บทที่ 1 แรกพบว่าที่สามีจำเป็น 2
มิหนำซ้ำ มือหนายังเริ่มเลื่อนมาด้านหน้าแล้วกอบกุมอกอวบอิ่มบีบเคล้นอย่างหนักหน่วงดุจจะลงทัณฑ์ เล่นเอาหญิงสาวตาลุกวาวอย่างขุ่นเคือง รีบจับมือเขาออก แต่ยิ่งผลักไส เขากลับไม่ยอมปล่อยเหมือนอยากแกล้ง
ถ่อย…เขาเถื่อนที่สุด กล้าดียังไงมาทำกับหล่อนแบบนี้
“อา…” ชายหนุ่มครางในลำคออย่างพึงใจ รสจูบที่ได้รับช่างหอมหวานจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาไม่เคยพบพานผู้หญิงคนไหนไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเช่นหล่อนมาก่อน
เพราะไม่อยากถูกเอาเปรียบอีกต่อไป หญิงสาวจึงรวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังพอเหลืออยู่บ้าง ผลักอกหนาออกห่าง และคราวนี้ก็ทำสำเร็จเสียด้วยสิเมื่อเขายอมผละถอยแต่โดยดี ทำให้หล่อนได้เห็นหน้าเขาอย่างชัดเจนและถนัดตา
เจ้าของอ้อมกอดแกร่งและจูบร้อนแรงที่ทำหล่อนแทบละลายนั้นมีดวงหน้าคมสันสะอาดสะอ้าน ผิวขาวอมชมพู จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากสีกุหลาบ แต่อะไรก็ไม่โดดเด่นเท่าดวงตาคู่คมที่อยู่ใต้คิ้วดกหนา
ดวงตาสีน้ำตาลแวววาวราวมีหยดน้ำเพชรอยู่ในนั้น…และก็เป็นดวงตาที่สะกดให้หล่อนถึงกับยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดให้กลายเป็นหิน
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินคุณ ผมขอโทษ” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน รู้สึกผิดไม่น้อยที่นำอารมณ์ดิบเถื่อนมาใช้กับหล่อน…สาวน้อยแสนสวยที่บริสุทธิ์ราวกับดอกกุหลาบขาวที่เพิ่งจะแย้มบาน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้จูบหล่อน ทั้งๆที่เขาไม่เคยฉวยโอกาสกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนหากใครคนนั้นไม่เต็มใจ แต่แว่บแรกที่เห็นใบหน้านวลซึ่งมองเห็นเด่นชัดท่ามกลางแสงจันทร์ที่อาบไล้ ก่อให้เกิดความปรารถนาขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจูบหล่อนซ้ำๆ… อีกหลายๆหน
เคยได้ยินว่าอุเทนรับอุปการะเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหญิงสาวที่สวยมากถึงเพียงนี้
ดูท่าจะเป็นเมียเก็บลับๆของอุเทนเสียกระมัง ถึงได้ถูกกักตัวให้อยู่ในบ้านที่แสนโดดเดี่ยว
“ลามปาม ไอ้โรคจิต นอกจากจะย่องเข้าบ้านคนอื่นกลางดึก คุณยังฉวยโอกาสจูบฉันอีก ทุเรศที่สุด คุณไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
เมื่อถูกหล่อนต่อว่าหนักๆเข้า ชายหนุ่มก็ชักจะเดือดขึ้นมาบ้าง เขาชี้หน้าหล่อนแล้วประกาศกร้าว
“ถือเสียว่าเพราะคุณจะกรี๊ด ผมเลยจูบ คุณกัดผม ผมเลยจูบ แต่ถ้าคราวนี้คุณดื้อและโวยวายอีก ผมสาบานว่าจะทำมากกว่าจูบแน่ๆ”
“คุณจะทำอะไร” ถามด้วยแววตาระแวดระวัง ซึ่งเขาก็กระตุกยิ้มตรงมุมปาก ถามเสียงเบาพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ใสซื่อจังนะสาวน้อย ไม่รู้จริงหรือแค่แกล้งโง่ ตอนนี้คุณก็เป็นสาวเต็มตัวแล้ว น่าจะรู้สิว่าผู้ชายอย่างผมอยากจะทำอะไรคนสวยๆอย่างคุณ”
“คุณ…ออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกเสี่ยเท่ง” หล่อนกำมือแน่นพลางออกปากไล่เขาอีกครั้ง ดวงตาคมคู่นั้นเหมือนมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้หล่อนขาดความเป็นตัวของตัวเอง
“ก็ลองดูสิครับ ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณทำอย่างนั้นแน่ๆ ถ้าอยากลองดีกับผมก็เชิญเลย” เขาท้าทาย ในแววตาไม่มีความกลัวในคำขู่เลยแม้แต่น้อย
“คุณ..คุณเป็นใคร มาที่นี่ทำไม ต้องการอะไรกันแน่” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ ถามเสียงสั่นเพื่อถ่วงเวลาหาทางหนีทีไล่
“ผมชื่อต้นกล้า มาที่นี่เพราะอยากได้ของบางอย่างจากเสี่ยเท่งคืน” เขาตอบ ขณะที่หล่อนจ้องหน้าคนพูดเขม็ง ทั้งน้ำเสียงและดวงตาของเขาช่างคล้ายคลึงกับใครคนหนึ่งที่หล่อนไม่เคยลืมตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
“ถ้างั้นที่นี่คงไม่มีของที่คุณต้องการหรอกค่ะ กลับไปเถอะ”
“ยังกลับไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยเท่งรู้ตัวแล้วว่ามีคนนอกลอบเข้ามา ผมขอหลบอยู่ในบ้านหลังนี้สักพักหนึ่งจะได้มั้ย” เขาถาม ดวงตาคมลึกจ้องหล่อนอย่างรอคอยคำตอบ ก่อนที่หญิงสาวจะสะดุ้ง หน้าเผือดสีเมื่อได้ยินเสียงวิ่งของอุเทนดังใกล้เข้ามา
“เสี่ยเท่งมาแล้ว เขาต้องสงสัยว่าคุณจะเข้ามาในบ้านฉันแน่ๆ” นันวราร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด มองไปทางประตูแล้วหันมามองชายหนุ่มสลับกันไปมาอย่างตรองไม่ตก
จะทำอย่างไรดี…หล่อนไม่ชอบอุเทน แต่ครั้นจะช่วยชายแปลกหน้าคนนี้ก็ไม่กล้า เพราะเขามือไวใจเร็ว เพิ่งเจอหล่อนได้ไม่นานก็จูบหล่อนเสียแล้ว หากช่วยเขา…ชะตาชีวิตหล่อนจะเป็นเช่นไรต่อไป
เหมือนเขาจะรู้ว่าหญิงสาวตัดสินใจไม่ถูก เสียงเข้มจึงยื่นข้อเสนอ
“หากคุณช่วยผม ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ผมยินดีทำให้คุณทุกอย่าง”
นันวราไม่มีเวลาคิดให้รอบคอบ หากอุเทนรู้ว่าในห้องหล่อนมีผู้ชายอยู่ เขาคงเข้าใจผิดและไม่พอใจแน่ๆ ซึ่งผลที่ตามมาหล่อนอาจจะต้องเจ็บตัวเพราะถูกชายชราลงโทษ
“น้องนัน เปิดประตูให้เฮียหน่อย” อุเทนกล้าเรียกตัวเองว่า‘เฮีย’อย่างไม่คิดจะอายปาก เพราะความที่อายุล่วงเลยถึงวัย 65ปีแล้ว การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้า เขามัวเดินสำรวจรอบๆบริเวณเพื่อหาสิ่งผิดปกติ ครั้นหาไม่พบจึงลองมาถามนันวราดูเผื่อจะมีขโมยเข้ามาในนี้บ้าง
เมื่อเห็นว่าหล่อนเงียบ มืออวบอูมจึงทุบประตูบ้านโครมๆชนิดไม่เกรงใจใคร เล่นเอาชบาที่กำลังหลับอยู่ในห้องแคบๆถึงกับสะดุ้งโหยง รีบลุกไปเปิดประตูให้เจ้านายร่างใหญ่ทันที
“มีอะไรคะเสี่ยเท่ง ดึกดื่นป่านนี้แล้ว” ชบาหาวหวอดจนเห็นลิ้นไก่ ดวงตาสะลึมสะลือเหมือนยังไม่หายง่วง
“มีคนแปลกหน้าเข้ามาในนี้บ้างหรือเปล่า”
ชบาหันซ้ายหันขวาแล้วปฏิเสธอย่างงงๆ “จะมีใครได้ล่ะคะ ก็มีแค่ชบากับคุณน้องนันเท่านั้นแหละค่ะ”
“งั้นน้องนันอยู่ไหน ฉันอยากเจอ”
“ก็อยู่ในห้องเขาน่ะสิคะ เสี่ยนี่ก็ถามแปลกๆ” ชบาเกาหัวแกรก ก่อนจะถอยให้ชายสูงวัยเดินไปเปิดประตูห้องพักของนันวรา พบหญิงสาวยืนฉีกยิ้มอยู่กลางห้อง
“เสี่ยมีอะไรคะ โผล่มากลางดึกแบบนี้” นันวราถาม ขณะที่อุเทนกวาดตามองไปทั่วอย่างสำรวจ
“มีใครเข้ามาในนี้หรือเปล่าน้องนัน”
“ไม่มีนี่คะ” หล่อนทำหน้าเหรอหรา กำมือเย็นเฉียบของตัวเองไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้ออกอาการสั่นจนอีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหล่อนต้องช่วยเขา…ช่วยผู้ชายที่ขโมยจูบแรกไปจากหล่อน
“อ้าว เหรอ” ชายสูงวัยลูบหัวล้านของตัวเองอย่างมึนๆ เมื่อครู่นี้เขาเห็นเงาคนวูบวาบวิ่งอยู่นอกตัวบ้าน เขาจึงวิ่งตาม แล้วจู่ๆเงานั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
จะว่าเข้ามาในบ้านน้อยก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเห็นท่าทางของชบากับนันวราก็ดูเป็นปกติดี หรือว่าเขาจะแค่ตาฝาดไป
“เฮียคงตาฝาดไปอ่ะจ้ะ ว่าแต่น้องนันยังไม่ง่วงอีกเหรอ หรือว่ากำลังหลับอยู่แล้วเฮียมากวน” ถามพลางเลื่อนสายตามองร่างอวบอัดของสาวน้อยตรงหน้าด้วยประกายตาปรารถนา
“เดี๋ยวก็ว่าจะเข้านอนแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว อย่านอนดึก ผิวพรรณจะได้สดใส น้องนันรู้ใช่ไหมว่าเฮียชอบความเพอร์เฟ็กต์ ถ้าเธอมีตำหนิแม้แต่นิดเดียว เฮียคงยอมไม่ได้”
“ฉันจะดูแลตัวเองค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ ก่อนเสริมต่ออีกว่า “แต่บางครั้งเสี่ยก็น่าจะให้ฉันทำตามใจตัวเองบ้างนะคะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์นั้นหรอกน้องนัน” นิ้วอวบสั้นเหมือนมะขามข้อเดียวจับปลายคางหล่อนไว้แน่น “ไม่มีใครต้องการเธอสักคนแม้กระทั่งพ่อและแม่ เธอเกิดมาอย่างคนไร้ค่า แต่เฮียก็รับเธอมาชุบเลี้ยง เฮียบรรจงปั้นเธอให้เป็นดาวที่สวยงาม ดังนั้นเธอต้องทำตามความต้องการของเฮียทุกอย่าง 6ปีแล้วสินะน้องนันที่เฮียเฝ้ารอคอยจนกระทั่งเธอโตเป็นสาว อีกไม่กี่วันเฮียจะได้เธอมาเป็นเจ้าสาว มีเธอคอยปรนนิบัติเอาอกเอาใจ เฮียคงเป็นผู้ชายโชคดีที่หนุ่มๆเกือบค่อนประเทศพากันอิจฉาแน่ๆ” ตบท้ายคำพูดด้วยเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากลงลูกคออย่างชอบอกชอบใจที่ความฝันอยากได้เมียเป็นสาวสวยเอ๊าะๆแถมบริสุทธิ์ผุดผ่องใกล้จะเป็นความจริงขึ้นมาทุกขณะ
ทว่าหญิงสาวกลับลอบเบ้หน้าอย่างเดียดฉันท์ แต่สำหรับหล่อนแล้วคงเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดที่ต้องไปเป็นเมียของชายที่ตนไม่ได้รัก เพราะไม่อยากทนฟังเขาพล่ามประโยคชวนอาเจียนอีกต่อไป หล่อนจึงไล่เขาทางอ้อม
“เสี่ยกลับไปเถอะค่ะ ฉันง่วงแล้ว”
“ขอจูบฝันดีหน่อยได้มั้ย” ถามพลางยื่นริมฝีปากหนาบานเข้าหา แต่หล่อนรีบเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว “ฮื้อ…น้องนันไม่น่ารักเลย ขอเฮียกอด หอม จูบหน่อยไม่ได้เลยเหรอ”
“รอก่อนสิคะ รอให้ถึงเวลาก่อน แล้วเสี่ยจะทำอะไร ฉันจะไม่เลี่ยงเลย”
“แน่นะ”
“แน่สิคะ” หล่อนรับคำเสียงเบา ยังไงก็ต้องหาทางเอาตัวรอดในยามคับขันนี้ไปเสียก่อน ส่วนวันต่อไปจะเป็นยังไงก็ค่อยหาทางแก้ไขอีกที
“อีก7วัน น้องนันจะอายุครบ20 เมื่อนั้นเธอต้องเป็นของเฮีย เฮียรอได้…รอมาตั้ง 6ปีแล้ว ถ้าต้องรออีกสัก7วันคงไม่เป็นไร งั้นเฮียไปก่อนนะ” อุเทนกล่าวลา พลางส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวจนเห็นฟันปลอมครบทุกซี่ จากนั้นก็หมุนกายเดินกลับไปอย่างอ้อยอิ่ง ซึ่งนันวราก็รีบไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง…หญิงสาวก็เดินไปหยุดข้างเตียงแล้วเรียก
“ออกมาได้แล้วค่ะ”
เสี้ยวนาทีต่อมา ชายหนุ่มก็พาร่างสูงใหญ่ของตนออกจากใต้เตียง อึดอัดเป็นบ้า…ดีนะที่อุเทนกลับไปเร็ว ไม่งั้นเขาคงหน้ามืดเพราะความคับแคบของที่ซ่อนแน่ๆ
ถึงแม้จะซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิด แต่หูของเขาก็ได้ยินบทสนทนาทุกคำ ฟังดูก็รู้ว่าอุเทนเป็นคนเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจมากแค่ไหน ซ้ำยังพูดจาหวานเลี่ยนจนเขาอดขนลุกไม่ได้
ก็ดูที่เสี่ยแก่นั่นพูดสิ…ชอบความเพอร์เฟ็กต์ ไม่ต้องการให้หญิงสาวมีตำหนิ แต่กลับไม่ดูตัวเองบ้างเลย ทั้งแก่หง่อม ฟันนั่นก็คงเป็นของปลอม แถมหัวล้านเป็นมัน รูปร่างอ้วนเตี้ยอีกต่างหาก
“เป็นไงบ้างคะ อึดอัดหรือเปล่า” เสียงใสเอ่ยถาม ฉุดดึงความคิดของชายหนุ่มให้กลับคืนมา เขากระพริบตาถี่ๆแล้วมองคนตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ
ไม่รู้เพราะอะไร…เขาถึงรู้สึกหวงแหนหล่อนขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งเจอกันคืนนี้เป็นคืนแรก
“คุณก็ลองมุดเข้าไปนอนใต้เตียงดูบ้างสิ แล้วจะรู้ว่าอึดอัดมากแค่ไหน” เขาตอบไปแบบนั้น และก็ได้รับค้อนวงกว้างจากหล่อนเป็นสิ่งตอบแทน
“แหม ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องย้อนเลยค่ะ ว่าแต่ฉันจะไว้ใจคุณได้แค่ไหนคะ”
ใครจะไปกล้าไว้ใจเขากัน ก็ดูเขาสิ…มือไวใจเร็วแบบนั้น แถมยังมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้หล่อนสรุปได้ว่าเขาคือผู้ชายอันตราย อยู่ใกล้ทีไรเหมือนขาดความเป็นตัวของตัวเองทุกที
“ผมขอโทษจริงๆที่ล่วงเกินคุณ แต่คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ผมจูบทั้งๆที่ไม่รู้จักว่าเป็นใคร”
นัยน์ตาวาววับ ประกอบกับรอยยิ้มประหลาดที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง ได้แต่ถลึงตาใส่ ถามประชดไปว่า
“ฉันควรดีใจใช่ไหมคะ”
“เปล่า…เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณจริงๆ ตอนแรกนึกว่าคุณเป็นเมียเก็บเสี่ย ไม่คิดว่าคุณจะ เอ้อ…” ทำท่าอึกอักเล็กน้อยก่อนเสริมต่อ “ไม่คิดว่าคุณจะไร้เดียงสาและไม่เคยถูกจูบมาก่อน”
“คุณนี่แย่จริงๆ หมายความว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว หรือผ่านมือผู้ชายมา คุณก็จะจับจูบหมดเลยสินะ โรคจิต ฉันไม่น่าช่วยคุณเลย ออกไปเดี๋ยวนี้นะ” มือเล็กผลักแผ่นหลังหนาแล้วดันไปที่ประตู แต่ชายหนุ่มกลับขืนตัวเอาไว้ ซ้ำยังหันมาจับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนยึดไว้ แล้วพูดเน้นย้ำทีละคำอย่างคนที่เริ่มจะหงุดหงิด
“ก็บอกแล้วไงว่ามีคุณเป็นคนแรกที่ผมจูบทั้งๆที่ไม่รู้จัก ถ้ายังว่าผม ด่าผมอีก คราวนี้ผมจะไม่จูบคุณแล้ว แต่จะตีก้นแทน ข้อหาพูดจาไม่รู้เรื่องทำให้ผมหงุดหงิด !”
ตากลมหวานเบิกโพลง คำว่า‘ตีก้น’เหมือนจะสะกิดใจหญิงสาวอย่างแรง ชั่วขณะหนึ่งที่ความทรงจำหวนกลับไปสมัย 6 ปีก่อน
“ดื้อนัก เก่งนัก แถมชอบเถียงอีกด้วย ในฐานะที่พี่อายุมากกว่าเธอ พี่ต้องสั่งสอนเธอซะบ้างแล้ว จะได้เลิกพฤติกรรมน่าเหนื่อยหน่ายแบบนี้ซะที”
มีใครคนหนึ่งพูดกับหล่อนเช่นนั้น และเขาก็ใช้ฝ่ามือฟาดก้นหล่อนอย่างแรงจนเจ็บช้ำ จนกระทั่งวันนี้ความแค้นเคืองก็ยังไม่จางหายไปจากความรู้สึก
และเขาก็คล้ายหนุ่มวัยรุ่นในอดีตเป็นอย่างมาก…เหมือนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน
หญิงสาวสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่ความสงสัยนั้นออกจากสมอง ก่อนเสเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“ที่คุณว่าจะมาหาของ คุณมาหาอะไรล่ะคะ”
“แหวน” ชายหนุ่มตอบ พลางมองหล่อนเดินไปหยุดตรงโต๊ะที่มีแจกันวางอยู่อย่างนึกขัน ดูท่าหล่อนจะไม่คุ้นชินกับการอยู่สองต่อสองกับคนแปลกหน้ามากนัก เพราะหล่อนระวังตัวแจเลยทีเดียว หากเขาวู่วามเข้าไปกอดร่างหอมละมุนอีกครั้งมีหวังถูกฟาดด้วยแจกันกระเบื้องจนสลบแน่ๆ
“แหวน ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ อุเทนเองก็มีฐานะค่อนข้างดี ต่อให้ต้องซื้อเพชรนับสิบกะรัตก็สามารถทำได้ หล่อนไม่อยากเชื่อเลยว่าเศรษฐีแก่จะขโมยของมีค่าของคนอื่นมาเป็นของของตนอย่างที่ตติยะกล่าวหา
เห็นสายตาของหญิงสาวแล้ว เขาก็รู้ทันทีว่าหล่อนคงคลางแคลงสงสัยในคำพูดของเขา หน้าคมจึงเคร่งขึ้นเมื่ออธิบายต่อไปว่า
“เป็นแหวนเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นทวดของผม แม้จะเป็นแหวนโบราณแต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจ ทุกคนเชื่อว่าหากคนในตระกูลมีความรักแล้วนำแหวนมาสวมที่นิ้วนางของเจ้าสาว ครอบครัวจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขและรักกันจนแก่เฒ่า”
“คุณเชื่อตำนานนั้นหรือคะ”
“ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ…มันเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจและผมก็ต้องการมันคืน”
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าเป็นฝีมือเสี่ยเท่งขโมยไป”
“มั่นใจ แหวนของผมมีคนแก่หลายคนที่รู้เรื่องนี้ดีเพราะเล่ากันมาปากต่อปาก เสี่ยเท่งคงรู้มาจากคนอื่นและหวังอยากได้สมบัติชิ้นนี้ของผมถึงได้ส่งคนเข้ามาสมัครเป็นคนสวนที่บ้านผมแล้วลอบขโมยแหวนไปได้ ที่ผมรู้เพราะมีคนรับใช้บอกว่าคนสวนคนใหม่แอบเข้าไปในห้องส่วนตัวของผมเวลาที่ผมไม่อยู่ พอผมรู้เรื่องนี้ คนสวนก็ลาออก พอผมไปตามและถามหาแหวน เขาก็บอกว่าเสี่ยเท่งให้มาขโมย ผมไปขอแหวนคืนจากเสี่ย แต่เสี่ยก็ยืนกระต่ายขาเดียวบอกว่าไม่รู้เรื่อง ผมเลยต้องลอบเข้ามาค้นหาถึงถิ่นเสี่ยในเวลากลางดึกแบบนี้ไง”