บทที่ 5
พราวพรแอบหาว เมื่อเข้ามาในลิฟท์ ที่จะพาเธอเข้าไปยังชั้นที่ต้องการได้แล้ว ก่อนจะลูบต้นคอเบาๆ ในใจนึกบ่นน้องสาว ที่ชวนให้เธอนอนดึก แถมตื่นสายอีก เธอก้มมองนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน แล้วบ่นพึมพำเมื่อเห็นเข็มสั้นกับเข็มยาว ชี้ไปใกล้เวลาต้องไปทำงานมากขึ้นทุกที
“ตายแล้ว ตายแล้ว พราวพร มาทำงานวันแรกก็มาสายแล้ว”
หญิงสาวจ้องเขม็งไปยังหมายเลข ที่วิ่งขึ้นไปตามชั้นต่างๆ ของลิฟท์อย่างร้อนใจ แทบจะไม่อยากให้มันหยุดตามชั้นที่มีคนกดเลย พราวพรทำงานบนชั้นบนสุดของฝ่ายบริหาร จึงต้องใช้เวลาบ้างกว่าจะถึงชั้นที่ต้องการ
แต่แล้ว ! เหมือนสวรรค์แกล้งคนได้ทำงานวันแรกอย่างพราวพร ลิฟท์กระตุกก่อนจะหยุดค้าง หญิงสาวถึงกับหน้าซีดแล้วอุทานอย่างตกใจว่า
“ตายแล้ว! ไปทำงานวันแรกสาย เจ้านายจะด่าไหมนี่ ?”
“หึ หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ จากด้านหลังทำเอาหญิงสาวอดหันไปมองไม่ได้ เธอมัวแต่วุ่นวายกับตัวเอง จนไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ในลิฟท์กับเธอบ้าง
ขณะนี้ในลิฟท์ที่ติดขัดค้างอยู่ เหลือเพียงพราวพร และผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำอ ยู่เพียงสองคนเท่านั้น เมื่อเขาลดหนังสือพิมพ์ในมือที่กำลังอ่านลง และยิ้มให้กับพราวพร เธอก็บอกตัวเองว่า คนตรงหน้ายิ้มสวยมากเลยทีเดียว และดูอบอุ่นเอามากๆ
ภคินอดหัวเราะหญิงสาวร่างบาง ที่ดูร้อนรนตั้งแต่เขาเห็นตอนก้าวขึ้นลิฟท์มาไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้แทนที่เจ้าตัวจะร้องอุทานเพราะตกใจกลัว ว่าจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ แต่กลับตกใจว่าจะไปทำงานสายแทน
เขามองกวาดไปทั่วใบหน้ารูปไข่ ที่เจ้าตัวเอาซ่อนไว้หลังแว่นกรอบหนาเสียครึ่งหน้า แต่เท่าที่เห็น เธอก็เป็นคนที่จัดได้ว่าหน้าตาสวยคนหนึ่งทีเดียว หญิงสาวแต่งตัวเรียบร้อยในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีชมพูอ่อน และกระโปรงสั้นเสมอเข่าสีขาว รองเท้าส้นสูงสีขาว ผมยาวดำมันเกล้าไว้เป็นมวยด้านหลัง แต่งหน้าอ่อนๆ
อืม...ภคินไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย เขาทักเธอและพูดเพื่อไม่ให้หญิงสาวตกใจ
“เดี๋ยวผมจะกดปุ่มฉุกเฉินนะครับ สักครู่คงมีคนมาช่วยเรา ไม่ต้องกลัวนะครับเรื่องไปทำงานสาย ผมจะไปเคลียร์กับเจ้านายคุณให้ว่าเราติดอยู่ในลิฟท์จริงๆ”
“ค่ะ”
พราวพรยิ้มแหยๆ ให้เขา นัยน์ตาสีน้ำตาลคมเข้มของเขา มองเธออย่างยิ้มๆ ก่อนจะชวนคุยขึ้นอีกว่า
“ทำงานแผนกไหนเหรอครับ? คือว่าผมเองก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน ไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย”
“ดิฉันเพิ่งมาทำงานวันแรกค่ะ”
เมื่อได้รับการทักทายอย่างมีไมตรี รอยยิ้มที่อบอุ่น ก็อดทำให้พราวพรยิ้มตอบและเป็นมิตรตอบเขาไม่ได้
“แย่จังที่มาเจอเรื่องแบบนี้เลยตั้งแต่วันแรก แต่ลิฟท์ไม่เคยเสียนะครับ ครั้งนี้ครั้งแรกเหมือนกัน”
ภคินว่า ก่อนจะอมยิ้ม
“อย่าเพิ่งเข็ดจนลาออกนะครับ”
“แหม...”
พราวพรหัวเราะกิ๊กอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้เพื่อนร่วมงานที่น่ารักและเป็นมิตร ตั้งแต่วันแรกของการทำงานเสียแล้ว อย่างนี้ก็ถือเสียว่าเป็นทุกขลาภ และแม้ว่าเขาเป็นผู้ชายแต่ก็ดูท่าทางไม่ได้น่ากลัวอะไร ตรงกันข้ามกลับดูเป็นคนอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ ทำให้พราวพรสบายใจแทนจะกังวล ที่ต้องมาติดอยู่ในลิฟท์ตามลำพัง กับผู้ชายตัวโตสองต่อสองแบบนี้
เธอแอบมองลอบสำรวจเขา ตอนนี้ชายหนุ่มแบ่งหนังสือพิมพ์เธออ่านแก้เบื่อ ระหว่างรอช่างที่ตอบกลับมาตามลำโพง ที่ฝังไว้ภายในลิฟท์ว่า จะมาภายในไม่เกินยี่สิบนาที
ชายหนุ่มเป็นคนร่างสูงมาก คงจะสูงเกินร้อยแปดสิบเซนติเมตร พราวพรเดาเอา เพราะตัวเธอเองก็สูงถึงร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร แต่ชายหนุ่มก็ยังสูงเลยเธอไปอีกมาก เขาเป็นคนรูปร่างสูงมากเลยทีเดียว
ผิวของเขาเป็นสีแทน นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววอบอุ่น จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ริมฝีปากได้รูป เขาเป็นคนยิ้มได้ดูอบอุ่นเพราะยิ้มมาจากแววตา ขณะที่แอบมองเพลินๆ พราวพรก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงชุลมุนที่หน้าลิฟท์ พวกช่างคงจะมากันแล้ว ภคินหันมายิ้มให้เธอ พร้อมกับยื่นมือให้จับตามมายาทตะวันตก
“ยินดีที่ได้รู้จักและได้ร่วมงานครับ อ้อ...ตกลงว่าอยู่แผนกไหนนะครับ ผมจะได้ไปบอกเจ้านายให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันอยู่แผนกบริหารค่ะ เป็นเลขาของคุณภคิน เอ่อ...ท่านคงจะไม่ว่า ดิฉันจะอธิบายเองค่ะ”
“ผมรับรองครับว่าไม่โกรธแน่ ๆ”
คราวนี้ภคินหัวเราะ หึ หึ ออกมาอีกรอบ ทำเอาพราวพรมองเขาอย่างสงสัย
“เอ๊ะ ?”
“ผมลืมแนะนำชื่อไป ผมชื่อ ภคิน อนันต์โชคชัยครับ รับรองว่าผมไม่โกรธคุณหรอกครับคุณเลขา เพราะผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์เดียวกับคุณเปี๊ยบเลย เรามาทำงานสายพอกันนั่นแหละครับ”
“ตายแล้ว !”
พราวพรอุทาน หน้าสวยคมของเธอแดงเรื่อ เมื่อจุดไต้ตำตอเข้าเต็มเปาเอาเสียแล้ว !
น่าอายไหมล่ะพราวพร มาทำงานเป็นเลขานุการของเขา แต่ดันไม่รู้จักหน้าตาเจ้านาย โอย...พราวพรเอ้ย ! น่าขายหน้าเอามากจริงๆ สิน่า...