บท
ตั้งค่า

บทนำ 2

“เฮ้ย ปล่อยนะ เจ็บนะเว้ย !” ตติยะสบถลั่น แต่หล่อนกลับไม่ยอมง้างฟันออกจากเนื้อเขาสักที ขืนอุ้มหล่อนไว้ต่อไป มีหวังผิวหนังของเขาคงหลุดติดปากหล่อนไปด้วยแน่ๆ

สุดท้ายเขาจึงจำยอมปล่อยหล่อนลงจากบ่าให้ได้รับอิสระ ซึ่งนันวราก็รีบวิ่งแหวกผู้คนหนีไปทันทีโดยไม่คิดจะหันหลังมามองคนที่โดนประทุษร้ายเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยว หยุดนะ !” ตติยะตั้งท่าจะวิ่งตาม แต่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยคนแปลกหน้า

“คิดจะลักตัวเด็กไปขายหรือไงไอ้หน้าหล่อ” เสียงหนึ่งถามขึ้น ตามมาด้วยเสียงหักนิ้วกรอบแกรบ

“ไม่ใช่ ผมแค่มาตามน้องสาวกลับจริงๆ” เขาตอบพลางชะเง้อมองตามหลังเด็กหญิงที่วิ่งออกไปไกลทุกขณะ พลางดึงบัตรประชาชนส่งให้ชายคนหนึ่งดู

“พวกคุณคงเคยได้ยินชื่อผมใช่มั้ย”

หลายคนหันไปปรึกษากันพักหนึ่ง ก่อนพยักหน้ารับ “จะว่าไปชื่อคุณก็คุ้นๆนะ”

“ฉันนึกออกแล้ว เหมือนฉันจะเคยเห็นหน้าคุณตามหน้าหนังสือพิมพ์นะ” หญิงวัย 41ปีพูดขึ้น พลางหันไปบอกทุกคน “เขาคงไม่ใช่คนร้ายหรอกค่ะ”

“ผมขอตัวไปตามน้องกลับมาก่อนนะ” ตติยะรีบวิ่งแหวกคนอื่นไป ซึ่งคราวนี้ก็ทางสะดวกเพราะไม่มีใครคิดสงสัยเขาอีกต่อไป

แย่จริง…หล่อนวิ่งไปไหนแล้วนะ เด็กอะไร วิ่งไวเป็นบ้า

ชายหนุ่มยืนงง หันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะไปทางไหนดี และขณะนั้นเองหูของเขาก็ได้ยินเสียงแตรดังลั่นพร้อมล้อรถที่เสียดสีถนนเมื่อรถเกิดเบรกกระทันหันทำให้เขาต้องหันไปมองกลางถนนตามสัญชาตญาณ และก็ได้พบร่างเล็กๆที่พยายามจะก้าวข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม

ปี๊นๆๆๆๆ

เอี๊ยดดดดดด

ไม่รอช้า ร่างสูงเพรียวรีบวิ่งตามทันที ก่อนจะคว้าตัวหล่อนขึ้นมาพาดบ่าไว้อีกครั้ง แล้วพากลับมาที่ริมถนน

“ปล่อย ปล่อยนะไอ้บ้า ปล่อยๆ !” นันวรายังคงฤทธิ์เยอะเหมือนเก่า เพราะหล่อนทั้งทุบทั้งดิ้นเพื่อหวังให้เขายอมปล่อย

“หยุด…ห้ามดิ้น ห้ามกัด ห้ามโวยวาย ไม่งั้นจะจับฆ่าปาดคอซะตรงนี้เลย” เสียงเหี้ยมๆนั่นทำให้เด็กสาวไม่กล้าขัดขืนอีกต่อไป

ตติยะลอบยิ้มอย่างพึงใจ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ขู่นิดหน่อยก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว

“ดื้อนัก เก่งนัก แถมชอบเถียงอีกด้วย ในฐานะที่พี่อายุมากกว่าเธอ พี่ต้องสั่งสอนเธอซะบ้างแล้ว จะได้เลิกพฤติกรรมน่าเหนื่อยหน่ายแบบนี้ซะที” พูดจบก็ฟาดฝ่ามือใส่ก้นเธออย่างแรงหลายครั้ง แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ยินเสียงร้องไห้หรือเสียงโวยวายด่าทอจากปากเล็กๆนั่นอีกเลย

หล่อนเงียบจนผิดสังเกต แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก เดินแบกร่างผอมบางกลับสถานสงเคราะห์ ขณะที่นันวราใจหายวาบ อิสระที่นึกฝันว่าอีกไม่นานคงเอื้อมคว้าถึง บัดนี้ได้ลอยห่างไกลจนไม่อาจได้พบเจออีก

อีกไม่นานหล่อนคงถูกจองจำอยู่ใต้อาณัติของผู้ปกครองคนใหม่ตลอดกาล

“ปล่อย… ปล่อยฉันนะ” หล่อนเฝ้าวอนขออีกครั้ง แม้ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจะเป็นประโยคที่หล่อนไม่อยากฟังมากที่สุดก็ตาม

“ขอโทษทีนะหนูน้อย พี่คงปล่อยเธอไปไม่ได้”

เด็กหญิงหมดแรงจะดิ้นรนขัดขืน รู้แน่แล้วว่าตนคงต้องกลับเข้าไปในที่ที่อยากหนีมากที่สุดอีกครั้ง

บ้านที่มีเด็กเล็กมากมาย มีข้าวให้กิน มีที่ให้ซุกหัวนอน แต่…ไม่มีไออุ่นที่หล่อนต้องการ

ตติยะแบกหล่อนมาถึงป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ว่า‘บ้านกลิ่นฝัน อุ่นไอรัก’ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าเด็กสาวมีอาการตัวเกร็งขึ้นเหมือนอึดอัดใจ แต่เขาก็ยังพาหล่อนเดินเข้าไป…จนถึงลานกว้างที่นันวราเคยวิ่งเล่นมานานนับสิบปี ตอนนี้มีคน 5คนยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ หนึ่งในนั้นคือพี่เลี้ยงเด็กชื่ออัญญาที่หล่อนคุ้นเคย และผู้ใจบุญซึ่งมาบริจาคหนังสือและขนมให้กับเด็กๆ

นันวราเหลือบตามองเสี้ยวหน้าคมของหนุ่มร่างสูง เห็นตัวโปร่งๆเพรียวๆแบบนี้ ไม่คิดว่าจะแข็งแรงจนสามารถแบกหล่อนเดินกลับมาถึงที่นี่ได้ ทั้งๆที่ระยะทางไกลนับร้อยเมตรโดยไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย

“ท่าทางจะเฮี้ยวน่าดูนะหนูคนนี้” ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีชื่อตฤณได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนันวราถูกพาเข้ามากลางวงสนทนา

“เฮี้ยวและดื้อมากด้วยครับ” ตติยะเสริม พลางปล่อยร่างผอมบางให้ยืนบนพื้น

“ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเป็นธุระตามตัวน้องนันกลับมาได้” อัญญามือไหว้อย่างมีมารยาท ขณะที่ชายหนุ่มโบกมือว่อน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากเห็นหน้าคนที่ขโมยขนมถุงเล็กๆเพราะคิดว่าขนมแค่นั้นจะสามารถเลี้ยงชีพได้ คิดอะไรตื้นๆแบบเด็กจริงๆ”

คำว่าคิดอะไรตื้นๆที่หลุดจากปากเขา ทำให้นันวราถึงกับเม้มปากแน่น จ้องหน้าคมอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรอีก หล่อนได้แต่ยืนคว้างอยู่ท่ามกลางวงผู้ใหญ่ตัวโตที่ข่มให้หล่อนดูตัวเล็กจ้อยลงไปอีกมาก

“แบบนี้แหละค่ะ วัยรุ่นตอนต้นเป็นวัยต่อต้าน ที่น้องนันไม่อยากอยู่ที่นี่คงเพราะกลัวว่าจะถูกเศรษฐีมารับไปอุปการะน่ะค่ะ” พี่เลี้ยงเล่าแบบนั้น และเด็กสาวก็ถึงกับสะดุ้ง หน้าซีดขาว

ซึ่งอาการตื่นตูมของนันวราก็อยู่ในสายตาของตติยะอยู่ตลอดเวลา

“เขาคงกลัวที่จะมีครอบครัวใหม่” ‘ตฤณ’ผู้มีศักดิ์เป็นบิดาของตติยะออกความเห็น เพราะวันนี้ว่างจากงานที่รัดตัว เขาจึงชวนลูกชายคนเล็กและเลขามาทำบุญบริจาคของเล่นกับขนมให้เด็กๆในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ตติยะเห็นเด็กรูปร่างผอมๆคนหนึ่งวิ่งหนีออกไป ซึ่งเวลานั้นยามรักษาความปลอดภัยที่เคยเฝ้าอยู่หน้าประตูมัวเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงเสนอตัวไปพาเด็กคนนั้นกลับมาเอง

เหตุเพราะชายหนุ่มเบื่อที่ต้องยืนฟังพ่อโอ้อวดถึงความใจบุญของตน และไม่อยากทนฟังคำสรรเสริญเยินยอจากเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็ก เขาจึงหาทางเลี่ยงด้วยการอาสาไปพาตัวนันวราที่คงหนีไปได้ไม่ไกลนักกลับมา

วูบหนึ่งที่ตติยะมองเด็กสาวแล้วรู้สึกเวทนาจับใจ ฝ่ามือใหญ่จึงวางบนศีรษะของคนตัวเล็ก แล้วบอกว่า

“น่าดีใจออกนะ หนูจะได้มีครอบครัวที่อบอุ่นไง”

เหมือนเด็กสาวจะไม่พอใจในประโยคนั้น มือเล็กปัดมืออุ่นออกไป แล้วสวนกลับด้วยน้ำเสียงกระด้างว่า

“ไม่รู้จริงก็อย่ามาพูดอวดฉลาด ผู้ชายเฮงซวย ฉันเกลียดคุณ” พอว่าจนสาใจแล้ว หยดน้ำตาก็พรั่งพรู ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป ทิ้งให้คนที่ถูกด่าฟรีๆถึงกับอ้าปากค้างอย่างงุนงง ส่วนตฤณนั้นออกอาการอึ้งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อัญญารีบไกล่เกลี่ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

“ปกติน้องนันไม่ใช่เด็กก้าวร้าวแบบนี้นะคะ นี่เป็นครั้งแรก อย่าถือสาแกเลยค่ะ”

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะถือสา แม้ว่าตติยะจะนึกเคืองไปบ้างก็ตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มลืมเลือนเหตุการณ์ครั้งนี้

ลืมว่าเคยมาทำบุญที่บ้านกลิ่นฝัน อุ่นไอรัก แล้วได้พบเด็กหญิงวัย14ปีอย่าง‘น้องนัน’ จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึง 6ปีเต็มๆ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel