บทที่ 1 แรกพบว่าที่สามีจำเป็น 1
บทที่ 1
แรกพบว่าที่สามีจำเป็น
นันวราเติบโตเป็นสาวสะพรั่งวัยแรกแย้ม ด้วยวัย20ปี เปลี่ยนจากเด็กหน้าตามอมแมมผอมเก้งก้างให้เป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหมดจดสดใส แก้มแดงอมเลือดฝาด ดวงตาสุกสกาวราวดวงดาวยามค่ำคืน
หล่อนมีความงามตามธรรมชาติเสกสรร ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นต้องเหลียวมอง แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่มีโอกาสได้เจอเพศตรงข้ามบ่อยนัก เพราะอุเทน…เศรษฐีชราที่รับอุปถัมภ์หล่อนนั้นได้ให้หล่อนเข้าโรงเรียนสตรีล้วน และไม่อนุญาตให้หล่อนคบหาเพื่อนชายหรือไปเที่ยวที่ไหนตามลำพัง
ชีวิตที่อยู่ในกรอบอันแสนเคร่งครัดราวกับนกน้อยที่ถูกจองจำอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น แม้จะมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย มีข้าวให้กิน มีที่นอนอุ่นๆ มีที่อยู่อาศัย แต่กลับขาดอิสระ มีเพียงยามค่ำคืนเท่านั้นที่หล่อนมีโอกาสได้ปลดปล่อยความทุกข์ทุกอย่างด้วยการยืนชมจันทร์อยู่ริมหน้าต่างเพื่อปลดปล่อยความคิดและความอึดอัดทั้งมวล
จักรวาลกว้างใหญ่ที่หล่อนใคร่รู้นักว่า…บนโลกใบนี้มีความงามอะไรซ่อนอยู่บ้าง
อดนึกถึงอดีตเมื่อครั้งยังเยาว์ไม่ได้ มีคราวหนึ่งที่หล่อนได้อธิษฐานขอพรกับดาวตกว่าขอให้พบเจอแต่ความสุข ทว่าสิ่งที่หล่อนได้พบเจอกลับตรงกันข้ามกับที่ต้องการทุกอย่าง
หลังจากจบ ม.6แล้ว นันวราก็ไม่ได้รับการศึกษาต่อ ทั้งๆที่หล่อนอยากเรียนในระดับมหาวิทยาลัยใจจะขาด แต่อุเทนกลับออกคำสั่งให้หล่อนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อเข้าครอสเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
หล่อนไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักซ้ำยังมีอายุมากพอที่จะเป็นปู่ของหล่อนได้ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะเขาเป็นคนพาหล่อนออกมาจากสถานกำพร้าเพื่อรับหน้าที่ส่งหล่อนเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษา
นันวราเคยคิดจะหนีอยู่หลายหน แต่สุดท้ายก็ถูกอุเทนตามตัวกลับมาได้ทุกครั้ง…และการถูกลงโทษอย่างหนักด้วยการตบตีก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว เพราะชายชราเป็นคนเจ้าอารมณ์และไม่ชอบให้ใครขัดใจ
หล่อนดื้อรั้นก็ถูกตี หล่อนเถียงก็จะถูกฟาด ทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบมองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วตัดสินว่าเด็กอย่างหล่อนต้องผิดเสมอไป
เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่สมบูรณ์แบบและสวยที่สุด หญิงสาวจึงต้องแต่งตัวเฉิดฉายสวยหรูแม้จะอยู่แต่ในบ้าน ทุกอาทิตย์จะมีคนมาขัดผิว พอกหน้าให้ หล่อนต้องรักษาหุ่นและดูแลตัวเองด้วยการกินข้าวเพียงวันละ 2 เวลา เน้นผัก ห้ามกินเนื้อ กระทั่งขนมรสหวานๆที่มีคลอเรสเตอรอลและน้ำตาลสูง อุเทนก็ไม่อนุญาตให้กิน เพราะไม่ต้องการให้หล่อนอ้วน
หากหล่อนมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงขีดเดียว หล่อนจะถูกลงโทษทันที
เหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิตจิตใจ ถูกเขาบังคับทุกอย่าง แม้แต่การดำเนินชีวิตประจำวัน ทั่วทั้งตัวหล่อนห้ามมีตำหนิ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ผมของหล่อนแตกปลาย เมื่ออุเทนเห็นเข้า เขาโมโหมากและดุด่าที่หล่อนยอมปล่อยปละละเลยตัวเองถึงเพียงนี้
บางครั้งก็นึกน้อยใจในวาสนา แรกเริ่มเกิดมา พ่อแม่ก็ไม่ต้องการ หล่อนต้องเติบโตในสถานสงเคราะห์และถูกอุปการะด้วยเศรษฐีชราบ้าตัณหาที่หวังเลี้ยงดูหล่อนไว้เพื่อให้เป็นเครื่องบำเรอกามให้ในยามที่หล่อนเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว
หล่อนเป็นอะไรในสายตาของมนุษย์เหล่านี้ ทำไมไม่เคยมีใครเห็นใจหล่อนบ้าง
หญิงสาวได้อาศัยในบ้านหลังเล็กซึ่งสร้างอยู่ด้านหลังบ้านใหญ่ที่อุเทนอยู่ โดยที่ชายชราเคยบอกไว้ว่า เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะยอมให้หล่อนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกับเขาด้วย
อุเทนให้ชบาซึ่งเป็นสาวใช้มาอยู่เป็นเพื่อนนันวรา เพื่อคอยควบคุมให้หล่อนอยู่ในสายตาเขาเสมอ
ระหว่างที่คิดถึงชะตาชีวิตที่ผ่านมาของตน หญิงสาวก็ลอบผ่อนลมหายใจหลายครั้งหลายครา มีเพียงยามดึกของทุกคืนเท่านั้นที่หล่อนไม่ต้องถูกจับตามอง เพราะชบาหลับสนิทอยู่อีกห้องหนึ่ง
เงียบเหงา…อ้างว้าง และเดียวดาย
ดวงตากลมโตหม่นเศร้าเมื่อมองลึกเข้าไปที่ดวงจันทร์กลมใหญ่ซึ่งกำลังฉายรัศมีสีเหลืองนวลตา และช่วงจังหวะนั้นเองที่หางตาหล่อนจับภาพความปกติได้ จนต้องรีบตวัดสายตาไปมองตามสัญชาตญาณ แล้วก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดสีดำกลมกลืนกับความมืดกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง ซ้ำยังมีเสียงแก่ๆดังไล่หลัง
“ใครวะ…ขโมยหรือเปล่า”
เสียงนั้นเป็นของอุเทนอย่างแน่นอน ด้วยความตกใจ…นันวราจึงรีบถอยห่างจากบริเวณหน้าต่าง เมื่อเห็นชายนิรนามตรงดิ่งมาทางบ้านน้อยที่หล่อนพักอาศัย
สวบสาบ…
เสียงย่ำฝ่าเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้จะบางเบาแต่ก็ดังก้องในหูของหล่อน ก่อนที่ใบหน้าซึ่งมีผ้าสีดำปิดตั้งแต่ครึ่งจมูกลงไปจะโผล่เข้ามาทางช่องหน้าต่าง ดวงตาคมดุสานสบนัยน์ตาหวาดหวั่นของหญิงสาว ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ย
“ขอโทษนะสาวน้อย ขอผมเข้าไปหน่อยนะ”
ไม่มัวรอให้หล่อนอนุญาต ชายหนุ่มก็ถือวิสาสะกระโดดเข้ามาในห้องของหล่อนอย่างคล่องแคล่ว เล่นเอาตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงระคนหวาดกลัว
เขาเป็นใคร หรือเป็นโจรจะเข้ามาขโมยของที่นี่ !
เมื่อความคิดเตลิดไปไกล หญิงสาวจึงขยับเท้าถอยหนีหลายก้าว ตามด้วยเสียงแหวขับไล่
“เอ๊ะ! ออกไปนะ กล้าดียังไงเข้ามาในห้องของฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้ !” ส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น หล่อนก็ถึงกับตาเหลือกเมื่อชายหนุ่มรุกประชิด ดึงตัวหล่อนมากอดตามด้วยฝ่ามือหนาที่ปิดปากบางไว้แน่น
“อุ๊บ !”
หญิงสาวใจหายวาบ ส่งเสียงขลุกขลักในลำคอ เขาช่างมีพละกำลังมหาศาลจนล็อกตัวหล่อนไว้อยู่หมัด วูบหนึ่งที่ในความกลัวนั้นมีความคุ้นเคยแทรกซึมอยู่ด้วย ราวกับว่าหล่อนเคยเจอเจ้าของมือใหญ่คนนี้มาก่อน
ดวงตากลมโตเหลือกลาน พยายามดิ้นรนให้รอดพ้นจากอ้อมกอดมัจจุราช เหงื่อเม็ดเล็กๆไหลซึมตามไรผมทั้งๆที่อากาศเย็นเฉียบ
เพราะรักและเป็นห่วงตัวเองกลัวว่าจะถูกเขาทำร้าย หล่อนจึงเกิดแรงฮึด ตัดสินใจกัดมือเขาอย่างแรง ซึ่งชายหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกับปล่อยมือออกจากหล่อนอย่างรวดเร็ว
“กล้ามากนะที่กัดผมแบบนี้ !” เขาตะคอกเสียงห้าว ท่าทางจะฉุนเฉียวไม่น้อย ขณะที่นันวรารีบฉวยโอกาสช่วงนั้นถอยกรูดออกไปตั้งหลักพลางชี้หน้าเขา
“คุณเป็นโจรจะมาขโมยของมีค่าใช่ไหม ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณอยากได้หรอก กลับไปซะเถอะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ” หล่อนเอาตำรวจมาขู่ และนั่นก็ทำให้เขาถึงกับอึ้ง ก่อนที่คิ้วเข้มจะเลิกขึ้นสูง
“เจ๋งดีนี่ ตัวเล็กๆแค่นี้แต่พิษสงมีเพียบ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่โจรที่จะมาขโมยของของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง” เขาย่างสามขุมเข้ามาใกล้ พลางดึงผ้าปิดหน้าโยนไว้บนเตียง ตามด้วยจับคางเล็กของหญิงสาวยึดไว้แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แต่พอได้เห็นหน้าคุณ ผมก็ชักอยากจะเป็นโจรปล้นสวาทซะแล้วสิ”
ประโยคนั้นที่ได้ฟังสร้างความตื่นตระหนกให้หญิงสาวจนร่างกายสั่นสะท้านแทบควบคุมไม่อยู่ สิ่งเดียวที่หล่อนทำได้ตอนนี้คือปัดมือเขาให้ออกห่าง ตามด้วยเปล่งเสียงกรีดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือ
“กรี๊…”
แต่เสียงของหล่อนออกไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น จู่ๆร่างเล็กก็ถูกกระชากเข้าปะทะอกแกร่ง ก่อนที่หน้าคมจะก้มต่ำแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันราวกับโมโห
“อื้อ…” นันวราเบิกตากว้าง เพราะความที่อ่อนต่อโลกซ้ำยังไม่ค่อยได้ใกล้ชิดบุรุษเพศ ครั้งนี้จึงเป็นจูบแรกที่หล่อนไม่คุ้นชิน
สุดจะทนทานไหว ขาเรียวสั่นระริกจนอ่อนยวบเกือบกองลงไปนั่งบนพื้นหากไม่มีมือหนาของเขาโอบรั้งเอวเล็กไว้
จูบแผ่วโหยและดูดดื่มเปลี่ยนความหวาดกลัวให้เป็นความซาบซ่านระคนหวามไหว ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นอุ่นอย่างหยอกเย้า ป้อนความรัญจวนอย่างที่หญิงสาวไม่เคยได้รับจากใคร
วงแขนแข็งแรงกอดรัดหล่อนไว้ ส่งผลให้หล่อนตระหนักได้ดีถึงกำแพงกล้ามเนื้อที่บดเบียดเนื้อตัวอ่อนนุ่มของหล่อน รวมทั้งอุ่นไอที่ทำให้หญิงสาวอบอุ่นเหมือนถูกโอบล้อมด้วยไฟรัก
นันวราหน้าแดงระเรื่อ เผลอไผลจนลืมตัว ชั่วขณะหนึ่งที่หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกแหแห่งความรักล้อมรัดรอบกายไว้
ไม่…นี่ไม่ใช่ความรัก แต่หล่อนกำลังถูกผู้ชายบ้ากามล่วงเกินอย่างไม่น่าให้อภัย
เมื่อย้ำเตือนตัวเองเช่นนี้ในใจ สติที่เคลิ้มไปกับรสสัมผัสจึงกลับคืนมาอีกครั้ง มือเล็กดิ้นรนทุบต้นไหล่แกร่งเพื่ออิสรภาพ แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเจ็บปวดจากการถูกหล่อนประทุษร้ายเลยแม้แต่น้อย