3.หน้าเลือด
“ไม่ถึงสองกิโลเนี่ยนะห้าพัน” เขาท้วงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็คุณบอกเองว่าเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ไปก็ได้นะแล้วแต่คุณเลย อีกอย่างถ้าไม่จ่ายก่อนฉันก็ไม่ให้ขึ้นรถไปด้วยแน่นอน”
“ทำไมกลัวผมจะหลอกคุณรึไง”
“แน่สิ ช่วงนี้มิจฉาชีพยิ่งเยอะอยู่”
“มิจฉาชีพแต่งตัวดีขนาดนี้เหรอ” เขาเถียง
“มิจฉาชีพเขาไม่เลือกการแต่งกายหรอกคุณ หล่อๆแบบคุณก็มีถมไป ไม่ไปก็ถอยค่ะฉันรีบ” ข้าวหอมบอกอย่างหัวเสียที่เขายืนขวางทาง
“ไปครับไป”
“ไปก็จ่ายเงินมาก่อน” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับแบมือยื่นมารอ รับเงิน อยากจะเห็นหน้ายัยขี้งกนี้เสียจริงเขาคิด
“ผมไม่มีเงินสด”
“ไม่เป็นไรโอนได้ พร้อมเพย์นะ”
“ขี้งก”
คาลวินกลอกตามองอย่างไม่อยากเชื่อ ถ้ามีตัวเลือกอื่นเขาจะไม่มาเสียเวลากับเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด
“ฉันยอมรับ แล้วคุณจะเอายังไง รถเริ่มขยับแล้ว” เมื่อถูกเร่งคนตัวโตรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าแอปธนาคารทันทีเห็นดังนั้นเธอก็ไม่รอช้ารีบบอกเบอร์เขาเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
“065884***”
ดวงตาโตกลมจ้องมองคนหล่อด้วยสีหน้ากังวลแต่ดูแล้วเขาก็ดูเป็นคนไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร หลังเขายื่นสลิปให้เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความที่เข้า
“รีบไม่ใช่รึไงขึ้นมาสิ” ข้าวหอมบอกพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อกอีกใบให้
ไม่นานหญิงสาวก็ขับรถพาชายหนุ่มมาส่งยังที่หมาย ข้าวหอมจอดรถหน้าตึกที่ประจำก่อนหันไปบอกคนด้านหลัง
“ถึงแล้วค่ะที่นี่แหละ”
“ขอบคุณครับ”
เมื่อถึงที่หมายข้าวหอมก็ไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมทางอีก คนตัวเล็กขยุกขยิกรีบร้อนผิดกับก่อนหน้านี้ที่มีเวลามาต่อรองกับเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วคุณไม่ไปเหรอ”
“ไปไหนคะ อ่อ..ฉันก็มาที่ตึกนี้เหมือนกัน” เธอบอกหน้าตาเฉย
“คุณก็มาตึกนี้เหมือนกัน ซึ่งมันคือที่เดียวกัน”
เขาถามย้ำพร้อมกับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทั้งที่เป็นทางเดียวกันแท้ๆเธอยังเก็บค่ารถเขาตั้งแพง ให้ตายเถอะแม่คุณ
“อืมใช่”
อีกครั้งที่เธอตอบคำถามเขาได้หน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำของตัวเอง
“คุณนี่เหลือเชื่อเลย” เขาสบถแต่ไม่จริงจัง
ไม่ใช่เธอไม่รู้สึกอะไรการรับคนแปลกหน้าขึ้นรถมาด้วยเธอก็มีความเสี่ยง และการที่เขากล้าเอ่ยปากเช่นนั้นแสดงถึงนิสัยของคนรวย บ่งบอกว่าเป็นคนมีเงิน
“มัวแต่บ่นอยู่ได้ไม่ลงรึไง ไหนว่ารีบ” เธอบอกคนที่ยังไม่ยอมลงจากรถเธอเสียที
“อ่อ”
“อ่อ อะไรก็รีบลงสิคะ ฉันจะหยิบของใต้เบาะรถ”
“ดะ..ได้ครับ”
เขาบอกพร้อมกับลงรถด้วยท่าทางเงอะงะ ไม่รู้ทำไมกิริยาท่าทางที่ดูเร่งรีบของคนตรงหน้าถึงน่ามองไปหมด จนเขาลืมเรื่องที่จะต้องทำไปเลย
“คุณไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ฉันก็จะไปทำธุระของฉันแล้วเหมือนกัน” ร่างบางบอกขณะเปิดเบาะรถหยิบกระเป๋าออกมาก่อนปิดมันลงเช่นเดิม
“ข้าวหอม มาถึงสักที เร็วหน่อยหัวหน้ารออยู่”
เสียงเพื่อนร่วมงานเธอตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ข้าวหอมจึงรีบหันกลับมาถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออกทันที ก่อนหันไปช่วยถอดให้อีกคนที่ยืนนิ่งไม่คิดจะไปไหนด้วย
“ขอโทษนะคะ ฉันขอหมวกกันน็อกคืนด้วย ฉันต้องรีบไปแล้วก่อนที่คอจะขาด”
เธอบอกด้วยท่าทางร้อนรนพร้อมกับถอดหมวกกันน็อกให้ เป็นจังหวะที่เขาได้เห็นหน้าของเธอชัดๆ ใบหน้าสวยหวานเนียนใสรูปไข่ ดวงตาโตกลมชั้นตาสองชั้นน่ารักเหมือนตุ๊กตาปล่อยผมหยักศกยาวสลวยประบ่า คิ้วเรียวขมวดสีหน้าจริงจังกับการถอดหมวกกันน็อกออกให้ ทำเขาตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่
“เอ่อคือ..”
ไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร คนตัวเล็กก็เก็บหมวกเข้าที่ ก่อนสะบัดจัดทรงผมตัวเองสองสามทีแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนเข้าไปด้านในตึกทันที ปล่อยคนตัวโตยืนมองตามจนเธอหายลับเข้าไปด้านใน เมื่อได้สติจึงรีบเดินตามเธอเข้าไปหาลูกค้าที่นัดไว้
“สวัสดีครับคุณวิชัย ผมคาลวินขอโทษที่มาสายครับ”
“ไม่สายครับ มาทันเวลาพอดีเลยต่างหาก” วิชัยยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนตอบด้วยท่วงท่าสบายๆ
“เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ”
“ครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาต คาลวินจึงหยิบแท็บเล็ตออกมา แล้วเปิดรุ่นรถที่เขาเลือกมานำเสนอแต่ละรุ่น อธิบายให้กับคุณวิชัยฟังก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นสัญญา
“งั้นผมเอารุ่นนี้แหละตามที่คุณแนะนำเลย ใช้เวลานำเข้านานไหมครับ”
“ประมาณหนึ่งเดือนครับ สินค้ามีพร้อมส่งอยู่แล้ว” หลังสรุปการขายได้ก็เตรียมตัวกลับ แล้วต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินพนักงานจับกลุ่มคุยกัน
‘ดูสิทำไมพี่ข้าวหอมจะต้องมารับผิดชอบแทนคนอื่นด้วย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ยุติธรรมเลย’
‘นั่นน่ะสิ คงเพราะพี่ข้าวไม่ยอมเซ็นเอกสารชุดนั้นให้ ก็เลยพาลหาเรื่องแกล้งแน่’
‘ใครจะกล้าเซ็นให้ ได้ข่าวว่าตัวเลขไม่ตรงตรวจสอบที่มาที่ไปก็ไม่ได้ถ้าเผลอเซ็นให้ไป อนาคตนักบัญชีของพี่ข้าวมีหวังได้จบเห่แน่’
‘ใช่น่ะสิ ไม่แฟร์กับพนักงานตัวเล็กอย่างพวกเราเลย เห็นว่าหัวหน้าสนใจพี่ข้าวแต่พี่ข้าวไม่เล่นด้วยเลยมีจุดจบแบบนี้’
‘น่าเสียดายนะถ้าพี่ข้าวจะลาออก’
‘บริษัทมีเงินก็จ้างคนใหม่ได้เรื่อย ๆ เขาไม่มาสนใจพนักงานตัวเล็ก ๆอย่างพวกเราหรอก’
‘ถ้าพี่ข้าวเลียแข้งเลียขาเป็นก็คงไม่ต้องมามีจุดจบแบบนี้’
‘เฮ้อ! แยกย้ายกันเถอะพวกเรา เดี๋ยวโดนร่างแหไปด้วย’