บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ความหวัง ความฝัน และอ้อมกอดอบอุ่นจากผู้ชายตัวโต 3

“ขอโทษนะครับ ใครกันแน่ที่เป็นชู้ แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่ผม เพราะผมเป็นสามีของนัน”

“ห๊ะ !” อุเทนอ้าปากค้าง เมื่อครู่นี้เขาหูฝาดไปใช่ไหม “อย่ามาพูดบ้าๆนะ ฉันเลี้ยงน้องนันมาอย่างดี มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ดูแลมา 6 ปีแล้ว น้องนันอยู่ในโอวาทฉันมาตลอด จะถูกแกฟันได้ไง ไอ้บ้า”

“แต่มันก็เป็นไปแล้วครับเสี่ย ผมเจอนันก่อนเสี่ยอีกนะ เจอตั้งแต่น้องนันยังไม่ได้ออกจากสถานกำพร้ามาอยู่กับเสี่ยเลย”

“ห๊ะ !” อุเทนอ้าปากค้างเป็นรอบที่สอง “ไอ้โรคจิต นี่แกหวังเครมเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าเหรอไง”

“ก็เหมือนเสี่ยนั่นแหละ อุปการะเด็กโดยใช้ความเมตตาเป็นฉากบังหน้า แต่ภายในใจคิดแต่เรื่องลามก อุบาทว์สิ้นดี”

“ว่าใครอุบาทว์วะ”

“นั่นเป็นปัญหาที่เสี่ยต้องไปหาคำตอบเองครับ”

“กวนประสาทจริง ยังไงฉันก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าน้องนันกับแกจะมีอะไรกันแล้วจริงๆ”

“ไม่เชื่อก็ดูเอาเองล่ะกัน แต่ถ้าทนดูไม่ได้ก็กลับไปนอนหลับเสีย ผมกับนันจะได้พากันขึ้นเตียงต่อ” พูดจบ ชายหนุ่มก็ดึงคนตัวเล็กเข้ากอดแนบอก ก่อนก้มลงจุมพิตเรียวปากอิ่มอย่างดูดดื่ม

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง รอบบริเวณที่เต็มไปด้วยความมืด หล่อนอยู่ในอ้อมกอดของชายร่างสูงใหญ่ และถูกเขาจูบอย่างร้อนแรง

มันคงจะโรแมนติกกว่านี้หากไม่มีตาแก่หัวล้านยืนจ้องมองจนตาแทบถลนอยู่ข้างๆ

มือเรียวกำขยำเสื้อของเขาจนยับย่น ขาสั่นเทา หากไม่มีอุ้งมือร้อนผ่าวรั้งเอวเล็กไว้ หล่อนคงได้รูดลงไปกองแทบเท้าเขาแน่ๆ

หลังจบบทจูบที่เร่าร้อน เขาก็ดึงใบหน้าออกนิดหนึ่ง มองสบตาหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย พร้อมจุมพิตมุมปากหล่อนเบาๆอีกครั้งเมื่อกระซิบบอก

“ผมจะช่วยคุณเองนัน คุณไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

หัวใจที่ว้าเหว่และวุ่นวายพลันสงบลง หล่อนไม่มัวคิดอะไรให้รอบคอบ รีบแนบแก้มเข้าที่ท่อนแขนกำยำแล้วบอกด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นกังวลอีกต่อไป

“คุณต้นเปรียบเสมือนพี่ชาย เพื่อนรู้ใจ และสามีที่น่ารัก เป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ ฉันจะไปอยู่กับคุณต้นค่ะ”

ฟังประโยคนี้เข้าไป อุเทนก็ปวดจี๊ดกลางอก เอ่ยรำพันทันที

“ทำไมฮึ ทำไมถึงพูดแบบนี้กับฉัน แล้วฉันล่ะเป็นอะไรในสายตาของเธอ”

และคำตอบที่ได้รับก็ทำเอาอุเทนถึงกับอ้าปากค้าง แสบหน้ายิบๆราวถูกสาดด้วยน้ำกรด “สำหรับฉันแล้ว…เสี่ยเหมือนพ่อ เหมือนผู้คุมนักโทษ ไม่ต่างจากตาแก่จอมลามก และเป็นผู้ชายอันตรายที่ฉันไม่อยากเข้าใกล้ค่ะ”

ระหว่าที่ยืนนิ่งขึงอย่างตั้งตัวไม่ติดอยู่นั้น ตติยะก็เดินมาคุกเข่าตรงหน้าชายชราแล้วพูดว่า

“เสี่ยเปรียบเสมือนคุณปู่แท้ๆของนัน ผมอยากจะขอหลานคุณปู่ไปเป็นเมียออกหน้าออกตาจะได้ไหมครับ รับรองว่าจะดูแลและปกป้องนันวรายิ่งกว่าชีวิตตัวเอง และยินดีให้ค่าสินสอดอย่างงามเลยครับ”

หญิงสาวที่ยืนฟังอยู่บริเวณนั้นถึงกับหน้าร้อนผ่าว วูบหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่าเขาพูดความจริง ทว่าต่อมากลับเจ็บจี๊ดกลางอก…เขาก็แค่สงสารและสมเพชหล่อนจนไม่อาจทนดูอยู่เฉยๆได้ เลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างไม่เต็มใจนัก

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของหล่อนกัน ทำไมมันเจ็บแปลบเหมือนถูกเข็มตำ บางครั้งก็ซาบซ่านเคลิบเคลิ้มเปี่ยมสุข หรือว่าหล่อนเครียดจนใกล้บ้าไปแล้ว

ระหว่างที่นิ่งคิดอย่างสับสนอยู่นั้น จู่ๆร่างบางก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงแหบแก่ตะคอกลั่นอย่างโกรธจัด

“ฉันไม่ใช่คุณปู่ ไม่อยากมีหลาน ฉันอยากมีเมีย ฉันเลี้ยงน้องนันมาอย่างดี แกอย่ามาชุบมือเปิบ” จากนั้นก็หันไปตะโกนเสียงล้งเล้ง “เฮ้ย ใครตื่นอยู่มั่งวะ โผล่หัวมานี่หน่อย มาลากไอ้หมอนี่ออกไปให้พ้นบ้านฉันที”

เสียงโวยวายที่ดังก้องท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ปลุกคนสวนให้ตื่นขึ้นมาสองคน เป็นชายร่างผอมแต่ต้นแขนมีกล้ามเนื้อขึ้นอย่างแข็งแรง บ่งชัดว่ากรำงานหนักมาช้านาน

“มีอะไรครับเสี่ย” สองหนุ่มที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นปกปิดความอุจาดตาเพียงชิ้นเดียวได้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาถาม…เพราะรีบมากเกินไปจึงไม่ทันได้แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องนอน

“เห็นไอ้ขี้เหร่นั่นไหม กระทืบมันซะ” อุเทนสั่ง ซึ่งลูกน้องก็หันมามองหน้านายจ้างอย่างพร้อมเพรียงแล้วถามว่า

“เสี่ยนึกยังไงถึงปลุกพวกผมกลางดึกให้มากระทืบเสี่ยครับ”

“ไอ้บ้า !” อุเทนตะคอก “ฉันหมายถึงไอ้หน้าอ่อนนี่ต่างหาก จับมันโยนออกไปนอกบ้านซะ” นิ้วอวบเหมือนมะขามข้อเดียวชี้มาทางตติยะที่หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้ว

“ไร้สาระ ไปกันเถอะนัน” ตติยะถอนหายใจยาวพลางโอบเอวเล็ก พาเดินไปทางด้านข้างซึ่งเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นรกครึ้ม…ทางที่เขาลอบเข้ามาในอาณาเขตบ้านของอุเทนได้อย่างง่ายดาย

“เฮ้ย ! ทำให้เสี่ยเท่งโมโห แสดงว่าแกไม่อยากตายดีใช่ไหม” สมานวิ่งเข้ามาสกัดตรงหน้าหนุ่มสาว ก่อนจะปล่อยกำปั้นใส่ชายหนุ่ม แต่ไม่โดนเพราะเขาหลบพ้น

“คุณมากกว่ามั้งที่อยากตาย” เขาย้อนเสียงสุภาพ ก่อนยันฝ่าเท้าใส่หน้าท้องอีกฝ่ายอย่างแรง และช่วงนี้เองที่เขามีช่องโหว่ให้คนสวนอีกคนที่เหลือชื่อแก๊บวิ่งมาด้านหลัง หมายจะเล่นงานช่วงเขาเผลอ ทว่านันวราเห็นเข้าเสียก่อน หล่อนใช้นิ้วจิกท่อนแขนของแก๊บ ก่อนจะก้มลงใช้ฟันงับอย่างแรงจนฝ่ายนั้นร้องโหยหวน

“อ๊ากกก”

เสียงร้องที่แสดงถึงความเจ็บปวดทำให้ตติยะหันมามอง มือหนาจับแก๊บขึ้นเหวี่ยงอย่างแรง

ปั๊ก !!

“อ๊าก”

“ไปกันเถอะนัน” ชายหนุ่มคว้ามือบางมากุมไว้แล้วพาวิ่ง แต่ยังช้ากว่าอุเทนที่พาร่างอ้วนหนามาดักหน้าพร้อมมีดเล่มสั้นในมือ

“เห็นอะไรมั้ยไอ้หนู กล้าเล่นกับมีดเหรอไง ปล่อยมือว่าที่เมียฉันซะแล้วออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะเหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ”

“ผมไม่อยากทำร้ายคนแก่ หลีกทางให้ผม”

“คุณต้นคะ ฉันไม่อยากให้คุณเสี่ยงนะ” นันวราพูดเสียงสั่น หล่อนกลัว…ห่วงทั้งตัวเองและเขา ไม่อยากให้เขาต้องมาพลอยเดือดร้อนไปมากกว่านี้

“บอกว่ายังไม่แก่ไงเล่า” เศรษฐีเฒ่าที่มั่นใจว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่ โผนทะยานเข้าหาตติยะพร้อมจ้วงมีดเข้าหาศัตรูหัวใจ แต่ชายหนุ่มก็ไวทายาด เพราะได้รับการฝึกฝนอย่างดีในสนามรบ ทำให้เขาเชี่ยวชาญการหลบหลีกอาวุธมีคม เมื่อหลบพ้นแล้ว ปลายเท้าก็สะบัดใส่มีดของอุเทนจนกระเด็นหล่นพื้น

เคร้ง !

เหมือนเสือแก่ไร้เขี้ยวเล็บ อุเทนหน้าเผือดสี มองเห็นลางพ่ายแพ้ลอยตรงหน้า แต่กระนั้นเขาก็ไม่ยอมรับในโชคชะตา รีบงัดไม้ตายสุดท้ายขึ้นมาทันที

นั่นก็คือ…แหวนที่ตติยะตามหามานานนับปี !

มันถูกดึงออกจากกระเป๋าเสื้อของอุเทน พร้อมรอยยิ้มเหยียดหยันที่ผุดขึ้นตรงมุมปากหนาบาน

“ชบาบอกฉันหมดแล้วว่าแกต้องการแหวน และนันก็จะหาแหวนมาให้แกเพื่อแลกกับการให้แกช่วยพาหนีไปจากฉัน ฉะนั้นฉันเลยไม่เชื่อละครงี่เง่าที่แกบอกว่าเป็นผัวของนัน” จากนั้นก็หันหน้าไปทางนันวราพลางบอกเสียงแผ่ว “ถึงเธอจะเสียจูบแรกให้หมอนี่ไปแล้ว แต่ฉันก็มั่นใจว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่นะนัน”

“มะ…ไม่ ไม่ค่ะ ฉัน ฉันตกเป็นของคุณต้นแล้วจริงๆ” หญิงสาวยืนยันแม้ว่าดวงตาจะฉาบคลอด้วยหยดน้ำใส

“เอาล่ะ…มันจบเกมส์แล้วนะ ไอ้หน้าอ่อน แกต้องการแหวนนี่คืนใช่มั้ย ? ถ้างั้นก็ลงไปเอาในสระสิ” พูดจบก็ดีดแหวนในมือทิ้ง หวังจะให้มันตกลงไปในสระน้ำ เขาเพิ่งคิดแผนออกเมื่อครู่นี้เอง หากตติยะกระโดดลงสระไปหาแหวน ก็จะทำให้เกิดช่องโหว่ และเขาจะใช้โอกาสนั้นสั่งให้พรรคพวกจับตัวตติยะมาสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าการเข้ามาเหยียบจมูกเขาถึงในถิ่นนั้นมันน่ากลัวมากแค่ไหน

แต่คนที่ไม่รอบคอบกลับเป็นอุเทนเสียเองเมื่อแผนการแยบยลที่เขาคิดได้นั้นถูกนันวราทำลายจนพังยับ เพราะหล่อนโผนทะยานเข้าหาแหวน

หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อมือคว้าแหวนได้ทันก่อนที่มันจะตกน้ำ แต่เพราะแรงกระโจนทำให้ตัวหล่อนกระแทกพื้นดินเข้าอย่างจัง

พลั่ก !

“โอ๊ย !”

“อะไรวะนังนี่ คิดจะยั่วโมโหกันหรือไง” อุเทนปรี่เข้าหา หมายจะตบหน้าเรียวสักฉาดให้หายแค้นใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจ วัตถุเย็นเฉียบก็จ่อเข้าที่ขมับเสียก่อน

เมื่อเหล่ตาไปมองก็ถึงกับใจหายวาบ ปืน… ไอ้หน้าอ่อนนี่กล้าใช้ปืนข่มขู่เขา

“ปืนจริงหรือปืนปลอมวะ” กลั้นใจถามออกไปแม้ว่าขาจะสั่นพั่บๆ

“อยากลองพิสูจน์ดูมั้ยล่ะว่าของจริงหรือของปลอม” ตติยะถามพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง และอะไรบางอย่างในแววตาคู่คมก็ทำให้อุเทนไม่กล้าเสี่ยง

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่มๆ”

“ไม่อยากตาย งั้นก็ลงไปเล่นน้ำแทนล่ะกันนะ จะได้ล้างความสกปรกออกจากจิตใจซะบ้าง” พูดจบก็ยันฝ่าเท้าใส่แผ่นหลังของอุเทนจนชายชราหน้าทิ่มตกสระ

ตูม !

“เฮ้ย ! หนาวนะเว้ย”

“เออ แช่อยู่ในนั้นแหละ ห้ามขึ้นมานะ ไม่งั้นตาย !” ตติยะขู่เสียงเข้ม ก่อนจะวาดปืนไปทางลูกสมุนของอุเทนอีกสองคนที่ตอนนี้มีแรงพอที่จะทรงกายลุกขึ้นยืนแล้ว

“พวกเอ็งสองคนก็ถอดกางเกงขาสั้นออกซะ เหลือไว้แค่กางเกงในตัวเดียวก็พอ”

“ทำไมพวกกูต้องถอดด้วยวะ”

“ถ้าไม่ถอดก็เจอลูกปืน จะเลือกอย่างไหน” ตติยะถามเสียงเข้ม แสงจันทร์สะท้อนด้ามปืนสีดำมะเมื่อม ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา

เพราะรักตัวกลัวตาย คนสวนทั้งคู่จึงถอดผ้าออกด้วยมืออันสั่นเทา

“อย่ามองมันนะนัน” ตติยะคำรามเสียงเขียวเมื่อเหลือบตาไปเห็นนันวรากำลังจ้องมองหนุ่มหุ่นผอมแห้งทั้งสองคน

ดูเหมือนหล่อนจะไม่ได้มองด้วยจิตพิศวาสหรอก คงมองเพราะตกใจกับสถานการณ์มากกว่า แต่กระนั้นเขากลับไม่พอใจ…ไม่อยากให้หล่อนเห็นของผู้ชายคนไหนทั้งนั้น

“อะ…อะไรกันคะ” หญิงสาวถามด้วยสีหน้าเหรอหรา และนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย

“บอกว่าอย่ามองก็อย่ามองสิ ถ้าอยากเห็นนัก ไว้เข้าหอกันเมื่อไหร่ค่อยมาดูของผมนี่”

นันวราหน้าแดงแปร๊ด หล่อนเสมองไปทางอื่นพลางบ่นอุบอิบ “คนบ้า…หน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆยังจะทะลึ่งอยู่อีก”

เมื่อเห็นหล่อนหันหน้าไปอีกทางแล้ว ตติยะก็สั่งให้ลูกสมุนของอุเทนกระโดดลงสระ

“ลงน้ำไปซะ”

“หนาวแบบนี้ พวกกูไม่ชอบน้ำ เรื่องอะไรจะกระโดดลงไปแช่ในน้ำตามคำสั่งของมึงด้วยวะ”

“แสดงว่าอยากลองปืนนี้ใช่ไหม ?” ตติยะถามเสียงเย็น แววตาแข็งกร้าวเอาจริง ขณะที่คนสวนหันมามองหน้ากัน ก่อนตัดสินใจวิ่งกระโจนลงน้ำอย่างไม่พอใจ

ตูม !

ตติยะเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่วางกองพื้นหญ้าของพวกมันมา จัดการเหน็บปืนไว้ที่บั้นเอวแล้วหยิบไฟแช็คที่ตนพกติดตัวเสมอออกมาจุดเผากางเกงสองตัวนั้นจนสิ้นซาก

สีแดงของเปลวไฟสว่างวาบท่ามกลางความมืด ทำให้สายตาทุกคู่ถึงกับเบิกค้างอย่างคาดไม่ถึง ก่อนที่นันวราจะอุทานเบาๆเมื่อถูกเขาประคองให้ลุกขึ้น

“ไหวมั้ยนัน”

“วะ ไหวค่ะ” หล่อนแข็งใจตอบเขา มือจับต้นแขนกำยำไว้ ขณะที่เขาพาหล่อนลัดเลาะออกทางข้างบ้านซึ่งมีรั้วกำแพงสูงแค่อก

“ผมจะดันคุณขึ้นไปก่อนนะ”

“คุณต้น…ทำไมคุณถึงยอมช่วยฉันขนาดนี้คะ” หล่อนถามอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งเขาก็มองสบตาหล่อน ก่อนยื่นริมฝีปากมากระซิบริมหูเล็ก

“เพราะคุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมรู้สึกอยากปกป้อง”

ความอบอุ่นแผ่วาบไปทั้งร่าง ชีวิตเด็กกำพร้าที่ไร้อ้อมกอดแห่งรัก มาวันนี้ถูกเติมเต็มเพียงเพราะได้ยินประโยคสั้นๆจากผู้ชายที่ไม่คุ้นเคย

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว ก่อนจะยอมปีนป่ายข้ามกำแพงโดยมีมือหนาคอยดันจนหล่อนกระโดดลงไปด้านล่างได้สำเร็จ

“โอ๊ย !” นันราอุทานเบาๆเมื่อหล่นลงมายังพื้นดินอีกฟากหนึ่ง…สักพักตติยะก็กระโดดตามลงมาอย่างชำนาญ

“เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง พลางพลิกแขนหล่อนเพื่อตรวจหาบาดแผล พบรอยถลอกเล็กๆเท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหวจริงๆ”

“งั้นทนอีกนิดนะ รถผมจอดรออยู่ไม่ไกลนักหรอก” เขายื่นมือส่งให้ ซึ่งหล่อนก็เอื้อมมือไปจับกับมือเขาอย่างยินดีแล้วค่อยๆเดินเคียงข้างคนตัวสูงไปด้วยหัวใจที่พองฟูคับอก

ณ. เวลานี้ หล่อนได้หนีรอดจากบ้านของอุเทนแล้วด้วยการตัดสินใจของหล่อนเอง และไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น หล่อนก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง เพราะหล่อนเชื่อมั่นในมือใหญ่คู่นี้ว่าจะสามารถปกป้องหล่อนจากตาเฒ่าโรคจิตนั่นได้

เมื่อปัญหาทุกอย่างยุติลง หล่อนและเขาคงต้องจากกันตลอดกาล

น่าแปลกที่เมื่อวานหล่อนยังไม่คิดมาก แต่วันนี้กลับหน่วงในอกเหมือนมีหินมาทับ เพียงแค่คิดว่าสักวันต้องแยกทางกับเขา หล่อนก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจราวมีหนามมาทิ่มแทง

ความรู้สึกที่หล่อนเป็นอยู่นี้…มันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันนะ !

ย้อนกลับมาที่ร่างของผู้ชายสามคนซึ่งลอยคออยู่ในสระน้ำ อุเทนค่อยๆพาร่างที่อุดมด้วยไขมันของตัวเองขึ้นฝั่งได้สำเร็จ จะมีก็แต่ลูกน้องนั่นแหละที่ไม่ยอมขึ้นจากสระน้ำเสียที

“แกจะอยู่ในน้ำอีกนานมั้ย ป่านนี้พวกมันคงหนีไปได้แล้ว รีบขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

“เอ่อ…เสี่ยครับ ผมไม่กล้าขึ้นหรอก” ลูกจ้างคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด ขณะที่อีกคนรีบสำทับ

“นั่นสิครับ ผมไม่มีเสื้อผ้า จะกล้าขึ้นจากสระได้ไง”

“โธ่เว้ยไอ้งี่เง่า พวกแกก็มีกางเกงในปิดบังหนอนน้อยอยู่นี่นา แล้วนี่ก็ตอนกลางคืน ไม่มีใครเห็นหรอก แกจะอายอะไรวะ รีบขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ฮ้าดเช้ย !” พูดจบก็ปิดท้ายด้วยเสียงจามสนั่น ยิ่งมีลมหนาวพัดไปมา เขาก็ยิ่งตัวสั่น ฟันกระทบกันดังกึกๆ ขณะที่แก๊บและสมานรีบขึ้นจากสระด้วยอาการสั่นงั่กไม่ต่างกัน

“ฮัดเช้ย !” อุเทนจามอีกครั้ง แสบจมูกไปหมด ครั้นหันไปมองเส้นทางที่ตติยะพานันวราหนีไปก็นึกแค้นใจไม่น้อย

คืนนี้เขาอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่สักวันเขาจะเอาคืนอย่างสาสมเลยทีเดียว เตรียมตัวไว้เถอะไอ้หน้าอ่อน !

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel