเองบ้างรึเปล่าลูก”
“ผมก็ดูแลตัวเองอย่างดีนี่ครับ” ชัชวินก้มมองเรือนร่างที่สมส่วนของตัวเองทันที เขาไม่ดูแลตัวเองตรงไหน เขาก็ออกกำลังกายอยู่ทุกวัน
“ไม่ใช่เรื่องนี้ แม่รู้ว่าลูกชายแม่ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี ไม่งั้นจะดูหล่อเหลาขนาดนี้ไหม”
“อ้าว! แล้วคุณแม่หมายถึงเรื่องอะไรล่ะครับ”
“ก็เรื่องลูกสะใภ้ของแม่ไง เมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานสักที” มารดาเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทำให้ชัชวินหน้านิ่งขรึมลง
“นี่ อย่าบอกนะ ว่าวินยังลืมคนเก่าไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เธอทิ้งลูกไปแต่งงานกับคนอื่น”
ใช่สินะ นี่ก็ผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว ที่เขาถูกอลิสาบอกเลิก เพราะชัชวินมัวแต่ทุ่มเทให้กับครอบครัว และยังหันไปสนใจปรับปรุ่งไร่กาแฟต่อจากบิดาอย่างหนัก เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อเป็นเสาหลักแทนบิดา จนไม่มีเวลาให้เธอ ในที่สุดอลิสาก็ทิ้งเขาไปแต่งงานกับชายอื่น
“ผมลืมอลิสาไปตั้งนานแล้วครับ แต่ที่ผมยังไม่มีใคร คงเพราะยังหาคนที่ถูกใจยังไม่เจอมากกว่า” เขาไม่ได้หลอกให้มารดาดีใจ แต่เขาลบอลิสาออกจากใจได้แล้วจริง ๆ
“งั้นก็รีบ ๆ มองหาซะ แม่เหงาอยากอุ้มหลานตัวน้อยแล้ว”
“ครับคุณแม่ งั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะครับ นัดเพื่อนไว้” ว่าจบร่างสูงก็ลุกออกจากเก้าอี้ แล้วก้าวเดินออกไปหน้าบ้าน
คุณชมจันทร์นั่งมองตามร่างสูงของบุตรชาย ด้วยสายตาที่ชื่นชม และเธอภูมิใจในตัวชัชวินที่เข้มแข็ง และเก่งกาจจนสามารถนำพาครอบครัวให้ผ่านพ้นช่วงร้าย ๆ นั้นมาได้ ทั้งที่ตอนนั้นบุตรชายของเธอเพิ่งจะเรียนจบแท้ ๆ
ชัชวินจอดรถแล้วลดกระจกลง เมื่อมองเห็นร่างชายสูงเพรียวที่สวมเสื้อฮู้ดสีดำปกปิดพรางใบหน้าตนเองเอาไว้ กำลังก้าวเดินมาหารถที่เขาจอดอยู่
“คุณคือ คุณชัชวินใช่ไหมครับ” ชายนิรนามเอ่ยขึ้น ครั้นเห็นชัชวินพยักหน้ารับ ชายผู้นั้นจึงยื่นซองบางอย่างส่งให้เขา
“อ่า! นี่ค่าตอบแทน นายทำงานได้ไวดีนี่!” ชัชวินรับซองนั้นมาถือไว้ แล้วหยิบซองขาวที่เป็นค่าตอบแทนยื่นส่งให้ชายผู้นั้นบ้าง พอได้ของที่ต้องการมาแล้ว เขาจึงออกรถขับเคลื่อนออกไป
ทว่ามาถึงบ้านร่างสูงรีบก้าวลงจากรถ แล้วเดินขึ้นชั้นสองเข้าห้องส่วนตัว
ชัชวินเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบซองนั้นขึ้นมาดู เขาหยิบสิ่งของที่อยู่ด้านในออกมา มันเป็นภาพถ่ายสี่ห้าใบ และคนในภาพนั้นเหมือนกับคนเดียวกันที่เขาเจอในไดอารี่ของน้องสาว แล้วด้านหลังมีเขียนบอกไว้ว่า ‘โชติรส’
“อ่า! ผู้หญิงแพศยาคนนั้นชื่อโชติรสอย่างงั้นหรือ” ชัชวินจ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาเขม็งดุ เลือดในกายซูบฉีดแทบเดือดผุด ๆ ไปด้วยความโกรธแค้น
“โชติรส เราต้องเห็นดีกัน” ถ้าไอ้หมอนั่นมันหลงรักคลั่งไคล้ผู้หญิงคนนี้มาก มันก็ยิ่งดีกับเขาเช่นกัน เขาจะทำให้สองคนนั้น ให้มันทั้งคู่ได้รู้รสชาติของการตายทั้งเป็น เหมือนที่น้องสาวของเขาเคยได้รับ
เขาจะทำให้มันย่อยยับ และเจ็บปวดยิ่งกว่าน้องสาวของเขาหลายร้อยเท่า
สองทุ่มชัชวินรีบอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เขาก้าวลงไปชั้นล่าง เห็นมารดานั่งดูรายการโปรดอยู่กับป้าเอิบและน้อย เขาจึงเลี่ยงไปอีกทาง
อีกด้านหนึ่ง…
บ้านหลังไม้เล็ก ๆ ที่เก่าซอมซ่ออยู่ติดชายคลอง มีสองชีวิตที่อาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“แม่จ๋า ฟ้าไปทำงานก่อนนะคะ” ร่างเล็กของโชติกา ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลสีขาว และกางเกงยีนขายาวซีด เธอสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว เดินออกมาบอกลามารดาที่นั่งอยู่หน้าบ้านก่อนจะไปทำงาน
“จ๊ะ ระวังตัวด้วยนะหนูฟ้า ตอนเลิกงานเดี๋ยวแม่ออกไปรอรับที่ปากซอยนะลูก” แม่นวลเอ่ยบอกบุตรสาว
“แม่ไม่ต้องออกไปรับหรอก ฟ้ามาเองได้ แม่นอนพักเถอะเย็บผ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“งั้นมาให้แม่กอดให้ชื่นใจหน่อย” แม่นวลอ้าแขนโอบกอดบุตรสาว แล้วหอมแก้มเธอเบา ๆ
“จุ๊บ! ฟ้าก็รักแม่มากเช่นกันค่ะ ฟ้าไปก่อนนะ แม่รีบเข้านอนล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” โชติกาโบกมือให้มารดา ก่อนจะออกเดินไปตามซอยแคบเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ ไปรอเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ทำงาน
รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าผับหรู ร่างเล็กของโชติการีบก้าวลงมายืนข้างรถ
“สวัสดีค่ะลุงเติม หนูไปทำงานก่อนนะคะ” ขณะที่เธอยืนรอแท็กซี่อยู่ คิวลุงเติมก็ออกมาพอดี ลุงเติมที่อยู่ข้างบ้านจึงอาสามาส่งเธอเป็นประจำ
“หนูฟ้า เลิกงานมันดึก ทางเข้าบ้านเรามันเปลี่ยวมาก ถ้าจะเข้าบ้านหนูฟ้าต้องโทรบอกลุงเข้าใจไหม” ลุงเติมที่เอ็นดูเธอมาตั้งแต่เล็กเอ่ยขึ้น
“แต่หนูไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของลุงนี่คะ”
“รบกวนอะไรกัน ลุงเป็นห่วงหนูฟ้านะ ยังไงเลิกงานก็อย่าลืมโทรหาลุงล่ะ”
“ค่า หนูไปทำงานก่อนนะคะ วันนี้ทำข้อสอบเสร็จช้า หนูเข้างานสายอีกแล้วเดี๋ยวเฮียโชคบ่นเอา”
“รีบเข้าไปเถอะ ช้าเดี๋ยวโดนเจ้านายบ่นให้”
โชติการีบก้าวเท้ายาว ๆ เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดฟอร์ม เมื่อเลยเวลาเข้างานมาเกือบสิบนาทีแล้ว วันนี้สอบเสร็จ เธอต้องช่วยอาจารย์จัดห้องสมุดด้วย ทำให้กลับบ้านช้า กว่าจะมาถึงที่ทำงานก็ล่วงเลยเวลามากทีเดียว
ปึก!
“อ่า! ขอโทษค่ะ” เพราะความเร่งรีบ ทำให้เธอเดินชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง