ตอนที่ 2 บังเอิญพบเจอ
ตอนที่ 2 บังเอิญพบเจอ
รรรรณาอุ้มลูกสาวตัวน้อยมากอดแน่น ก่อนจะพยายามหลอกล่อให้ดูของเล่นอย่างอื่น เด็กอย่างไรก็เป็นเด็ก เมื่อเด็กของที่ถูกใจก็ลืมเรื่องเมื่อกี้ไปแล้ว น้ำรินอุ้มตุ๊กตาหมีตัวน้อยพลางส่งยิ้มมาให้ผู้เป็นแม่
“น้ำรินอยากได้พี่หมีค่ะ” เด็กน้อยทำเสียงออดอ้อนออกมาให้กับผู้เป็นแม่ทันที
“ได้สิจ๊ะ พี่หมีตัวนี้ชื่ออะไรดีนะ” น้ำรินชอบตั้งชื่อสิ่งของทุกอย่าง เช่น หมีสีขาวตัวใหญ่ เด็กน้อยก็เรียกว่าก้อนเมฆ เพราะสีขาวนุ่มนิ่มเหมือนก้อนเมฆเลย
“พี่หมีน่ารัก วันนี้น้ำรินคิดถึงปะป๊า งั้นเรียกว่าปะป๊าได้ไหมคะ”
“หือ ได้สิคะ” พอได้รับอนุญาตจากมารดา เด็กน้อยก็ยิ้มดีใจออกมา
“น้ำรินคิดถึงปะป๊ามากเลย ปะป๊าตัวจริงรีบกลับมาหาน้ำรินนะคะ” เด็กน้อยคุยกับพี่หมีสีน้ำตาลเสียงแจ๋ว แต่คนฟังกลับพูดไม่ออก นึกว่าพอได้ของเล่นลูกสาวจะลืมทุกอย่าง แต่นี่กลับไม่ใช่ เด็กน้อยตาใสคนนี้จำได้ไม่เคยลืม
อีกด้านบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักกันดี โชคทวีกรุป บริษัทที่สร้างผลกำไรไม่น้อย ยิ่งตอนนี้มาเปลี่ยนผู้บริหารใหม่เป็นลูกชายของอดีตท่านประธานคนก่อน โชคทวีกรุปในยามนี้ก็ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลา แววตาคมเข้มจ้องมองเอกสารบนโต๊ะอย่างพิจารณา ตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแม่เสือสาวข้างกายในคืนนั้น เพราะตื่นขึ้นมาบนเตียงกว้างก็ไร้วี่แววของผู้หญิงที่ร่วมรักกัน เขาไม่ใช่คนโง่ จนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์มากขนาดไหน ตลอดเวลาหลายเดือนหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นชายหนุ่มพยายามตามหาแต่ก็ไร้วี่แววเลย จนตอนนี้เขาพอแล้ว ถ้ามันคือโชคชะตา อย่างไรก็คงได้พบเจอกันอีก แต่ถ้าไม่ ชาตินี้ทั้งชาติอย่างไรก็ไม่ได้เจอกัน
“คุณอัคคีครับ ทางมิสเตอร์ทีมจะมาถึงห้างในอีกชั่วโมงข้างหน้า คุณอัคคีจะไปห้างเลยไหมครับ?” เสียงเลขาอย่างกฤษณะบอกเจ้านายหนุ่มที่นั่งหน้าขรึมอยู่
“อืม บอกคนของเราด้วยว่า อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด”
“รับทราบครับ” โชคทวีกรุป นอกจากจะเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์แล้ว ครอบครัวเขายังเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศอีกด้วย การที่มิสเตอร์ทีมเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อการลงทุนร่วมในธุรกิจโปรเจกต์ใหม่ที่ทางโชคทวีกรุปกำลังสร้าง
ชายหนุ่มแววตาเรียบเฉย พร้อมขาที่ก้าวยาวเดินออกมา สายตาของเหล่าพนักงานสาวต่างจับจ้องมาที่เขาอย่างหวานเยิ้ม เพราะไม่ว่าจะมองทางด้านไหน อัคคีก็ดูดีเสียไปหมด เขาสูงเกิน 180 เซนติเมตร ผิวขาวเนียนกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ทว่าใบหน้าเขากลับเย็นชา ไร้ความรู้สึกก็ไม่ปาน
“ผมขอบคุณมากครับที่คุณสนใจร่วมธุรกิจกับเรา” หลังจากที่พูดคุยกับเสร็จ เสียงของอัคคีก็บอกชายตรงหน้า พร้อมมือที่ยื่นออกมา
“เช่นกันครับ ผมเองก็ดีใจที่คิดถูกแล้วกับการลงทุนในครั้งนี้” มิสเตอร์ทีมบอกชายหนุ่ม ก่อนจะจับมืออย่างเป็นมิตร
หลังจากที่กฤษณะไปส่งมิสเตอร์ทีมเสร็จ เขาก็เดินกลับเข้ามาหาเจ้านาย เพราะเห็นว่านี้ก็เที่ยงแล้ว
“คุณอัคคีจะทานอาหารเที่ยงเลยไหมครับ ผมจะสั่งขึ้นมาให้”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะลงไปเอง จะตรวจดูห้างด้วย ไปด้วยกันสิ วันนี้ฉันเลี้ยง”
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้เจ้านาย ก่อนจะลงไปพร้อมกัน
เช่นเดียวกันของหญิงสาวแม่ลูกหนึ่งที่ในยามนี้พาลูกน้อยมานั่งทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งในห้าง เธอป้อนข้าวผัดไข่ใส่ปากน้อย ๆ ที่กำลังเคี้ยวตุ้ย ๆ อยู่
“อร่อยไหมคะคนสวยของมามี้”
“อร่อยค่าาา” เสียงหวานตอบอย่างอารมณ์ดี รรรรณาป้อนลูกสาวคำ ตนเองคำ อย่างมีความสุข หลังจากทานกันเสร็จได้ไม่นาน เด็กน้อยตาใสในยามนี้ก็หาวขึ้นมา นี่ละนะเด็ก กินอิ่มแล้วก็ง่วงเลย
“งั้นวันนี้เรากลับบ้านกันเลยนะ” น้ำรินพยักหน้า ก่อนจะยื่นแขนขึ้นให้มารดาอุ้ม รรรรณาส่งยิ้ม ก่อนจะสะพายกระเป๋า พร้อมอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมา
“กลับบ้านกันน่า” เธอลูบศีรษะของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไป ทว่าพอเดินมาอีกทางกลับต้องชะงักเท้านิ่ง เมื่อเห็นคนตรงหน้าที่กำลังเดินมากับผู้ชายอีกคน เธอจำได้ในทันที ผู้ชายในความทรงจำของเธอตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับอัคคี เขาจะเดินไปศูนย์อาหาร แต่ต้องชะงักไม่ต่างกัน เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นที่เขาเคยตามหามานานหลายเดือนเมื่อ 4 ปีก่อน แถมในตอนนี้สภาพที่เห็นก็ทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
เด็กคนนั้นคือใคร?
คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัวสมองของชายหนุ่ม เขาเห็นแววตาร้อนรนนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจ เธอเองก็คงจำเขาได้สินะ หรือไม่ได้กันแน่ แต่แววตาที่วิตกนั้นบอกได้ชัดเจนว่าเธอเหมือนรู้จักเขา
“เอ่อท่านประธานครับ มีอะไรรึเปล่า?” อัคคีไม่ตอบ แต่มองผู้หญิงตรงหน้านิ่ง เมื่อเท้าสั่งให้เดินเข้าไปหา รรรรณากลับรีบก้มหน้าลง ก่อนจะสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เธอต้องไม่แสดงพิรุธออกมาสิ ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เสียหน่อยว่า น้ำรินเป็นลูกสาวเขา เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็รีบเดินเบี่ยงไปอีกทาง
“เดี๋ยว!” น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมสายตายังคงจับจ้องไปที่หนูน้อยแก้มซาลาเปานั้นอย่างตงิดใจ
รรรรณาแทบหยุดชะงัก เธอพยายามบอกตัวเองอย่าตื่นตระหนกมากเกินไป ใบหน้าสวยกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะยอมหันมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ เธอยกมือขึ้นมาจับศีรษะลูกสาว เพื่อไม่ให้หันมา
“ไม่ทราบว่าเรียกดิฉันเหรอคะ?” เธอตีมึนถามอย่างใจเย็น แววตาคู่สวยถึงจะไม่กล้าสบตาคนตัวสูงกว่า แต่ก็ไม่ออกอาการอะไรมากมาย เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลาถึงกลับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอกำลังเล่นละครว่าไม่รู้จักเขาสินะ เสียงหัวเราะในลำคอดังเล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้าใส่แม่ปลาทองแสนน่ารักคนนี้ต่อ เขาจำเธอได้ไม่มีผิดแน่ น้ำเสียง หน้าตา และริมฝีปากนั้น เขาไม่มีวันลืม
“ครับ ผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม?”
“มะ ไม่เคยหรอกค่ะ คุณคงจำคนผิดแล้ว” รรรรณาเปล่งเสียงออกไป ถึงจะพยายามทำน้ำเสียงให้ไม่น่าสงสัยมากแค่ไหน แต่สายตาที่พยายามจับจ้องมานั้นก็ทำเอาหญิงสาวไปไม่เป็น
“มามี้ขา น้ำรินง่วงแล้วค่าาา” เสียงน้อยที่งัวเงียบอกผู้เป็นมารดา ทำให้สายตาของอัคคีสนใจไม่น้อย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอตัดบท ก่อนจะรีบย่ำเท้าเดินผ่านหน้าชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ
ท่าทางหญิงสาว เขาจับพิรุธได้ทันที ทั้งอายุเด็กที่พอคาดเดาได้ ทั้งระยะเวลาอุ้มท้อง ทั้งเหตุการณ์ในคืนนั้น มันคล้องจองกันเกินไป แถมหน้าตาแม่หนูน้อยนั้นก็เหมือนเขาหลายอย่าง หัวใจชายหนุ่มเมื่อคิดอย่างนั้นก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ เขาเป็นพ่อคนแล้วงั้นเหรอ แถมลูกสาวหน้าตาน่ารักเหลือเกิน
“ฉันต้องการให้นายสืบเรื่องสองแม่ลูกนั้น!”
อัคคีจ้องมองกระดาษสีขาวตรงหน้า แววตาคมเข้มจับจ้องไม่กะพริบ เมื่อสิ่งที่เขาให้คนไปสืบเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้น ภายในใจของชายหนุ่มก็เต้นโครมครามออกมา ไม่ผิดอย่างที่เขาคิดไว้ เด็กน้อยคนนั้นเป็นลูกเขาจริง ๆ ถึงจะไม่ได้รับการยืนยันว่าดีเอ็นเอตรงกับของเขามากแค่ไหน แต่จากการคำนวณอายุเด็กหญิงและวันที่เกิดเรื่อง มันใกล้เคียงกันจนเหมาะเจาะ แถมใบหน้าเด็กคนนั้นก็เหมือนเขาไม่น้อย
อัคคีมั่นใจเต็มร้อยว่า เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยสุดแสนจะน่ารักคนนั้น ครั้งแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกของเขาก็แปลกไป เหมือนโลกใบนี้มีสีสันมากขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนี้คุณรรรรณาอาศัยอยู่กับลูกสาวกันสองคนที่อะพาร์ตเมนต์ครับ” เสียงเลขาคนสนิท
“ลูกสาวฉันชื่ออะไร?”
“น้ำริน หรือ รรรรญาครับ เดี๋ยวนะครับ ละ ลูกสาวคุณอัคคีเหรอครับ!” เสียงชายหนุ่มถามอย่างตกใจที่จู่ ๆ เจ้านายเรียกแม่หนูน้อยคนนั้นว่าลูกสาว ตอนแรกถึงจะแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ชายหนุ่มสั่งให้ไปตามสืบเรื่องราวของสองแม่ลูกนั้น ใครจะไปคิดว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงกับเด็กน้อยคนนั้นเป็นลูกและเมียของเจ้านายตน
“ไปมีตอนไหนครับ ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“อย่าว่าแต่นายเลย ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีลูกสาว มารู้อีกที ดูสิ โตจนเดินได้แล้ว” พอคิดแบบนี้ความรู้สึกไม่พอใจจึงเผยออกมา ทำไมเธอต้องปิดบังไม่ยอมบอกเขาด้วย ตื่นมาก็ไม่เห็นใครเสียแล้ว เขาตามหามานานหลายเดือนก็ไม่มีวี่แววเธอเลยสักนิด เหมือนอยู่คนละโลกกันไม่มีผิด ระยะเวลาที่เขาเสียไปตั้งเกือบ 5 ปี เขาไม่ยอมง่าย ๆ แน่
“ฉันจะไปหาเมียกับลูกของฉัน นายช่วยไปบอกคนเตรียมรถให้ด้วย”
“ครับ ๆ คุณอัคคี” คำว่า ‘เมียและลูกของฉัน’ ทำเอาคนฟังแปลกใจมากไปกว่าเดิม ด้วยนิสัยของชายหนุ่มแล้วการที่จะพูดอะไรพวกนี้คือยากมาก แต่มาวันนี้เขากลับพูดได้อย่างหน้าตาเฉย
อัคคีเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ด้วยความที่เขาไม่ลงรอยกับคนเป็นพ่อสักเท่าไหร่ ทำให้ชายหนุ่มไม่เคยกลับไปที่บ้านใหญ่อีกเลย หลังจากที่มารดาเขาเสียชีวิตไป ยิ่งท่านวายุภัค บิดาของเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ด้วยแล้ว ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจอยู่มาก เพราะหลังจากที่แม่ของเขาตายไปไม่กี่เดือนให้หลังท่านวายุภัคก็มีเมียใหม่ ถึงไม่ได้ตบแต่งกับผู้หญิงคนนั้น แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าหล่อนคือ เมียใหม่ของพ่อเขา
อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่สองแม่ลูกอย่างรรรรณากับรรรรญาอาศัยอยู่ หลังจากวันนั้นที่เจอหน้าผู้ชายคนที่เธออยากจะลืมไปตลอดชีวิต ความคิดของหญิงสาวปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก อีกใจก็อยากหนีไปจากตรงนี้ อีกใจก็บอกว่าเธอไม่ควรหนีอีก เรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด สนิทก็ไม่สนิท ทำไมเธอต้องหนีด้วย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาสติของหญิงสาวกลับคืนมา เธอพยุงร่างตนเองลุกขึ้น ก่อนจะตรงไปที่ประตู เพราะคิดว่าป้าสมพิศ เจ้าของหอจะมาเก็บค่าห้องเฉกเช่นทุกเดือน เธอจึงเปิดประตูอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าทันทีที่เห็นคนที่มา แววตาตกใจของเธอจึงเผยออกมาอย่างชัดเจน ตอนนี้เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาในใจของหญิงสาว เมื่อคนที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดในชีวิตกลับมายืนอยู่หน้าของเธอในเวลานี้
“ใครมาหาค่าาามามี้? ใช่ลุงหมอใจดีรึเปล่า?” เสียงลูกสาวตัวน้อยชะโงกหน้าออกมาดูอย่างสงสัย น้ำรินทิ้งการ์ตูนเรื่องโปรดวิ่งตามมารดาออกมา เพราะอยากเห็นว่าใครมาหา ใช่ลุงหมอใจดีอีกรึเปล่า แต่ทว่าคำว่าลุงหมอใจดีทำเอาใบหน้าหล่อเหลาของอัคคีกระตุกสงสัยไม่น้อย
“ไม่คิดจะเชิญผมเข้าบ้านหน่อยเหรอครับ คุณรรรรณา?” เสียงที่เอ่ยออกมาทำเอาคนที่ยืนไร้สติ ตื่นตระหนกไม่น้อย
“ฉันไม่รู้จักคุณ!” เสียงห้วนของรรรรณาบอกชายคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“แน่ใจ!?” เขาเอ่ย พร้อมสายตาที่จับจ้องใบหน้าสวยอย่างไม่ลดละ เมื่ออีกฝ่ายเงียบ เขาไม่รอช้าเดินเลี่ยงกายเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องนี้ มันคับแคบอย่างบอกไม่ถูก
“คุณลุงคือใคร เข้ามาบ้านน้องน้ำรินทำไมคะ?” เขาหันมามองลูกสาว ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้า มือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
“ลุง คือ ปะป๊าของน้องน้ำรินไงครับ”
“0_0!” เด็กน้อยตาโตเมื่อได้ยินว่าปะป๊า
“พูดอะไรออกมาน่ะ! อย่ามายุ่งกับลูกของฉันนะคุณ” รรรรณาโวยวายใส่ชายตรงหน้า
“ลูกของเราต่างหาก” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งจนทำให้คนฟังถลึงตาใส่อีกครั้ง