บท
ตั้งค่า

ตอนที่2.บนเส้นทางแห่งความฝัน

หลังข้าวขวัญขึ้นไปนั่งประจำที่บนรถทัวร์คันใหญ่เธอร่ำไห้อย่างหนัก และพยายามไม่ให้รบกวนคนอื่น

ข้าวขวัญยกมือปาดน้ำตา นี่คือการเดินทางไกลบ้านครั้งแรกของเธอ มันเศร้าจนร้องไห้ไม่หยุด เธอห่วงยาย กังวลไปร้อยแปดอย่าง แต่เพื่ออนาคตของตนเองและยาย เธอจึงต้องอดทน จนกว่าจะถึงกำหนดกลับ

เธอกอดกระชับกระเป๋าเป้ที่ใส่เอกสารสำคัญแนบอก

จากนี้ไปต้องใช้ความอดทนมาก ถึงมากที่สุด แต่เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ แม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาด

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโอ่โถงสมกับเป็นสนามบินแห่งชาติ มีผู้คนหลายสัญชาติ เดินสวนไปมาทำให้ตาลาย ข้าวขวัญพยายามเดินตามคนนำ เธอไม่อยากหลงทางและเสียโอกาสตั้งแต่วันแรก แม้จะตื่นเต้นกับสถานที่ และอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบๆ ตัวตามประสาคนไม่เคยเจอความเจริญหรือเมืองใหญ่ๆ

ข้าวขวัญไม่มีเวลาเที่ยวเล่น เวลาว่างของเธอไม่อ่านหนังสือก็รับจ้างทำงานเพื่อหาค่าใช้จ่าย

จนกระทั่งมาถึงจุดรวมพลมี นิรดาส่งคนมารับ กว่าจะผ่านการตรวจเช็คเอกสาร กว่าจะผ่านด่านตรวจจนเข้ามานั่งรอที่เกรทด้านใน ใช้เวลาไปเกือบสี่ชั่วโมง

ข้าวขวัญนึกเห็นใจเจ้าหน้าที่นั่งทำงานทุกคน หน้าที่ของพวกเขาทั้งกดดันและเร่งด่วน แม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนมาหลายนาที พนักงานแต่ละท่าน ก็ไม่มีทีท่าอิดโรยให้เห็นเลยสักนิด...พวกเขาทำงานอย่างคล่องแคล้วกระฉับกระเฉง แข่งกับเวลาจริงๆ

ข้าวขวัญใจเต้นตึกตัก!! อุ้งมือที่จับพลาสปอร์ตชุ่มเหงื่อ ขณะเดินผ่านช่องตรวจเอกสารขั้นสุดท้าย เพื่อจะเดินทางไปขึ้นสายการบินที่จะเดินทางไปเบลเยียม

ทุกนาทีตั้งแต่ขึ้นรถบัสที่ท่าอากาศยานไปถึงเครื่องบินลำใหญ่ข้าวขวัญตื่นเต้นจนขาสั่น แม้จะมีเพื่อนร่วมเดินทางไปพร้อมกันเกือบสิบชีวิต แต่เพื่อนแต่ละคนนั้นก็มีอาการตื่นเต้นไม่ต่างจากเธอ ข้าวขวัญพยายามสงบใจไม่ให้ตื่นตระหนกมากเกินไป ท่องคำสัญญาที่ให้กับยายไว้ในใจ ‘เพื่ออนาคตเธอต้องอดทน และผ่านไปให้ได้’

สิบสองชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบินลำใหญ่ที่มีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง เป็นความประทับใจที่ข้าวขวัญจะไม่มีวันลืมเลย

เธอออกเดินทางมาตั้งแต่หัวค่ำ จากบ้านเกิดมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขึ้นเครื่องบินตอนตีสามกว่าๆ เป็นเวลาเดินทางที่เต็มไปด้วยความระทึกทุกนาที เมื่อต้องโดยสารเครื่องบินลำใหญ่ที่ลอยลำอยู่ในอากาศ ถึงเธอจะมองไม่เห็นก้อนเมฆด้านนอก เพราะทุกอย่างรอบตัวมืดมิดไปหมด

แต่ตอนที่เครื่องบินแลนดิ้ง...เธอได้เห็นก้อนเมฆลอยเรี่ยใต้ปีกเครื่องบิน และเห็นหลังคาบ้านเหมือนบ้านตุ๊กตาที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดปกติ...ตอนที่เครื่องบินแล่นลงจอดบนพื้น...

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย สำหรับการเดินทางข้ามประเทศครั้งแรกของเธอ กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ เธอกับเพื่อนร่วมทางที่มาขายแรงกายก็เสียเวลาไปอีกไม่น้อย ...ทันทีที่เดินพ้นท่าอากาศยานบรัสเซลส์ อากาศเย็นจัดจนข้าวขวัญขนลุก เมืองที่เธอจากมามีแต่อุณหภูมิร้อน ถึงร้อนจัด ดังนั้นนี่เลยเป็นครั้งแรกที่ข้าวขวัญได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น ปลายจมูกเธอเย็นเฉียบ กับอากาศที่ต่ำถึงสิบสี่องศา เธอครางในอก จากคำบอกเล่าของเพชรชมพู ครูที่ปรึกษาของเธอ นี่หรืออากาศอบอุ่นของคนที่นี่

คนของสวนมาโค เดินนำทางไปที่รถบรรทุกคันใหญ่ ที่ผู้โดยสารทั้งหมดสามารถเดินทางไปพร้อมกันได้

สัมภาระถูกทยอยนำขึ้นไปเก็บบนรถ ข้าวขวัญพยายามเดินเกาะกลุ่ม ถึงเธอจะสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ แต่เธอก็ไม่อยากหลงทางตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึง...

เคลวินสบถ!! เขาเสียเวลากับการรอมากกว่าที่ตัวเองกำหนดไว้

เขายกข้อมือขึ้นมองเวลา ปลายหัวคิ้วขมวดจนเกือบเป็นโบว์ ทว่า...ก่อนที่เขาจะอารมณ์เสียไปมากกว่านั้น รถยนต์คุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดเทียบข้าง

“บอกแล้วใช่ไหม ผมไม่ชอบรอ” เขาพูดเสียงแข็ง แล้วก็มุดเข้าไปนั่งด้านหลัง

“ขอโทษครับ ทางขึ้นมีอุบัติเหตุ กว่าผมจะฝ่ามาได้เลยมาช้ากว่าที่คุณต้องการ” คำแก้ตัวของแวน เพื่อให้เจ้านายเข้าใจสถานการณ์

“ตอนนี้เคลียร์เส้นทางได้หรือยัง?” เคลวินถามต่อ

“ยังเลยครับ เหมือนจะตกลงกันไม่ได้” สารถีพึมพำตอบ

สถานการณ์ตรงจุดเกิดเหตุยังไม่คลี่คลาย มันอาจจะเป็นเพราะรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมีราคาแพงทั้งสองคัน พวกเขาไม่ยี่หระกับค่าใช้จ่าย แค่ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืน เมื่อไม่มีสักรายยอมอ่อนให้ ผู้ร่วมสัญจรบนถนน เลยพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel