บทที่ 3 ความหวัง ความฝัน และอ้อมกอดอบอุ่นจากผู้ชายตัวโต 2
น่าบัดสีนัก เด็กสาวบริสุทธิ์ที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูจนเติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง อีกไม่นานจะถึงวันวิวาห์อยู่แล้ว ทว่าหล่อนกลับมีชายอื่นมาหยามศักดิ์ศรีเขา
อุเทนโกรธจนตัวสั่น หน้าอวบอูมแดงก่ำ นี่ถ้าเขาจับไม่ได้ว่าชบาแอบค้นห้องเขาแล้วคาดคั้นสาวใช้ล่ะก็…ป่านนี้เขาคงไม่รู้หรอกว่าในตอนดึกๆจะมีผู้ชายโผล่มาหานันวราถึงที่ห้อง
ไอ้หน้าอ่อนนี่เป็นใคร กล้ามาเหยียบจมูกเขาถึงถิ่น !
“สะ เสี่ย เสี่ยเท่ง !” นันวราหน้าเผือดสี หล่อนลุกพรวดขึ้นยืน หันไปมองตติยะสลับกับอุเทนด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก แต่น่าแปลกที่เจ้าของวงหน้าคมเข้มกลับสงบเยือกเย็นไม่มีอาการตื่นเต้นแต่อย่างใด เขายังคงนั่งนิ่งเฉยเหมือนเก่า
“เออ…ฉันเอง ถ้าชบาไม่บอกให้ฉันแอบมาดูเธอตอนดึกๆ ฉันคงเป็นไอ้โง่ที่ถูกเธอสวมเขา เลว…เลวมาก” ชายชราบริภาษ ผิดหวังจนแทบยืนไม่อยู่ แต่เพราะทิฐิที่แรงกล้าทำให้เขาไม่ยอมเข่าอ่อนลงกับพื้น กลับยืนหน้าเชิดจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเสียใจระคนแค้นเคือง
“ฉัน…ฉัน” หญิงสาวเจียนจะร้องไห้ ก่อนจะอุทานเมื่ออุเทนกระชากข้อมือหล่อนพาออกจากห้อง “กรี๊ด ! เสี่ยจะพาฉันไปไหนน่ะ ปล่อยนะ ปล่อย !”
“มานี่นังแพศยา ฉันให้ชบาเตรียมห้องให้เธอแล้ว คืนนี้เธอต้องขึ้นไปนอนบนบ้านใหญ่กับฉัน ฉันไม่ไว้ใจปล่อยให้เธออยู่ห่างสายตาอีกแล้วแม่ตัวดี”
“ไม่เอานะเสี่ย ฮือๆ ได้โปรด ฉันไม่ได้รักเสี่ย ปล่อยฉันไปเถอะ” นันวราวอนขอทั้งน้ำตา แต่มีหรือที่คนอย่างเศรษฐีเฒ่าจะปรานี ในเมื่อเขานึกถึงแต่ตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าเขาหมายตาอะไรก็ต้องเอาให้ได้อย่างใจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต !
“ไม่รักงั้นเหรอ แล้วรักไอ้ชู้นั่นเหรอไง หมอนั่นมันดีกว่าฉันตรงไหนฮึนัน ฉันหล่อกว่ามัน ฐานะฉันก็ต้องรวยกว่ามันอยู่แล้ว มีแค่เรื่องเดียวที่แพ้มันคือเรื่องอายุ แต่รักแท้มันไม่เกี่ยวกับอายุไม่ใช่เหรอ” เมื่อลากหญิงสาวออกมาจากตัวบ้านหลังเล็กแล้ว อุเทนก็พูดฉอดๆอย่างไม่เข้าใจ…แน่นอน ทั้งเรื่องความหล่อและฐานะ เขามั่นใจในตัวเองมาก แต่ทำไมหล่อนถึงยังปันใจให้ผู้ชายคนอื่นได้
“แต่ฉันไม่ได้รักเสี่ยนี่คะ มันไม่เกี่ยวที่ว่าเสี่ยแก่หรือไม่แก่ ก็ในเมื่อคนมันไม่รักจะให้ทำไงได้ล่ะ !”
“หนอย ปากดีนักเชียว นังเด็กนี่ไม่รู้จักของดีซะแล้ว เคยได้ยินมั้ยว่ามะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งมันน่ะ ฉันก็เหมือนมะพร้าวนั่นแหละ ยิ่งแก่ยิ่งเร้าใจ เธอนี่ตาต่ำจริงเชียว !”
“ไม่เอา…ฉันไม่ชอบกินมะพร้าวแก่ กลัวฟันหัก” หล่อนสะบัดมือผู้อุปการะอย่างแรงจนหลุดพ้น ตากลมวาวโรจน์เมื่อถูกอุเทนตำหนิใส่หน้า
“นังเด็กเนรคุณ ก้าวร้าว กล้าใช้คำพูดแบบนี้กับผู้มีพระคุณเชียวเหรอ ฉันคิดผิดจริงๆที่เอาลูกเสือลูกจระเข้อย่างเธอมาเลี้ยง”
“ถ้าเสี่ยรู้ตัวว่าคิดผิด ถ้างั้นเสี่ยก็ปล่อยฉันไปเสียทีสิ”
“ให้ปล่อยงั้นเหรอ” ชายชราเลิกคิ้วบางขึ้นสูง ก่อนหัวเราะจนไขมันที่พุงกระเพื่อม “พูดอะไรตลกเป็นบ้า ตลอด 6 ปีมานี้ ฉันเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่ เสียทั้งเงินและเวลา ดังนั้นฉันไม่มีวันยอมยกเธอให้ใครแน่ จำไว้ !”
“ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเสี่ยนะ” หล่อนแหว ปากสั่นมือสั่น ที่สำคัญ…หล่อนกำลังกลัว
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแหละ แต่ฉันเลี้ยงเธอมาเพื่อให้เธอสร้างความสุขให้ฉันในบั้นปลายชีวิต เธอต้องเป็นเมียฉันแค่คนเดียวเท่านั้น” อุเทนพูดอย่างเอาแต่ใจ ไม่คิดจะยอมปล่อยเหยื่อสาวให้เป็นอิสระ ทำให้หล่อนถึงกับฉุนขาด ตวาดลั่น
“ฉันเกลียดเสี่ย ไม่อยากเห็นหน้าเสี่ย ฉันจะหนีไปจากเสี่ยให้ได้ !” ม่านหยดน้ำพร่าพรายบดบังภาพเบื้องหน้า ก่อนจะไหลแหมะลงมาตามแนวแก้ม และช่วงจังหวะนั้นเองที่หญิงสาวเหลือบตาไปเห็นตติยะกำลังเดินออกมาจากตัวบ้านอย่างใจเย็น
ทำไมเขาไม่มีท่าทางทุกข์ร้อนเลยสักนิด ไม่ตกใจบ้างเลยหรือไงกันที่ถูกอุเทนจับได้ !
แม้จะสงสัย แต่หล่อนก็ยังวิ่งไปหาเขา พร้อมเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่นราวจะยึดเขาเป็นที่พึ่ง ซึ่งตาคู่คมก็หลุบลงมองมือเรียวด้วยแววตาประหลาด
มือของหล่อนเย็นชืดเลยเชียว คงเป็นเพราะอากาศหนาวและตกอยู่ในภาวะหวาดหวั่น…น่าสงสาร ทั้งๆที่ไม่รู้จักหล่อนดี แต่เขากลับนึกอยากปกป้อง ความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้เรียกว่าอะไรกันนะ ?
อุเทนมองหญิงสาวที่ตนบรรจงปั้นแต่งมานานหลายปีที่บัดนี้วิ่งไปยืนเคียงข้างชายแปลกหน้าอย่างโกรธจัด ชายแก่ชี้หน้าหล่อนแล้วดุตะคอกด้วยเพลิงโทสะ “นังนี่ กระแดะ เห็นผู้ชายหนุ่มๆไม่ได้ วิ่งไปหาเขาเชียว ไร้ยางอายสิ้นดี เธอคงไม่รู้มั้งว่าคนอย่างฉันน่ะ…นอกจากจะเตะปี๊บดังแล้ว ฉันยังสามารถเตะเธอให้ซี่โครงหักได้ด้วยนะ อยากเจ็บตัวเหมือนเมื่อสองเดือนก่อนใช่มั้ย ฉันจะได้จัดให้…จัดต่อหน้าไอ้หน้าอ่อนนั่นแหละ”
ประโยคนั้นดังก้องสะท้อนไปมาในหู ทำให้นันวราเริ่มมีเหงื่อไหลซึมตามไรผมทั้งๆที่รู้สึกหนาว เล็บสีขาวสะอาดที่ถูกตัดสั้นเจียนมนได้จิกเข้าไปที่ท่อนแขนกำยำอย่างลืมตัว เมื่อภาพบางอย่างผุดขึ้นในห้วงนึก
“อย่าเสี่ย อย่าทำฉัน” เสียงกรีดร้องผสานเสียงสะอื้นดูน่าเวทนาในสายตาคนรับใช้หลายคนที่มองมา แต่กลับไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยหล่อน
“เฮียบอกเธอแล้วใช่ไหมน้องนันว่าเฮียจะเป็นผัวให้เธอเอง ห้ามเธอไปเจอผู้ชายคนอื่น” มือหยาบกร้านคว้าพวงผมสลวยกระชากอย่างแรงจนหญิงสาวน้ำตาไหลพราก
“เสี่ย…เสี่ยเข้าใจผิดแล้ว ฮือๆ ฉัน ฉันไม่ได้ไปเจอผู้ชาย แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนเท่านั้น”
“ไม่ได้ !” อุเทนตะคอกลั่น ก่อนผลักหญิงสาวอย่างแรงจนร่างบางเซล้ม “เฮียบอกแล้วไงว่าอย่าไปเที่ยวกับคนอื่น ถ้ามันชักชวนไปทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง แล้วอีกอย่างนะ…ทำเป็นอ้างว่าไปกับเพื่อน คิดว่าเฮียไม่รู้เหรอว่าวัยรุ่นสมัยนี้เป็นไง ผู้หญิงสมัยนี้แรดกันทั้งนั้น ร้อยทั้งร้อยก็คงไปอ่อยผู้ชายนั่นแหละ”
“เสี่ยว่าแต่คนอื่น ไม่มองดูตัวเองบ้างเลย ผู้ชายเองก็มีเลวเยอะ โดยเฉพาะคนแก่ๆอย่างเสี่ยที่ทำตัวไม่น่าเคารพเลยแม้แต่นิดเดียว !”
“ปากดี เฮียคงต้องสั่งสอนซะบ้าง ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่หลาบจำ” พูดพลางใช้ฝ่าเท้ายันอกหญิงสาวจนหล่อนนอนหงายราบไปบนพื้นหญ้าก่อนจะกระทืบลงมาที่ช่องท้องหล่อนไม่ถึงกับแรงนักแต่ก็ทำให้จุกไปได้เหมือนกัน
“อุ๊ก !”
“จำไว้ว่าชีวิตเธอเป็นของเฮียนะน้องนัน !”
ภาพแห่งความหลังจางหายไปแล้ว แต่กระนั้นตัวหล่อนยังคงไม่หายสั่น จะทำอย่างไรดี มีหวังถูกซ้อมเหมือนคราวก่อนแน่ๆ
แม้อุเทนจะทนุถนอมหล่อนชนิดไข่ในหิน แต่เมื่อโมโหขึ้นมา เขาก็พร้อมจะทารุณหล่อนโดยไม่คำนึงสักนิดว่าหล่อนจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
เมื่อหายโกรธแล้ว อุเทนก็จะมาพูดจาหวานๆ พาหล่อนไปรักษาอาการฟกช้ำ ทำราวกับว่ารักหล่อนเต็มประดา
ขืนให้หล่อนอยู่กับคนเจ้าอารมณ์แบบนี้ไปทั้งชีวิต มีหวังหล่อนคงตายตั้งแต่ยังสาวแน่ !
ระหว่างที่คิดอย่างวุ่นวายพร้อมหยดน้ำตาที่รินไหลอย่างต่อเนื่องนั่นเอง จู่ๆวงแขนแข็งแรงก็โอบรัดรอบบ่าหล่อน ไออุ่นที่ได้รับทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองตติยะอย่างงุนงง