ตอนที่2.1 บนเส้นทางแห่งความฝัน
เคลวินพ่นลมหายใจแรงๆ
เขาหยิบแล็ปท็อปออกมาจากกระเป๋า และตั้งใจจะทำงานฆ่าเวลา กว่าเขาจะผ่านจุดเกิดเหตุได้ คงเสียเวลามากกว่าที่คิด
แวนแอบมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง
เขาโล่งอกที่ไม่ได้ถูกตำหนิ แต่ก็ยังอดผวาไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ดี เคลวินเป็นคนรักษาเวลาเคร่งครัดแค่ไหน เขาเป็นคนเข้มงวดและมีบทลงโทษที่รุนแรง จนบางครั้งถูกวิจารณ์แบบเสียหายบนหน้าหนังสือพืพม์หรือโซเซียลบ่อยๆ
แต่...เคลวินแคร์ที่ไหน
เขาประสบความสำเร็จจนไม่สนใจคำครหา
เคลวินยึดหลัก การเป็นผู้นำถ้าไม่เด็ดขาด การแคร์เรื่องหยุมหยิมจะทำให้เขามีปัญหาที่ต้องจัดการมากเกินไป
ข้าวขวัญง่วงจนตาจะปิด แต่ก็พยายามถ่างตาไว้ เธอปรือเปลือกตามองทุกอย่างรอบตัว ทุกอย่างที่เธอเห็นแปลกตาไปหมด แม้แต่ต้นไม้ก็ยังสลัดใบสีส้มทิ้ง เหลือแต่กิ่งก้านแต่ก็ยังสวยอยู่ดี
“ข้างหน้าเหมือนจะมีอุบัติเหตุนะเธอ” เพื่อนร่วมเดินทางชวนคุย
ข้าวขวัญยิ้มรับ ชะเง้อมองไปข้างหน้า รถติดจนแทบไม่ขยับ คงเกิดอุบัติเหตุขึ้นเหมือนที่เพื่อนร่วมทางคนนี้บอกนั่นแหละ
“ฉันชื่อยุพินนะ ท่าทางจะอายุมากกว่าเธอเยอะเลย”
“ข้าวชื่อข้าวขวัญค่ะ ข้าวยังไม่เต็มยี่สิบเลยค่ะ”
“อือ มาทำงานหาทุนเรียนสินะ” ยุพินพึมพำ
“ใช่ค่ะ แต่ข้าวคงต้องมาอีกหลายครั้ง ข้าวตั้งใจจะปลูกบ้านให้ยายใหม่ด้วยค่ะ” ข้าวขวัญตอบเบาๆ ความตั้งใจของเธอต้องใช้ทุนก้อนใหญ่ และอาจไม่จบลงในเร็วๆ นี้
“พี่มารอบสองแล้ว ตั้งใจว่าจะมาทุกปีเลย”
“งานหนักมากไหมคะ มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษหรือเปล่า ข้าวไม่รู้อะไรเลย”
“เมียเจ้าของสวนใจดี งานก็ไม่ได้หนักเกินทนหรอก เรามาทำงานนี่นา”
ข้าวขวัญยิ้มรับ เธอพยักหน้าเห็นด้วย เธอมาไกลขนาดนี้ไม่ได้มาพร้อมกับความท้อถอย เธอมาพร้อมกับแรงใจที่มียายลำดวนเป็นคนผลักดัน เธอต้องตรงไปข้างหน้า และกอบโกยสตางค์กลับไป
“มีคนไทยเหมือนกันทำงานที่นั่นหลายคน ไม่ต้องห่วงเรื่องการสื่อสารเลย”
“ข้าวพูดได้ อ่านออกค่ะ หากพี่พินติดปัญหาเรื่องภาษาปรึกษาข้าวได้นะคะ” ข้าวขวัญออกตัว
“ดีจัง พี่ก็อยากพูดได้ แต่ยากจัง สมองพี่มันทึบเสียแล้วมั้ง”
“ไม่มีคนไหนแก่เกินเรียนค่ะ ไว้ว่างๆ ข้าวจะช่วยสอนให้ค่ะ”
“ขอบใจนะ” ยุพินตอบแล้วก็ทำท่าจะหลับ ข้าวขวัญเลยไม่อยากกวน เธอแนบหน้ากับกระจก มองไปทั่ว ไม่ได้โฟกัสตรงไหนเป็นพิเศษ
มันคงเป็นฤดูใบไม้ผลิอย่างที่ครูของเธอบอกไว้จริงๆ ต้นไม้ที่ยืนต้นริมถนน หลังทิ้งใบแล้วก็เริ่มผลิใบใหม่ มีทั้งดอกไม้และผลไม้มองดูน่าสดชื่น
ผิวแก้มเธอเริ่มชา เพราะปล่อยให้สายลมพัดใส่หน้า เธออยากรู้อยากเห็นไปซะหมดทุกอย่าง ผิดกับคนงานคนอื่นที่เคยมาแล้ว ต่างพากันหลับใหล จนแทบไม่ได้ยินเสียงคุยเลย
เคลวินละสายตาจากหน้าจอแล็ปท็อป เขาคลึงหว่างคิ้วด้วยปลายนิ้ว “ถึงไหนแล้ว?”
“ออกมาได้ไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ” เสียงสารถีตอบ
เคลวินเบ้ปาก เขามองเลยออกมานอกหน้าต่าง จนสะดุดตากับป้ายข้างรถบรรทุกที่จอดเทียบข้างรถยนต์ของเขา
‘Mako Park’
เคลวินพยายามนึก เขารู้สึกคุ้นๆ พิกล จนกระทั่ง... “ลูน่า” เขากับลูน่าเป็นเพื่อนกัน เคลวินเคยไปที่สวนเชอร์รี่ และแอบติดใจบรรยากาศ คงเป็นเพราะงานของเขายุ่งจนหมดความสนใจเรื่องส่วนตัว เคลวินทุ่มเทแรงกำลังให้กับกิจการของตัวเองที่เพิ่งรับไม้ต่อมาจากครอบครัว
เขาได้ยินเสียงซุบซิบจากบรรดาญาติสนิท
เคลวินต้องการลบความสบประมาทนั้น และตอกหน้าพวกเขาด้วยความสำเร็จที่เขาเป็นคนทำ
พอลงมือจริงๆ เคลวินสุกกับงานจนหมดความสนใจเรื่องซุบซิบ
แถมเขาก็ไม่มีเวลาส่วนตัว เลยห่างเหินเพื่อนเก่าไปบ้าง
เคลวินไล่สายตาขึ้นสูง
ข้าวขวัญกะพริบเปลือกตาปริบๆ
ใครบางคนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถยนต์หรู กำลังมองมาที่เธอ ขณะที่ดวงตาสองคู่ประสานกันกลางอากาศ ข้าวขวัญรู้สึกวูบวาบในช่องท้อง ดวงตาสีฟ้าคู่นั่นเหมือนหลุมดำ ที่ดึงดูดเธอเข้าหา ข้าวขวัญพยายามถอนสายตากลับ แต่ทว่า...เธอทำแบบนั้นไม่ได้
ไม่มีสักคนถอนสายตาจากไป จนกระทั่ง...จู่ๆ รถยนต์ก็สามารถเคลื่อนที่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ติดขัดจนขยับไม่ได้เลย
“ออกรถทำไมวะ!!” เคลวินตะคอกเสียงขุ่น