ตอนที่ 4 ทำเพื่อลูก
ตอนที่ 4 ทำเพื่อลูก
เช้าของวันใหม่
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขับรถมาหารรรรณาด้วยตัวเองตั้งแต่เช้า หลังจากที่วางสายจากหญิงสาวเมื่อคืนชายหนุ่มก็แทบนอนไม่หลับ เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่รู้ว่ามีลูกสาว แถมลูกสาวของเขานั้นก็น่ารักน่าชังที่สุด อัคคีรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวตัดสินใจยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต ได้ทำหน้าที่พ่อของลูก ร่างสูงโปร่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพักขนาดเล็กของรรรรณา พอจะเคาะประตูเสียงเจื้อยแจ้วของบุตรสาวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“มามี้เมื่อไหร่ปะป๊าจะมาหาน้ำรินคะ น้ำรินรอนานแย้วนะ” เด็กหญิงตัวน้อยหันหน้าไปถามมารดาด้วยสีหน้าเศร้า เธอรอปะป๊าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รรรรณาบอกว่าพอตื่นขึ้นมาปะป๊าก็จะมา แต่นี่ก็ผ่านไปนานแล้วปะป๊ายังไม่มาเลย
“ปะป๊ากำลังมาแล้วค่ะ คนเก่งของมามี้รออีกนิดนะคะ” ถึงแม้จะมีสีหน้าเศร้า พอได้ยินคำปลอบประโลมของมารดา น้ำรินก็พยักหน้าให้ทันที ก่อนจะส่งยิ้มมาให้คนเป็นแม่
“น้ำรินคิดถึงปะป๊า อยากกอดปะป๊า น้ำรินอยากให้ปะป๊านอนกอดน้ำรินด้วย” อัคคีได้ยินอย่างนั้นหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นสั่นไหวแทบไม่เป็นจังหวะ เขาดีใจมากที่ได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของลูกสาวตัวน้อย ชายหนุ่มตัดสินใจเคาะประตูสองสามที ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรีบหันหน้ามาหามารดาด้วยแววตาเบิกกว้างอย่างดีใจ
“ปะป๊าแน่ ๆ มามี้ น้ำรินเปิดประตูนะคะ” รรรรณาเห็นใบหน้าดีใจของลูกสาวก็อมยิ้ม พร้อมพยักหน้าให้ น้ำรินรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที พอเห็นว่าเป็นปะป๊าที่เธอเฝ้ามาตั้งคืนก็โผเข้าหาคนตัวสูงทันที ท่าทางออดอ้อนของลูกสาวตัวน้อย ทำให้อัคคีรีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา พร้อมหอมแก้มไปหาทันทีด้วยความคิดถึงเช่นกัน
“น่ารักที่สุดเลยคนสวยของปะป๊า”
“น้ำรินคิดถึงปะป๊าที่สุดเลย ปะป๊าไปหน่ายมาคะ?” สีหน้าของเด็กหญิงมองใบหน้าของคนเป็นพ่อด้วยความสงสัย
“ปะป๊าไปทำงาน หาเงินให้น้ำรินไงคนเก่ง”
“สวัสดีค่ะ” รรรรณาเอ่ยทักทายอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาในห้องเช่าของเธอ อัคคีพยักหน้า ก่อนจะหันไปหอมแก้มลูกสาวอีกครั้ง
“น้ำรินทานข้าวรึยังครับคนเก่ง?”
“ทานแล้วค่ะ วันนี้มามี้ทำข้าวผัดไข่ อร่อยมากให้น้ำรินทาน อิ่มมาก ๆ เลย” เด็กหญิงแก้มซาลาเปาบอกพร้อมชี้ที่พุงน้อย ๆ ของตัวเอง อัคคีเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ลูกสาวของเขาพูดเก่งจริง ๆ แถมดูเหมือนว่าน้ำรินเป็นเด็กฉลาดอีกด้วย
“น้ำรินคนเก่งของปะป๊า นั่งดูการ์ตูนก่อนนะครับ ปะป๊ามีเรื่องจะคุยกับมามี้ก่อน ไม่ดื้อนะครับคนเก่ง”
“น้ำรินไม่ดื้อค่ะ จะนั่งรอปะป๊านะคะ” มือหนาของชายหนุ่มยกขึ้นมาลูบศีรษะของบุตรสาว ก่อนจะลุกขึ้นหันหน้าไปมองแม่ของลูกทันที สายตาของอัคคีเบี่ยงไปมองห้องนอน ก่อนจะบอกผ่านสายตาว่าให้ไปคุยในนั้น รรรรณาจะเอ่ยบอกว่าให้คุยตรงนี้ แต่ทว่าคนร่างสูงก็จับข้อมือหญิงสาวให้เข้าไปในห้องเสียแล้ว
“คะ คุณ คุยข้างนอกก็ได้นะคะ”
“ทำไม กลัวอะไรถึงไม่อยากเข้ามาในห้องกับผมสองต่อสอง?” คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอแค่ไม่อยากคุยในที่ลับตาอย่างนี้ ท่าทางของหญิงสาว ทำให้อัคคียกมุมปากขึ้นมาทันที
“หรือว่ายังนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอยู่?”
“พะ พูดอะไรคะ ฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องบ้า ๆ ในคืนนั้นสักหน่อย คุณจะพูดอะไรก็พูดมาสิ มัวแต่พูดไร้สาระอยู่ได้!” ท่าทางตื่นตระหนกของรรรรณาที่เผยออกมา มันก็ยิ่งสร้างความพอใจให้แก่ชายหนุ่มอยู่มาก
“ไร้สาระตรงไหน ผมยังจำได้นะ คืนนั้นของเรา” ชายหนุ่มพูดออกมา พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ที่จับจ้องมายังหญิงสาวตรงหน้า ในคืนนั้นเขายังจำได้ไม่เคยลืม บทรักที่เขาและเธอบรรเลงด้วยกัน เพียงแค่คิด บางสิ่งบางอย่างก็แข็งขึงขึ้นมา
“คุณ พอสักที เลิกพูดได้ไหม สิ่งเดียวที่ฉันอยากพูดกับคุณคือเรื่องลูกเท่านั้น เรื่องอื่นฉันลืมไปหมดแล้ว!” ดื้อเสียจริง คำพูดของชายหนุ่มที่อยู่ในใจมีแต่คำว่าดื้อ คงไม่ง่ายเลยที่จะปราบแม่ของลูกได้
“ได้ งั้นเรามาคุยเรื่องลูกกันก็ได้ คุณต้องย้ายไปอยู่กับผมที่บ้านแน่นอน เหตุผลก็เพราะลูก เราต้องเป็นสามีภรรยากัน ทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ได้ขาดอะไรในชีวิต เพียงแค่ที่ผมได้เห็นลูกร้องไห้เพราะคิดถึง ผมก็เดาไม่ยากว่าลูกรู้สึกยังไงกันที่ผ่านมา ผมไม่อยากให้น้ำรินคิดว่าพ่อแม่ไม่ได้รักเธอ คุณต้องฝืนใจหน่อยนะ หวังว่าจะทำเพื่อลูกได้”
“ค่ะ ฉันทำได้อยู่แล้ว ขอเพียงน้ำรินมีความสุข ฉันยอมทำได้ทุกอย่าง”
“ทุกอย่างจริงใช่ไหมครับ?” ไม่รู้ทำไมคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าถึงทำให้รรรรณารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเชิดหน้าพยายามไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย
“ถ้าเกี่ยวกับลูก ฉันยอมทำได้ทุกอย่างค่ะ”
“คุณชื่อน้ำฟ้าใช่ไหม?” เรียกแต่ชื่อจริง เขารู้สึกมันเหินห่างกันเกินไป พอได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อเล่นเธอ รรรรณาก็พยักหน้าให้กับอีกฝ่าย
“คุณจะเรียกฉันว่าฟ้าก็ได้นะคะ สั้น ๆ ดี ส่วนคุณเอ่อ...” ใช่ เธอแทบไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด มีลูกด้วยกันแล้ว แต่เธอก็ไม่รู้จักเขาเลย
“ผมอัคคี เรียกผมว่าพี่เพลิงก็ได้นะ ผมอายุมากกว่าคุณ”
“ค่ะคุณเพลิง เราออกไปหาน้ำรินเถอะค่ะ ลูกคงรออยู่” รรรรณารีบชวนชายหนุ่มออกไปข้างนอก เธอไม่อยากอยู่ในห้องสองต่อสองแบบนี้กับชายหนุ่มนานมากนัก ยิ่งสายตาที่แทะโลมเธออยู่ตลอดเวลา เธอยิ่งไม่อยากอยู่ด้วย
สายตาของอัคคีมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่รีบหนีเขาออกไปจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำท่าเหมือนหนูกลัวราชสีห์ เขายิ่งพอใจ หนีเข้าไป ขยันหนีดีนัก คอยดูเถอะเขาจะคิดดอกเบี้ย ทั้งต้น ทั้งดอกเลย
“มามี้ขา วันนี้ไปเที่ยวกันนะคะ น้ำรินอยากไปเที่ยวกับปะป๊ากับมามี้”
“ได้สิครับลูก แต่ก่อนไปเที่ยว เราต้องไปบ้านใหม่กันก่อนนะ ต่อไปน้ำรินกับมามี้ต้องไปอยู่กับปะป๊าที่บ้านโน้น ดีใจไหมครับ?”
“เย้ ๆ ดีใจที่สุดเลยค่ะ น้ำรินได้อยู่กับปะป๊ากับมามี้พร้อมหน้าเลย” เด็กหญิงตัวน้อยดีใจจนกระโดดโลดเต้น ในที่สุดสิ่งที่เธอปรารถนาก็เป็นจริงเสียที
“ถ้างั้นเราไปกันเลยนะครับคนเก่ง คุณก็เอาแค่ของจำเป็นไปก่อนนะ เดี๋ยวให้คนมาขนของอย่างอื่นทีหลัง” ประโยคหลังชายหนุ่มหันมาบอกแม่ของลูก รรรรณา พยักหน้า ก่อนจะเดินไปหยิบของจำเป็นไปก่อน พอมาคิด ๆ ก็รู้สึกใจหายที่จู่ ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับคนแปลกหน้าแบบนี้ คนตัวเล็กหันไปมองลูกสาวที่หยอกล้อกับคนเป็นพ่ออย่างมีความสุข ทำให้ใบหน้าสวยของหญิงสาวเผยออกมาทันที เธอเห็นลูกสาวมีความสุข เธอเองก็มีความสุขไปด้วย เสียงสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะหยิบข้าวของใส่กระเป๋าต่อ
“เสร็จแล้วใช่ไหม?” อัคคีหันหน้ามาถาม ทำให้หญิงสาวพยักหน้าให้อีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงอุ้มลูกเดินลงไปข้างล่าง พอเด็กหญิงเห็นรถของคนเป็นพ่อก็ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“รถปะป๊าเท่มาก ๆ เลยค่ะ” รรรรณาทำหน้าแปลกใจที่ลูกสาวรู้จักคำพูดแบบนี้ด้วย
“ชอบรึเปล่าครับ”
“ชอบค่ะ น้ำรินชอบ” อัคคีอมยิ้ม พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของบุตรสาว
“รถคันนี้ของน้ำริน อะไรที่เป็นของปะป๊าก็คือของน้ำรินหมดเลย เข้าใจไหมครับคนเก่ง” เด็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ก็พยักหน้าให้คนเป็นพ่อทันที