บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ข่าวร้าย

บทที่ 3 ข่าวร้าย

ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้วที่ รองหัวหน้าเออร์และพวกปา ไปทำภารกิจที่แคว้นเจี้ยน ผิงไม่รู้ว่าเหตุใดภารกิจในครั้งนี้จึงใช้เวลานานเหลือเกิน หรืออาจเป็นเพราะแคว้นเจียนค่อนข้างไกลจึงใช้เวลาเดินทางหลายวัน

ในแต่ละวันของผิงยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เรียน ฝึกซ้อม ออกไปทำภารกิจบ้างยามที่งานตกมาที่ตน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และในทุกวันผิงจะใช้เวลาวันละหนึ่งชั่วยามมานั่งรอเหล่าคนที่ไปทำภารกิจที่แคว้นเจียน ด้วยหวังว่าพวกเขาจะกลับมาในสักวัน

วันนี้ผิงได้รับงานให้ไปลอบฆ่าใครบางคนเช่นทุกวัน แต่เพราะเจ้านั่นมีฝีเท้าที่เร็วอย่างมาก จึงทำให้ผิงเสียเวลาไปมากโข กว่าจะจับและสังหารเป้าหมายได้กว่าจะกลับมาถึงหมู่บ้านก็มืดค่ำแล้ว ผิงแยกกับผู้ร่วมทำภารกิจที่ครั้งนี้ไปกันสามคน คนที่ชื่อจางอาสาไปรายงานหัวหน้าแทนผิงที่แทบจะสลบให้ได้เพราะพลังงานเหือดหาย เนื่องจากตนเป็นคนที่ตามหาเป้าหมายเองทั้งหมด เพราะถือว่าฝีเท้าเร็วที่สุดในบรรดาทั้งสองคน ซึ่งผิงก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าต้องจัดคนที่เป็นตัวถ่วงให้ไปทำภารกิจกับตนทุกครั้ง ไปก็ไม่ช่วยอะไร อย่างไรผิงก็ทำเองทั้งหมดอยู่ดีสู้ให้ตนไปทำงานคนเดียวยังดีกว่า ไม่เสียอารมณ์ทั้งได้เงินคนเดียว ผิงมาดมั่นอย่างยิ่งว่าสักวันจะต้องประท้วงเรื่องนี้กับหัวหน้า ซึ่งจะต้องรอให้รองหัวหน้ากลับมาเสียก่อน

ผิงคิดเรื่อยเปื่อยทั้งเดินอย่างหมดอาลัยตายอยากกลับเรือนรองหัวหน้า แต่พอมาถึงเห็นปายืนรออยู่หน้าเรือน ความห่อเหี่ยวก็หายไปแทนที่ด้วยความตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด ร้องเรียกหนุ่มที่อายุน้อยแต่ตัวไม่น้อยเสียงดัง

"ปา!"

เด็กหนุ่มวัยสิบเอ็ดขวบ เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก เป็นจังหวะเดียวกับที่หลิงเดินมาถึงตัวเขาแล้ว

"กลับมาแล้ว" ปาพยักหน้า ใบหน้าหมองเศร้า แต่ผิงไม่ได้สังเกต ด้วยเพราะความดีใจ

"รองหัวหน้าเล่า หรือไปพบหัวหน้าอยู่?"

ปายังคงก้มหน้า ไม่ตอบคำถามของหลิง เห็นอย่างนั้น เด็กน้อยก็ขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามให้หายสงสัย นางก็ถูกคนโตกว่าดึงเข้าไปกอด ผิงตกใจ ยกมือขึ้นมาดันปาออกแต่ปากลับกระซับอ้อมกอดแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นน้อยๆจากเด็กชาย

"ปา-"

"หลิง ฟังนะ รองหัวหน้า ตายแล้ว"

จบประโยคนั้น ผิงรู้สึกเหมือนเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ร่าง คล้ายหูตัวเองดับไปชั่วขณะ เหมือนได้ยินเสียงหลอน ตัวผิงแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของปา

สองร่างยืนกอดกันอยู่ตรงนั้นราวหนึ่งเค่อ ปาถึงรู้สึกแรงสั่นน้อยๆจากคนในอ้อมแขน ตามด้วยเสียงที่แสนเบาหวิวอย่างน่าตกใจ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากคนอย่าง หลิง

"ไม่จริง"

"หลิง"

"ไม่จริง"

"หลิง! ฟัง! มันคือเรื่องจริง!" ปาพูดเสียงดังทั้งคลายอ้อมกอดออกเพื่อมองสีหน้าซีดขาวของหลิง ตนรู้ รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ รู้ว่าหลิงจะต้องเสียสติ รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ต้องเจ็บปวด แม้จะรู้ แต่ก็ต้องให้คนตรงหน้ายอมรับความจริงให้ได้

ผิงส่ายหน้า มองปาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แสงสว่างของตนหายไป หายไปแล้ว และมันแทนด้วยความมืดมิดอีกครั้ง ปามองดวงตาทั้งสองที่คลอเบ้าไปด้วยน้ำแต่ไม่ไหลออกมา ยังจำคำพูดสุดท้ายของรองหัวหน้าได้ ก่อนที่เขาจะเสียสละตามเป้าหมายไป

'หากข้าไม่กลับมา ก็จงกอดเด็กนั้นให้แน่น แทนข้าที'

และเพราะคำสั่งเสียนั้น ปาคว้าร่างเล็กกว่าเข้ามากอด กอดให้แน่น แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้

"รองหัวหน้าบอกว่า ความอ่อนโยนจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ"

จบคำนั้นผิงก็ปล่อยน้ำตาและเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่น ตามด้วยเสียงร้องไห้ของปา เด็กน้อยทั้งสองยืนกอดกันร้องไห้อยู่ตรงนั้น

พวกเขา ได้สูญเสีย หัวหน้าที่แสนดี พี่ชายที่อบอุ่น และคนที่เสมือนพ่อไปแล้ว สูญเสียตลอดกาลไม่มีวันได้คืนกลับมา

วันนั้น ไม่ได้มีเพียงผิงที่เสียใจเจียนขาดใจหลังรู้ข่าว ยังมีหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่หลังได้ทราบข่าวร้ายก็ถึงกับทรุดลงกับพื้น จนอี๋ต้องเข้ามาประคองหัวหน้าไปนั่งที่เก้าอี้แต่ อี๋ก็ถูกไล่ออกมาหลังจากนั้น

ภายในห้องที่มืดมิดเพราะเจ้าของไม่ได้จุดตะเกียงให้แสงสว่าง หัวหน้ากลุ่มผู้เลือดเย็น กำสร้อยคอที่แทนตัวของเออร์ไว้แน่น ใบหน้าเย็นชาฉายความรู้สึกเหนื่อยออกมาอย่างไม่เคยเป็น ท่ามกลางความมืดและเงียบงัน หัวหน้ากลุ่มรำพึงรำพันออกมาประโยคหนึ่ง

"เหตุใดเจ้าทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวเช่นนี้ อาป๋าย"

สองวันถัดมางานศพไร้ร่างของ สือกับรองหัวหน้าเออร์ก็ถูกจัดขึ้น ภายในหมู่บ้านเงียนงัน หมองเศร้าจนเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครเสียชีวิต แต่บุคคลที่เสียในครั้งนี้ เป็นบุคคลที่ทั้งหมู่บ้านนักฆ่าให้ความเอ็นดูพวกเขาอย่างมาก แม้หัวหน้ากลุ่มยังดูเย็นชาอย่างปกติ แต่ทุกคนจับความรู้สึกได้ว่าท่านหมองเศร้ามากมายเหลือเกิน

หลังเสร็จพิธี หลิงก็ถูกเรียกให้ไปพบหัวหน้าที่เรือน ทันทีที่เข้ามาในห้องหัวหน้ายังไม่ทันได้ทำความเคารพ ร่างหลิงก็ลอยไปติดกำแพงด้วยฝีมือของหัวหน้ากลุ่ม ผิงเจ็บจนต้องกระอักเลือดออกมา แต่ยังไม่ทันได้หยุดหายใจ หลิงก็ถูกเตะเข้าที่ลำตัวอย่างแรง ตามด้วยหมัดเท้า เข่าศอกต่างระดมใส่ตนเองไม่ยั้ง

ผิงไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ถาม ตนถูกหัวหน้าซ้อมจนเลือดท่วมตัว หัวหน้าถึงหยุด

"มึงลุกขึ้นมา ไอ้สวะ!" เสียงตวาดดังลั่นห้อง ผิงกัดฟันทนความเจ็บ ชันตัวลุกขึ้นคุกเข่า

"มึงคงสงสัยว่ากูทำร้ายมึงทำไม?"

"......"

"เป็นเพราะมึง เพราะมึง เออร์ถึงตาย เพราะมึง!"

ผิงเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าอย่างไม่เข้าใจ และไม่นานตนก็ได้รับความกระจ่าง

"เออร์ รับภารกิจแทนมึง ทั้งที่งานนี้มันควรเป็นของมึง แต่เพราะเออร์รู้ว่ามันอันตรายและเป็นห่วงมึง มันถึงรับงานแทนมึง ทำไมกูต้องเสียมือขวาเพื่อเด็กสวะแบบมึงด้วยฮะ!"

"......."

ผิงไม่ได้เอ่ยอันใดตอบไป เพราะตอนนี้ตนได้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว สิ่งที่ไม่รู้ ไม่เคยรู้ ที่รองหัวหน้าต้องตาย เป็นเพราะเขา เพราะเขาเอง

"แต่ไม่เป็นไร มึงไม่ต้องรู้สึกผิด กูจะส่งมึงไปตายเอง งานที่เออร์รับทำแทนมึง มึงจะเป็นคนสานต่อให้จบ "

ผิงเงยหน้ามองหัวหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ 'รองหัวหน้าตายแต่งานล้มเหลวหรือ'

"อีกสองวันทัพของแคว้นฉีจะเดินทางมาถึงชายแดนแคว้นโจ มึงต้องไปลอบฆ่าไอ้แม่ทัพใหญ่ชื่อ โม่หยวนฟาง ถ้ามึงทำสำเร็จ กูจะปล่อยมึงไป เพราะกูไม่อยากเก็บตัวหายนะอย่างมึงไว้แล้ว แต่ถ้าไม่สำเร็จก็หมายความว่ามึงตาย เพราะงานนี้มันมีแต่รอดกับตาย และโอกาสที่จะตายมีสูงกว่ารอด นี่คือสิ่งที่คนอย่างมึงควรได้รับ ใครอยู่ข้างนอกมาลากตัวไอ้สวะนี่ออกไป!"

ผิงได้ยินทุกอย่างแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร ตนถูกคนโยนออกมาจากเรือนหัวหน้า พร้อมแผ่นภาพใบหน้าของเป้าหมายและข้อมูลของภารกิจในครั้งนี้ ฝืนทนความเจ็บเดินกลับมาที่เรือนของรองหัวหน้า อี๋และปานั่งรอตนอยู่ที่ทางบันไดขึ้นเรือน พอเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลของหลิง ทั้งสองก็ตกใจรีบมาลากหลิงไปทำแผล คืนนั้นผิงไม่ได้นอนแม้แต่น้อย

ในที่สุด วันที่ต้องไปทำภารกิจก็มาถึง ในห่อผ้าของผิงมีชุดหนึ่งชุด กับอาหารแห้งและเงินจำนวนมาก จากทั้งของตัวเองและของอี๋กับปา

ปากับอี๋มาส่งหลิงถึงทางออกจากเขาเพื่อลงไปข้างล่าง เพราะทั้งสองต่างรู้ว่า หลิงไปครานี้อาจไม่มีวันได้กลับมาอีก พวกตนไปกันถึงสี่ ยังเหลือกลับมาแค่สอง แล้วหลิงที่ไปคนเดียว......

"รักษาเนื้อ รักษาตัวให้ดี ให้สมกับที่รองหัวหน้าปกป้องเจ้าตลอดมา" อี๋เอ่ยขึ้น ทั้งตบบ่าหลิงเบาๆสองที

"อย่าลืมข้านะ" ปากล่าวออกมาเสียงสั่น ดวงตาทั้งสองคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำ

ผิงมองคนทั้งสองที่อยู่ข้างกายตนมาตลอด หนึ่งสิ่งที่โชคดีของตนคือได้รู้จักกับพวกเขาทั้งสอง ผิงพยักหน้าเอ่ยลา

"พวกเจ้าก็เช่นกัน ข้าขอลา"

หลิงควบม้าจากไปแล้ว ทิ้งหนึ่งบุรุษและหนึ่งเด็กชายให้มองตาม อากาศวันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งนัก เหมือนฟ้าจะเข้าใจความโศกเศร้าของพวกเขาเป็นอย่างดีจึงได้บันดาลให้ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มไร้แสงแดดจากดวงอาทิตย์

ชายแดนแคว้นโจ เป็นที่ตั้งของค่ายทหารแคว้นฉี ทั้งแคว้นโจและแคว้นฉี สู้รบกันเป็นปกติ โดยในครั้งนี้ทั้งสองมีเมืองจ๋ายที่เป็นเมืองติดกันของทั้งสองแคว้นเป็นเดิมพัน พวกเขาสู้รบกันอย่างใสสะอาด ในฉากหน้า แต่ในฉากหลังนั่น

กลยุทธ์มีหลายทาง หากสังหารผู้นำทัพได้เพียงคนเดียว ก็ถือว่าชนะไปอย่างไม่ต้องเสียกำลังอะไรมาก โดยผู้นำทัพในครั้งนี้ แคว้นฉีคือแม่ทัพใหญ่โม่หยวนฟาง แม่ทัพยังหนุ่มผู้มากความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ เขาแสนจะทำได้ดีทั้งสองอย่าง ชาญฉลาดและเจ้าเล่ห์ ฝั่งแคว้นโจ อ๋องโจหวาง อ๋องวัยกลางคนที่มากเล่ห์เหลือร้ายเขาทำทุกอย่างได้เพื่อชัยชนะ และเพื่อชัยชนะในครั้งนี้เขาจึงไปจ้างนักฆ่ามาลอบฆ่าท่านแม่ทัพโม่หยวนฟาง

กลางดึกในค่ายทหารทัพฉี เงาดำสายหนึ่งวิ่งไปมาอยู่ในค่ายทหาร ที่แม้แสนจะแน่นหนาแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่วิ่งได้เร็วและเงียบเชียบเช่นนักฆ่าเรื่องชื่ออย่างหลิง ร่างสูงในวัย 9 ปี ลักลอบเข้ามาในค่ายอย่างง่ายได้ ไม่ใช่ว่าค่ายทหารเวรยามย่ำแย่ ออกจะเข้มงวดกว่าค่ายที่อื่นเสียมากกว่า แต่ก็ต้องเข้าใจว่าหลิงนั่นเก่งกาจที่สุด

จากเมื่อตอนกลางวันที่แอบเข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ผิงพอทราบว่า กระโจมของท่านแม่ทัพอยู่ที่ใด งานนี้ ตนต้องรอดไม่ใช่ตาย ผิงแทรกตัวเข้าไปในกระโจมที่มืดมิดไร้แสงสว่าง มีร่างหนึ่งนอนอยู่บนเตียงจากรูปลักษณ์ที่จดจำมาอย่างดี ยืนยันได้ว่าเป็นเป้าหมาย

ผิงก้าวช้าๆไปที่เตียงพร้อมเข็มพิษสามเล่ม เข็มที่หนึ่งคือยาสลบ เข็มที่สองเป็นพิษทำลายหัวใจ เข็มสุดท้ายเป็นพิษชำระพิษ จะไม่มีใครรู้ว่าคนตรงหน้าตายอย่างไร หากไม่รู้ว่าตายยังไงก็สาวไปถึงผู้บงการไม่ได้ และก็จะถูกสรุปว่า คนผู้นี้ไหลตาย

ผิงนั่งลงข้างๆเตรียมปักเข็มแรกลงไป แต่เพียงแตะที่ข้อมือของเป้าหมาย อยู่ๆร่างกายผิงก็ลอยจากพื้นโดนเหวี่ยงไปชนกับโต๊ะ แสงไฟถูกจุดขึ้นหลังจากนั้น ผิงรีบเก็บเข็มพิษ เด้งตัวลุกขึ้นและหนีไป แต่ดูเหมือนตนจะช้ากว่าอีกคน เพียงกระพริบตาเขาก็มาถึงตัวผิง ร่างที่สูงและใหญ่กว่าคว้าคอผิงได้ก็จับกระแทกลงพื้นอย่างแรง ผิงรู้สึกจุกไปหมด ร่างกายดิ้นขยับไม่ได้ มือทั้งสองถูกจับไพล่หลังและมัด ไอ้คนที่จับตัวตนอยู่ มัดเขาได้ก็ค้นอาวุธทุกชิ้นออกจากร่างกาย โยนให้ชายอีกคนที่พึ่งเข้ามาในกระโจม ร่างของผิงถูกลากเหมือนสิ่งของและเตะให้ล้มลงตรงหน้าเป้าหมายที่ตอนนี้นั่งมองผิงบนเตียง ผิงเงยหน้าขึ้นสบตากับเป้าหมาย เขามองมาที่ผิงด้วยสีหน้าอ่อนโยน แต่ดวงตากลับเหี้ยมเกรียม

"ขอบคุณ คุณชาย แผนของท่านทำให้ข้ารอดชีวิต หนุ่มน้อยเจ้าเป็นใคร ใครส่งมาหรือ?" โม่หยวนฟางเอ่ยกับ เด็กหนุ่มร่างใหญ่โตกว่าอายุ ผู้คิดค้นแผนการนี้ แล้วจึงหันมาถามกับนักฆ่าที่น่าตกใจว่าอ่อนเยาว์กว่าที่คิดเมื่อได้เห็นหน้าตาหลังถอดผ้าปิดหน้าออกแล้ว

ผิงไม่ตอบ เมื่อตนไม่พูดก็ถูกไอ้คนที่จับตัวเขาได้เตะเข้าที่ลำตัวตามด้วยหมัดหลายครั้ง จนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลและเลือด ผิงถ่มเลือดออกมาซึ่งเลือดมันปะปนมาพร้อมกับฟัน

'ฟะ ฟัน หัก' แม้จะเป็นฟันน้ำนมก็เถอะ แต่ฟันเขาหัก

'ไอ้เชี่ย!' ผิงร้องด่าต้นเหตุที่ทำให้ฟันตนหักในใจ เงยหน้าขึ้นมองไอ้คนนั้น ดูจากอายุน่าจะราวไม่เกินสิบหก แต่หน้ามันโหดเหลือเกินแถมตัวก็ใหญ่อย่างกับยักษ์ไม่แปลกเลยที่ผิงจะแพ้มัน มันจ้องตอบตน ด้วยสายตาเย็นชาผสมเหยียดหยาม เห็นแล้วก็รู้สึกโมโหขึ้นมามากกว่าเดิม ผิงไม่คิดหลบตา จ้องตอบกลับไอ้เด็กหน้าโหดจนมันเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน แต่ไม่ได้พูดกับเขา

"ฆ่าเถอะขอรับ"

'ฆ่าเรอะ ไม่ ผิงจะไม่ยอมตาย'

เมื่อได้ยินว่าจะถูกฆ่า อยู่ๆนักโทษที่นิ่งมาตลอดก็ดิ้นขึ้นมาเฉยๆ จนขุนพลเยี่ย ต้องจับมันทุ้มลงนอนคว่ำ โม่หยวนฟางมองภาพนั้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทางที่ดิ้นรนนั้น มันไม่ดูน่าสมเพช แต่เหมือนลูกหมาป่าที่ดิ้นรนจะมีชีวิตรอดด้วยตัวเองมากกว่า และพอได้สบเข้ากับดวงตาพยศนั้น โมหยวนฟางก็ตกตะลึง

'ในความแข็งกร้าว มีความหวาดกลัวที่ซ่อนความไม่ยอมแพ้เอาไว้'

"ข้าว่า เอาไปขังไว้ก่อนดีกว่า"

ทั้งนักโทษและขุนพลต่างตกใจกับคำกล่าวของท่านแม่ทัพโม่

ขุนพลเยี่ยอวิ๋นเฉิน ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่พอสบเข้ากับนัยน์ตาที่บอกว่าจริงจังของท่านแม่ทัพก็คร้านจะคัดค้านให้เปลืองน้ำลาย จึงยอมทำตามแต่โดยดี

ผิงถูกลากมาขังไว้ในกรงขนาดใหญ่ มือเท้าถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ ตนถูกผลักเข้าไปอย่างแรงด้วยฝีมือไอ้เด็กหน้าโหดเสร็จมันก็ใส่กุญแจ ล็อกกรงและเดินจากไป ทิ้งทหารไว้สองนายเพื่อคุมนักโทษอย่างตน ผิงไม่รู้ว่าทำไมตนไม่ถูกฆ่า แต่ก็ยังดีที่ยังไม่ตาย ผิงนอนราบไปกับพื้นดิน แม้จะสกปรกแต่จะมารังเกียจตอนนี้ก็กระไร เมื่อร่างกายบาดเจ็บหนักเพียงนี้

'ขอนอนสักตื่นเถอะนะ' คิดพลางปิดเปลือกตาลงและหลับไป

ไม่รู้ว่าตนหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนรู้สึกเหมือนมีไออุ่นๆเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ผิงค่อยๆลืมตา พอจับภาพได้ว่าตนอยู่ที่ไหนและใครที่อยู่ใกล้ๆก็รีบผุดลุก กระเถิบออกห่าง มองอดีตเป้าหมายอย่างหวาดระแวง

โม่หยวนฟางอมยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้ม ผิงเกลียดรอยยิ้มจอมปลอมของคนตรงหน้า

"ไม่ต้องทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก"

ผิงไม่ได้เชื่อ โม่หยวนฟางพอเห็นว่าเด็กตรงหน้าไม่เชื่อก็ไหวไหล่ เอ่ยขึ้นใหม่พร้อมหยิบตะกร้าที่มีข้าวชามหนึ่ง ซาลาเปา น้ำ และผลไม้ของหวานอยู่ในนั้น มันส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายและกระเพราะของคนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยอย่างผิง

"หิวใช่หรือไม่ หากเจ้ายอมตอบคำถาม ข้าจะให้กิน คำตอบละคำดีหรือไม่?" พูดจบก็ยิ้ม ผิงเกลียดรอยยิ้มที่เหมือนว่าตนเหนือกว่านั่น

"ว่าอย่างไร ต่อให้เจ้าจงรักภักดีต่อไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ยังไงเจ้าก็ต้องตาย"

"ถ้าข้าตอบ จะตายไหม?"

ผิงเอ่ยถาม จะได้ชั่งว่าควรตอบหรือไม่ตอบดี หากตอบแล้วไม่ตายก็จะตอบ แต่ถ้ายังตอบแล้วยังตาย ไม่ตอบดีกว่า

โม่หยวนฟางอึ้งไป คาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำถามเช่นนี้ ก่อนจะหัวเราะออกมา 'เด็กคนนี้น่าสนใจแหะ'

"ได้ หากเจ้าตอบ เจ้าจะไม่ตาย"

"จะไม่ผิดสัญญา"

"ไม่ผิด ข้าแม่ทัพใหญ่ โม่หยวนฟาง ขอให้คำสัตย์ต่อเจ้า"

ผิงพยักหน้า เชื่อใจคนตรงหน้ามากขึ้นเมื่อตอนกล่าวประโยคเมื่อครู่เจ้านั่นไม่ได้ยิ้ม แต่ต่อมามันก็ยิ้ม เป็นยิ้มแห่งชัยชนะ ผิงร้อง 'ฮึ' ในใจ

"เอาล่ะ คำถามแรกเจ้าชื่ออะไร?"

"ไม่มีชื่อ" ผิงตอบ ตนไม่ได้โกหก ไอ้เลขศูนย์นั่นไม่นับเป็นชื่อเสียหน่อย มันแค่คำแทนตัว แต่พอเจ้านั่นไม่ยอมหยิบตะเกียบจึงยอมเอ่ยอธิบาย "ไม่มีชื่อ แต่คนเรียกข้าว่า หลิง(เลขศูนย์)"

"อ้า เลขศูนย์" จบคำ โม่หยวนฟางก็คีบข้าวใส่ปากของเด็กน้อยที่อ้าปากรอรับอยู่ ผิงพยักหน้าเคี้ยวข้าวช้าๆรู้สึกเสียวแปลบ ตรงที่ไม่มีฟัน เพราะโดนไอ้เด็กหน้าโหดนั่นทันให้มหลุด ตั้งอีก หลายสัปดาห์มันจะถึงเวลาหลุด แบบนี้ตนก็ต้องฟันหลอไปอีกหลายเดือนเลยสิ

"เจ้าอายุเท่าไหร่?"

"9 ขวบ น้ำ" ตอบพลางบอกอีกฝ่ายว่าตนอยากได้น้ำ โม่หยวนฟางแปลกใจอีกครั้งเมื่อทราบอายุของเด็กตรงหน้า คิดไว้อยู่ว่าเป็นเด็ก แต่นึกไม่ถึงว่าจะเด็กเพียงนี้ ผิงเห็นบุรุษตรงหน้าไม่ยอมหยิบน้ำให้ตน ก็คิดว่าเขาไม่เชื่อจึงอธิบาย

"จริง เพราะถูกชื้อมาตั้งแต่เล็ก ที่หมู่บ้านนักฆ่า"

โม่หยวนฟางหลุดจากภวังค์ของตนพลางมอง หลิง อย่างรู้สึกสงสาร 'ไม่แปลกเลยที่เด็กนี่จะยังอยากมีชีวิต เพราะยังเด็กปานนี้'

"พ่อแม่เจ้าเล่า?" โม่หยวนฟางอดจะถามขึ้นไม่ได้

‘ครอบครัวจนขนาดไหนกันถึงขายลูกให้มาเป็นนักฆ่าตั้งแต่ ยังพูดไม่ชัดด้วยซ้ำ’

"น้ำ" ผิงท้วงเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมทำตามข้อตกลง โม่หยวนฟางคล้ายคิดได้รีบหยิบกระบอกน้ำมาป้อนที่ปากเล็ก ผิงกลอกน้ำลงไปคำหนึ่ง แล้วจึงตอบ

"ข้าไม่มีพ่อแม่"

"อ๊า~เช่นนั้นเอง" ว่าพลางป้อนข้าวอีกคำใส่ปากผิง

"ใคร จ้างเจ้า?" โม่หยวนฟางหยุดคุยเรื่อยเปื่อย ถามเข้าเรื่องทันที

"อ๋องโจหวาง" ผิงตอบ ที่ทราบเป็นเพราะตนรู้จากอี๋ หัวหน้ากลุ่มไม่ได้บอกเพราะคงไม่ไว้ใจผิงหรือจริงๆคนที่สามารถรู้ว่าใครเป็นผู้จ้างวานได้มีเพียง หัวหน้าและรองหัวหน้าเท่านั้น

"ฮึๆ เจ้าไม่คิดจะปกป้องคนจ้างเลยหรือ?" โม่หยวนฟางเอ่ยถามพลางหยิบซาลาเปาร้อนๆวางลงที่มือเล็ก ผิงทำหน้าสงสัย

"ปกป้องทำไม ไม่ได้เป็นผู้มีพระคุณ" โม่หยวนฟางรู้สึกถูกใจกับคำตอบของเจ้าเด็กน้อย จึงหยิบซาลาเปามาวางให้อีกลูกเมื่อลูกเมื่อครู่ถูกเจ้าตัวกินหมดแล้ว

"ปกติทุกกลุ่มจะมีกฎว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องผู้ว่าจ้างให้ผู้ใดรู้มิใช่หรือ หรือกลุ่มเจ้าไม่มีกฎข้อนั้น?"

ผิงร้อง 'อ้อ' ในใจ เมื่อเข้าใจในความหมายของคำถามที่บุรุษเบื้องหน้าสงสัย

"มี แต่ข้าจะไม่กลับไปแล้ว"

โม่หยวนฟางแปลกใจหนักกว่าเก่า "ทำได้ด้วยหรือ?"

"จริงก็ไม่ได้ แต่หัวหน้าบอกว่า หากรอดข้าก็เป็นอิสระ แต่หากไม่รอดข้าก็ตาย แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะไว้ชีวิตข้า"

โม่หยวนฟางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "งั้นข้ามีขอตกลง หากเจ้าฆ่าอ๋องโจหวาง ได้ ข้าจะให้รางวัล"

"รางวัลอะไร เงินหรือ ไม่เอาหรอกนะ แค่เจ้าปล่อยข้าไปก็พอ"

"หากสำเร็จ รับลองว่ารางวัลดีกว่าเงินหรือการที่เจ้าออกไปตระเวนข้างนอกเพียงลำพังแน่ เจ้าจะรู้สึกเหมือนถูกรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยล่ะ"

ผิงไม่รู้ว่ารางวัลที่ว่าคือสิ่งใด แต่อย่างว่าทางเลือกตนมีแค่ทางเดียว นอกจากตอบตกลง แค่ไม่ตายก็ดีที่สุดแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel