ตอนที่1.1 เมื่อชีวิตเริ่มมีความหวัง
ข้าวขวัญรีบเช็ดคราบน้ำตา เพชรชมพูคงดีใจหากรู้ว่าข้าวขวัญเปลี่ยนใจ ปีนี้เธอตั้งใจทำงานเก็บเงิน เธอเรียนช้ากว่าเพื่อนไปสักปีก็ไม่เห็นเป็นไร ข้าวขวัญเชื่อว่าเธอสอบได้แน่ๆ เธอจะทำทุกอย่างให้ยายลำดวนมีความสุข และภูมิใจในความสำเร็จของเธอ
“ข้าวไปทำกับข้าวก่อนนะยาย วันนี้เรามาฉลองกันเถอะค่ะ”
หลายปีที่ในหัวใจมีแต่ความทุกข์ เวลานี้ข้าวขวัญสามารถยิ้มได้เต็มหน้า เธอทำได้ข้าวขวัญเชื่อแบบนั้น
“ยายไปช่วย วันนี้ตำน้ำพริกกินกันเถอะ ข้าวชอบไม่ใช่เรอะ”
ยายลำดวนมีฝีมือทำอาหาร แต่เพราะสุขภาพและการมองเห็นที่เริ่มลดลง ลำดวนเลยพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ลำดวนไม่อยากให้ข้าวขวัญจับได้
“ไว้ใกล้ๆ วันเดินทาง ยายตำน้ำพริกใส่กระปุกให้ข้าวเยอะๆ หน่อยได้ไหมคะ ข้าวกลัวกินอาหารที่นั่นไม่ได้” ข้าวขวัญไม่ใช่คนกินยาก แต่หากมีอาหารฝีมือยายติดไป เธอจะได้อุ่นใจ
“ได้สิ ยายจะทำเยอะๆ เลย” ลำดวนยิ้มกว้าง
นางอดคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ไม่ได้ ลำดวนอดเสียใจในโชคชะตา หลานสาวตัวน้อยควรมีอานคตที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่ติดยายแก่ๆ ที่เป็นตัวถ่วง ลูกสาวของลำดวนจากไปเพราะป่วยหนัก ส่วนสามีของลูกสาวก็สร้างครอบครัวใหม่ เขาพยายามพาข้าวขวัญไปอยู่ด้วย เป็นข้าวขวัญเองที่ปฏิเสธความหวังดีของบิดา
เด็กมีความคิดเกินตัวอย่างข้าวขวัญคงพอรู้
บิดาเองก็มีภาระล้นบ่า ครอบครัวใหม่ก็ออกท่าไม่ใคร่เต็มใจต้อนรับ การที่หลานสาวตัดสินใจเช่นนั้น คงเพราะตัวนางเองด้วย
ลำดวนแอบผ่อนลมหายใจ พยายามเพ่งมองทุกอย่างตรงหน้าที่พร่าเลือนแทบมองไม่เห็น
“รอให้ข้าวกลับมาก่อนนะยาย ข้าวจะปลูกบ้านใหม่ให้ยาย เวลาฝนตกเราจะได้ไม่ต้องนอนผวากลัวฟ้ากัน”
บ้านไม้หลังเล็ก หลังคาผุๆ กันฝนกันลมแทบไม่ได้
“เก็บเอาไว้เรียนเถอะ ข้าวต้องใช้เงินอีกเยอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะยาย ขอแค่เราสองคนมีที่นอนที่ปลอดภัย เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหา พอข้าวกลับมา ข้าวก็อายุยี่สิบแล้วนะยาย ทีนี้ข้าวทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ติดเรื่องอายุแล้วค่ะยาย”
กฎเกณฑ์บางเรื่องก็เป็นข้อจำกัด ทั้งที่ความจริงแล้วเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบปีทำงานหาเลี้ยงตัวเองเยอะแยะ เพียงแต่ต้องอดทนกับการถูกเอาเปรียบ ช่องโหว่ทางกฎหมายนั่นมีไว้ ไม่รู้ว่าช่วยเด็ก หรือช่วยให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบคนงานที่มีความจำเป็น แต่อายุไม่ถึงกันแน่
ตอนที่2.บนเส้นทางแห่งความฝัน
ข้าวขวัญได้รายละเอียดเรื่องการเดินทางและรับความช่วยเหลือหลายอย่างจากเพชรชมพู
“เรื่องค่าเดินทางจะหักจากค่าแรงสิบห้าวันแรกนะ ไม่ต้องคิดมาก ครูช่วยข้าว เพราะครูรู้ว่าข้าวเป็นเด็กดี” เพชรชมพูพูดเกริ่นเพื่อไม่ลูกศิษย์คนนี้ของเธอกังวลมากเกินไป
ข้าวขวัญขมวดคิ้วแล้วก็รีบยกมือไหว้
ค่าใช้จ่ายของเธอทั้งหมดเพขรชมพูอาสาออกให้ก่อน ข้าวขวัญน้ำตาซึม หลายคนพยายามช่วยเหลือเธอ ดังนั้นข้าวขวัญเลยตั้งใจมั่น เธอจะไม่ทำให้ทุกคนที่หวังดีกับเธอ ผิดหวังเด็ดขาด!!
พอถึงปลายเดือน เธอก็ต้องเตรียมตัวเดินทาง
ลำดวนทำน้ำพริกใส่ขวดแก้วไว้ให้หลานสาวพกติดตัวไปกินกันตายหลายขวด
เอกสารที่อำเภอมอบไว้ให้ประกอบการเรียนรู้ เมืองที่ข้าวขวัญจะต้องเดินทางไปทำงานเป็นคนงานเก็บผลเชอร์รี่ ชื่อเมืองซินต์-เตรยเดิน ”Sint-Truiden” เป็นเมืองและเทศบาลในมณฑลลิมเบิร์กของเบลเยียม และเป็นโชคดีที่ความมานะของข้าวขวัญส่งผลให้กับตนเองในวันนี้ ข้าวขวัญเรียนเอกภาษาฝรั่งเศส และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่กังวลกับการเดินทางครั้งนี้เลย เธออ่านออกเขียนได้ สามารถสื่อสารกับคนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
กระเป๋าเดินทางที่ครูเพชรชมพูหามาให้ ก็ช่วยประหยัดเงินให้เธอเป็นอย่างดี เงินก้อนนั้นข้าวขวัญยัดใส่มือลำดวน และกอดขอกำลังใจเกือบห้านาที
กระเป๋าค่อนข้างเก่า แต่ก็ยังแข็งแรงใช้ได้ ข้าวขวัญไม่รังเกียจของบริจาคนั่นเลย เธอนึกขอบคุณผู้ให้ด้วยซ้ำ เพราะค่ากระเป๋าเดินทางมันแพงมากสำหรับเธอ หากต้องหาซื้อเอง
วันเดินทางมาถึงเร็วกว่าที่คิด และเพื่อความสะดวกนิรดาเลยหารถรับส่งให้ไปถึงสนามบินเลย ข้าวขวัญโบกมือลายายลำดวนและครูประจำชั้นที่มาส่งด้วย เธอโบกมือและแอบเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นทางเพราะไม่อยากให้ยายไม่สบายใจ