บทที่ 2 ภารกิจกับบทลงโทษ
บทที่ 2 ภารกิจกับบทลงโทษ
ดินแดนทางเหนือ นั้นมีแคว้นสามแคว้นที่ยิ่งใหญ่ ประกอบไปด้วย แคว้น โจ แคว้นเจี้ยน และแคว้นฉี แคว้นฉีและแคว้นเจี้ยน ตัดสินใจทำสัญญาเป็นพันธมิตรและเป็นพี่เมืองน้อง ตั้งแต่ องค์ชายแคว้นเจี้ยน หลงรักกับ องค์หญิงแคว้นฉี เรื่องนี้กลายเป็นตำนานและทำให้ หยุดการนองเลือดของทั้งสองแคว้น แต่แคว้นโจ ยังคงตั้งปณิธานเดิมคือทำสงครามและขยายอาณาเขต แคว้นโจ ต้องการเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ ทั้งแคว้นฉีและแคว้นโจจึงยังเป็นศัตรูและมีการรบกันอยู่เนืองๆ
ผิงทราบประวัตินี้ตอนเข้าบทเรียนเมื่อสัปดาห์ก่อนและยังคงรู้อีกว่า เขา ที่กลุ่มนักฆ่าอยู่นั้นเป็นเขาที่แบ่งครึ่งระหว่างสองแคว้น พวกตนอยู่ตรงกลาง และไม่ว่าแคว้นใดจะมาจ้างพวกตนก็ไม่เกี่ยงที่จะรับงาน เพราะกฎของการเป็นนักฆ่า คือ ‘ไม่แบ่งแยก หากใครมีเงินจ่าย เราก็พร้อมจะทำงาน’
กฎนี้พวกตนต้องท่องอยู่ทุกวัน เพื่อปลูกฝังลงไปในจิตใต้สำนึก ไม่ว่าจะ คนแคว้น โจ เจี้ยน ฉี คนแก่ เด็ก สตรี หากมีภารกิจสั่งให้ฆ่า ก็ต้องฆ่า
ผิงเข้าใจว่า มันเป็นกฎของงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าตนจะยอมรับ อย่างไร นางก็ภาวนาให้ตนไม่ต้องฆ่าใคร เป็นดีที่สุด
เมืองอู่ แคว้นโจ
คฤหาสน์ใต้ท้าวเทา กลางดึกคืนหนึ่ง
ภายในความมืดมิดของรัตติกาล คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด เงาห้าสาย วิ่งวนไปรอบๆคฤหาสน์อย่างรวดเร็วจนจับสังเกตไม่ได้ ก่อนเงาทั้งหมดนั้นจะเลือนหายไปจากบริเวณคฤหาสน์ตระกูลเทา
ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง บนต้นไม้ใหญ่ บุรุษทั้งสี่กับเด็กชายหนึ่งคน อยู่ประจำบนกิ่งไม้ที่ไม่ห่างไกลกันนัก ทั้งหมดใส่ชุดโทนดำทั้งตัว ราวจะกลืนหายไปกับความมืดมิดในรัตติกาลนี้ เมื่อครู่ พวกเขาไปเก็บข้อมูลและดูเวรยามของคฤหาสน์สกุลเทา สรุปว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดนัก เวรยามไม่แน่นหนา ทั้งยังมีแต่สตรีที่อยู่เฝ้าในคืนนี้ ด้วยองครักษ์ติดตามฮูหยินของจวนเดินทางไปเมืองตู บ้านเกิดของฮูหยิน ช่างดูเป็นความบังเอิญที่ตลกร้าย แน่นอน สำหรับรายละเอียดและผู้จ้างวาน มีเพียงหัวหน้าภารกิจซึ่งก็คือเออร์เท่านั้นที่รู้ดี
“งานในครั้งนี้แม้จะไม่ยากเกินไป แต่เราก็อย่าประมาท” เออร์เอ่ยขึ้นมา แม้ยังมีผ้าปิดปากสีดำปิดอยู่ ทั้งสี่คนพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไร ก็เป็นงานแรก ของ ปา และหลิง เออร์เมื่อเห็นคนในกลุ่มเข้าใจแล้วจึงเอ่ยบอกแผนการ
“เราจะมีสามคนเข้าไปในจวน อีกสองคนจะดูลาดเลาอยู่ข้างนอกเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
ผิงหวังว่าตนจะได้เป็นหนึ่งในสองคนที่อยู่ด้านนอก และค่อนข้างมั่นใจว่าตนจะได้อยู่ด้านนอกเพราะยังคงเป็นเด็ก หากเข้าไปเกิดไปทำแผนแตกคงจะเดือดร้อนกันหมด มันไม่คุ้มที่จะเสียเลยแม้แต่น้อย
“คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกสองคน คือ ปา เพราะปาแม่นธนู” ปาพยักหน้าไม่คัดค้านอันใด “และ อี๋”
‘ว่าไงนะ!’
ผิงตกใจเกือบตกต้นไม้ เมื่อได้ยินชื่อสุดท้าย ที่มันไม่ใช่ชื่อตน อี๋หันมามองหลิง แม้จะไม่เข้าใจ แต่ตนก็ไม่คิดคัดค้าน ด้วย การทำภารกิจ คำตัดสินของหัวหน้าเป็นสิ่งเด็ดขาด แต่เหมือนเจ้าเด็กใหม่จะไม่เข้าใจ
“คือ รองหัวหน้า ทำไม?” ผิงอดจะถามไม่ได้ เมื่อมันแปลกเกินไปแล้ว เออร์หันมามองหลิง ตอบคำถามเด็กตรงหน้าสั้นๆ
“เป็นคำตัดสินของท่านหัวหน้า”
‘ท่านหัวหน้า’ ในความหมายของเออร์ก็คือ หัวหน้ากลุ่มนักฆ่า ดังนั้นทุกคนจึงไม่สามารถเปลี่ยนหรือแย้งอันใดได้ แม้คนที่ไม่เข้าใจที่สุดจะเป็น ผิง ก็ตาม
‘เหตุใดหัวหน้าถึงเลือกเช่นนี้ หากตนทำงานพลาด....’
ผิงไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์นั้นเลย
ยามไฮ่*
ยามที่ทุกบ้านต่างปิดประตูบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว เป็นเวลาที่นักฆ่าเริ่มทำภารกิจ
เงามืดสามสายต่างลัดเลาะเข้ามาในจวน คฤหาสน์สกุลเทาค่อนข้างใหญ่แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแก่นักฆ่าทั้งสาม เออร์ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทั้งสองคนหยุดเคลื่อนไหวเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีใครผ่านมา ไม่ต้องให้สั่งอีกรอบ นักฆ่าทั้งสองก็เข้าไปหลบหลังเสาและซอกบริเวณนั้นในทันที เออร์รอจนคนผู้นั้นเดินมาถึงก็เคลื่อนกายปิดปากลากคนโชคร้ายมาหลบตรงซอกที่ตนหลบ พริบตา ไม่มีแม้แต่เสียงร้องหรือขัดขืน สตรีที่แสนโชคร้ายก็กลายเป็นศพอยู่ในซอกนั้น
ผิงหันไปมองซอกนั้นเล็กน้อยพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เหตุการณ์เมื่อครู่ตนเห็นทุกอย่าง ความหวาดกลัวว่าคืนนี้ตนต้องทำเช่นพี่เออร์เข้ามาครอบคลุมทุกพื้นที่ในหัว มือไม้ทั้งสองสั่น แต่ก็พยายามบอกให้ตนเข้มแข็ง ผิงหันกลับมาสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งทีเพื่อเรียกสติของตนกลับมา
ทั้งสามหยุดเคลื่อนไหวที่ห้องนอนของเป้าหมาย
“ข้าจะเข้าไปก่อน หากเกินหนึ่งเค่อยังไม่ออกมาพวกเจ้าค่อยเข้าไป” เออร์บอกกับรุ่นน้องทั้งสอง สือและหลิงพยักหน้ารับรู้ เออร์จึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบไร้เสียง
ภายในห้องที่มืดมิด บนเตียงไม้หรูหรา มีสองร่างกำลังนอนกอดก่ายเปลือยเปล่ากันอยู่บนเตียง คงไม่แปลกอันใดหากบนเตียงนั้นเป็นชายและหญิง แต่ไม่ใช่
เออร์กลืนความรู้สึกสะอิดสะเอียนลงไป ใต้เท้าเทา คนวิปริต ชอบรับชื้อเด็กชายเพื่อมาบำเรอกามแสนวิปริตของตน งานนี้เป็นงานแรกที่เออร์รู้สึกว่า เจ้าคนลามกวิปริตวิตถารนี่สมควรตาย
เออร์เดินเงียบๆไปที่ข้างเตียงฝั่งที่ใต้เท้าเทานอนหลับไม่รับไม่รู้อะไร
‘ดี คนน่ารังเกียจ มันก็ควร ตายไปแบบง่าย’
เออร์คิดพลางดึงกริชออกมา เงื้อกริชขึ้นสูงและแทงลงไป แต่คนที่คิดว่าหลับกลับพลิกหลบ ใต้เท้าเทาในวัย 30 ปี หมุนตัวหลบ แรงสั่นที่รุนแรงทำให้ คนที่นอนข้างๆตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มในวัย10 กว่า ตกใจเบิกตากว้าง เตรียมร้องออกมา แต่เออร์ก็ขว้างกริชปิดเสียงนั้นเสียก่อน กริชสีเงินปักกลางหน้าผากของเด็กหนุ่ม ในเวลาเดียวกัน เออร์ก็ซักมีดสั้นออกมาจากฝัก ใต้เทาเท้า เหลือบซ้ายมองขวาหาทางรอด เมื่อคิดได้ว่าควรหนีไปออกไปข้างนอก จึงวิ่งออกไป แต่เออร์ถึงตัวเป้าหมายก่อน ยืนขวางกันไม่ให้คนตรงหน้าหนีออกไปได้
“เจ้าเป็นใคร ใครส่งเจ้ามา!” ใต้เท้าที่กำลังจะจบชีวิตลงตะโกนถาม เออร์ไม่ได้ตอบ พุ่งเข้าหา ใต้เท้าหนุ่มเบี่ยงตัวหลบ คว้าแจกันลายครามโยนใส่ชายชุดดำ เออร์ชะงักเล็กน้อยเป็นจังหวะเดียวกับประตูเปิดออก เป็นหลิงที่เปิดประตู คนทั้งสองมองไปที่หลิง ใต้เท้าเทาเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูมาเป็นเพียงเด็ก จึงกระหยิ่มในอก คว้าแจกันอีกใบโยนใส่เออร์และครั้งนี้มันโดน เออร์ล้มลงกับพื้น ใต้เท้าหนุ่มได้โอกาสวิ่งไปที่ประตู
ผิงตกใจ ด้วยไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนที่เป้าหมายมาถึงตัว ด้วยตามสัญชาติญาณที่ถูกฝึกมาก ผิงก็จับตัวคนตัวใหญ่กว่าตวัดทุ่มลงพื้น ปล่อยหมัดใส่หน้าคนผู้นั้นไม่ยั้งจนใต้เท้าแน่นิ่งไป
สือที่ดูต้นทางห่างกันไม่มากนักวิ่งมาถึง ร้องบอก
“จัดการเร็วเข้า ทหารกำลังมา”
‘ทหาร!! มาได้อย่างไร?’
พวกเขาตกใจที่ดันมีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดเดาเกิดขึ้น
“ฆ่ามัน หลิง” เออร์ที่เจ็บอยู่ร้องบอก ผิงตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าตนต้องเป็นผู้ลงมือ
“จัดการเร็วเข้าหลิง” สือเร่ง
ผิงกัดฟัน ตัดสินใจชักมีดสั้นออกจากฝักด้วยมือที่สั่นเทาและลมหายใจที่ขาดห้วง
‘ เธอเห็นชายตรงหน้ามองมาที่เธอ มองเธอ มองผิง จ้องที่ผิง’
‘ไม่อยากทำ’
‘ไม่ทำ’
‘ทำไม่ได้’
“หลิง!”
“หลิง”
‘แต่ว่า ถ้าไม่ทำ.......ก็ไม่ได้’
“ขอโทษ ฉึก!”
ผิงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่แทงมีดไปที่คอหอยของคนใต้ร่าง ร่างของเป้าหมายกระตุกหนึ่งครั้งก่อนเขาจะสิ้นใจตายในทันที เลือดไหลออกทางมุมปาก ตายังคงเบิกกว้างจ้องมาที่ผิง
เด็กน้อยตัวแข็งทื่อ มือยังคงค้างอยู่ที่มีดเล่มนั้น สือและเออร์รีบเข้ามาแกะตัวหลิง ออกจากศพรวมทั้งมีดสั้นเล่มนั้นด้วย พวกเขาหอบตัวคนที่สติไม่อยู่กับตัวพาลอยตัวออกข้ามกำแพงและหายไปในความมืดก่อนที่ทหารจะมาถึงเพียงไม่นาน
ภายในถ้ำ
นักฆ่าชายทั้งสี่นั่งรวมกันอยู่ที่กองไฟกองหนึ่ง เออร์ถูกทำแผลที่หัวแล้วเรียบร้อย ทั้งสี่ต่างเงียบไม่มีผู้ใดพูดคุยอะไรกันทั้งสิ้น
ปาที่ทนต่อความเงียบและความอึดอัดนี้ไม่ไหวจึงหันไปมอง คนที่เด็กที่สุดในกลุ่ม
ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว เจ้าเด็กอัจฉริยะนั่นยังคงนั่งกอดเข่าซุกหน้าลงกับเข่า ไม่พูดไม่จา แม้ปกติมันจะไม่พูดอยู่แล้วก็ตาม แต่การไม่พูดในครั้งนี้มันต่างไปทุกที ฟังจากที่พี่เออร์เล่า เด็กนั่นคงตกใจมากเป็นแน่ ก็ไม่แปลก เพราะเจ้าเด็กนั้นอายุแค่ 6 ขวบ
‘หัวหน้าโหดร้ายจริงๆ ที่ให้เจ้าเด็กหลิงมือเปื้อนเลือดตั้งแต่อายุเพียงนี้’
ปาตัดสินใจลุกขึ้น แต่อี๋จับมือและฉุดให้เขานั่งลง ทั้งยังส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม พอจะเอ่ยปากแย้ง ก็เห็นทุกคนส่ายหน้าไม่ให้แย้งอีก ปาถอนหายใจยอมนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
เออร์เห็นเจ้ารุ่นน้องยอดฝีมือนักธนูไม่สบอารมณ์ก็ยอมเอ่ยขึ้น
“ปล่อยมันอยู่กับตัวเองไปสักพัก ความรู้สึกของตัวเอง บาดแผลตัวเอง คนอื่นรักษาไม่ได้หรอก นอกจากตัวเราเอง”
หลังฟังที่รองหัวหน้าของกลุ่มนักฆ่าแต่เป็นหัวหน้าของภารกิจพูดจบก็เข้าใจ
‘นั่นสิ หากเป็นเขา ในเรื่องแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่อยากได้ยินคำปลอบโยนจากใครเช่นกัน เพราะเราต่างรู้ว่าคำปลอบโยนนั้นมันจอมปลอม อย่างไร เราก็ฆ่า ฆ่าคนไปแล้ว แต่ว่า กินอะไรหน่อยก็ดีไม่ใช่หรือไง’
ได้แต่คิด แต่คงทำไม่ได้
ผิงกอดตัวเองแน่น ภาพของคนที่พึ่งฆ่าและวิธีที่ตนฆ่าฉายขึ้นมาซ้ำๆ และมันทำให้ภาพเด็กที่ตนเคยฆ่าก็ฉายขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
ผิงรู้สึกอึดอัด รู้สึกคลื่นไส้ น้ำลายมันเหนียวไปหมด คอมันรู้สึกเจ็บยามกลืนน้ำลาย ปวดหัว ปวดหัวใจ ปวดไปทั้งตัว เหมือนได้กลิ่นคาวเลือดจากตัวเอง แม้จะรู้ว่าคงคิดไปเอง เพราะ พี่เออร์ได้ทำความสะอาดเปลี่ยนเสื้อให้แล้ว และเพราะแบบนั้น ผิงก็ยิ่งคิดถึง คิดถึงตัวเองก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ คิดถึงพ่อแม่ ผ่านมากี่ปีแล้ว ที่นั่น จะเป็นยังไง พ่อแม่ของเธออายุเท่าไหร่แล้วกันนะ
ยิ่งหวนนึกถึงสิ่งที่ไม่มีวันได้คืนกลับมา ผิงก็ยิ่งเจ็บปวด ทั้งคิดว่า หากยังอยู่ที่นี่ ตนก็ต้องฆ่าคนไปเรื่อยๆ ฆ่าคนแบบไร้เหตุผล ชีวิตอาบไปด้วยเลือดของคนอื่น
‘เธอไม่ต้องการ ไม่ต้องการ จะต้องหนี ยังไงก็ต้องหนี หนีออกจากความเลวร้ายนี้ ต่อให้โลกข้างนอกจะลำบากกว่านี้ แต่ก็ยังดีกว่าจมอยู่ที่นี่’
พวกเขาเดินทางกลับถึงหมู่บ้านนักฆ่าในเวลารุ่งเช้า เออร์บอกให้ทุกคนไปพักผ่อน ด้วยเขาจะไปรายงานกับหัวหน้ากลุ่มเอง ทั้งสี่คนจึงแยกย้าย อี๋และสือกลับที่พัก หลิงก็คิดจะกลับด้วยเช่นกันแต่พอจะก้าวเดินไป ตนกลับถูกคนตัวใหญ่กว่ารั้งไว้ พอเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใคร ก็เห็นว่าเป็นปา
'อะไร' ผิงกล่าวในใจ แต่เหมือนคนตรงหน้าจะรับรู้ ถึงได้เอ่ยขึ้น
"จะพาแกไปกินข้าว มื้อเย็นไม่ได้กินเลยไม่ใช่หรือเมื่อวาน"
ผิงรับรู้ แต่ตนไม่คิดอยากกิน เพราะง่วงและปวดหัวมาก ด้วยเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยแม้แต่น้อย ทั้งอยู่กับความเครียดติดต่อกันหลายชั่วยาม ตอนนี้อยากนอนมาก แต่เหมือนคนตรงหน้าจะไม่เข้าใจ ถึงได้ลากตนไปทางโรงครัวโดยพละการ
เวลานี้แม่ครัวกำลังวุ่นวายเพราะต้องเตรียมอาหารเช้าให้คนทั้งหมู่บ้าน หลิงที่ถูกปาพาเดินเข้ามาจึงได้รับสายตาต่อว่ามาให้ แต่เหมือนปาจะคุ้นเคยกับโรงครัวดีถึงได้ฉีกยิ้มกว้าง ผลักตนออกมาข้างหน้าทั้งบอกแม่ครัวว่า
"พวกข้าพึ่งกลับมาจากทำภารกิจ แถมเจ้าเด็กนี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน แม่ๆช่วยสงเคราะห์มันหน่อยนะจ๊ะ"
ผิงกลอกตามองบน สตรีวัยสามสิบหลายคนมองมาที่เขา ผิงกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เหมือนวันนี้ตนจะโดนขัดไปเสียทุกอย่าง
"ไปนั่งรอไป เดี๋ยวเอาข้าวกับซุปไปให้" จบคำนั้น ผิงก็ถูกจับหัวให้ก้มลงแล้วถูกลากไปนั่งรอที่โต๊ะไม้ รอไม่นาน สตรีคนหนึ่งก็ถือถาดอาหารที่มีข้าว ซุปและผักต้มมาวางให้แล้วเดินจากไป ผิงมองอาหารในถาด ยอมรับว่าตอนแรกตนไม่นึกหิวเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้กลิ่นหอมๆและหน้าตาของอาหาร ก็รู้สึกหิวขึ้นมาในทันที
"อ้าว มองอะไร กินสิวะ" ปาร้องบอกทั้งตบหัวเจ้าเด็กนี่ไปหนึ่งทีเรียกสติ
ผิงเงยหน้ามองคนที่ประทุษร้ายตนตาเขียว ปายักคิ้วให้หนึ่งทีพลางหยิบตะเกียบยัดใส่มือหลิง สั่งให้เจ้าเด็กดื้อนี่กินเสียที
ผิงหงุดหงิดในใจ แต่ก็ไม่ทำอะไร ยอมกินข้าวไปเงียบๆ ซุปร้อนๆทำให้หัวสมองโล่งขึ้นนิดหน่อย ผิงรู้สึกดีขึ้น
"โครกคราก~" เสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นขัดความเงียบ พอเงยหน้ามองก็เห็นเจ้าเด็กจอมจุ้นยิ้มเผล่ส่งมาให้ ผิงจึงรู้ว่าคงเป็นเสียงท้องร้องของเจ้าตัว
ผิงไม่พูดอะไรเพียงก้มหน้ากินต่อไปเงียบๆครึ่งเค่อต่อมา ผิงก็หยุดกินแต่ยังมีข้าวและผักเหลือ รวมทั้งซุป เห็นดังนั้นปาจึงดุเอาทั้งสั่งให้กินแต่ผิงส่ายหน้าลุกขึ้น
"อิ่ม เสียดาย ก็กิน"
กล่าวจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หนุ่มน้อยมองตามอย่างอึ้งๆ พอมองมาที่ข้าวเหลือที่เหมือนถูกแบ่งและผักที่ไม่ได้รับการแตะต้องก็เข้าใจ หนุ่มน้อยเผยยิ้มกว้างคิดในใจ
'เป็นคนดีเหมือนกันนี่ เจ้าเด็กอัจฉริยะน่าหมั่นไส้'
อีกฝั่งหนึ่ง
เรือนไม้หลังใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของหัวหน้ากลุ่ม ภายในห้องมีบุรุษสองคน คนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ไม้ อีกคนคุกเข่าอยู่บนพื้น
เออร์หลังจากแยกกับเหล่าคนที่ร่วมทำภารกิจก็มารายงานผลลัพธ์กับหัวหน้ากลุ่มในทันที
"เรื่องมันก็มีเท่านี้ขอรับ" จบคำรายงาน ภายในห้องก็เงียบไป เนิ่นนาน หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่ไม่มีใครทราบนามของเขาก็เอ่ยเป็นคำถาม
"แน่ใจว่ามีเพียงเท่านี้?"
เออร์ลมหายใจสะดุด ใบหน้าเคร่งเครียด ภายในห้องกดดันขึ้นมาในทันที
"คือเรื่องนั้น...."
"เออร์ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าการเป็นผู้นำคนจะต้องเคารพในกฎกว่าผู้ตามเราเสมอ"
เออร์กลั้นหายใจหลังฟังจบก่อนจะผ่อนลมออกมา
'ไม่มีเรื่องใดรอดพ้นสายตา หัวหน้ากลุ่มได้เลย'
"อาการเจ้าเด็กนั้นตอนทำภารกิจเป็นอย่างไร?" หัวหน้ากลุ่มถามขึ้น เออร์รู้สึกว่ามือตนเองเหนียวมาก แม้ตัวเขาจะไม่อยากตอบแต่ไม่ตอบก็ไม่ได้
"มีตกใจบ้างแต่ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วขอรับ"
"ข้าไม่ได้หมายถึงตอนนี้ ตอนเจ้านั้นลงมือฆ่าคนต่างหากเป็นอย่างไร"
เออร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เอ่ยออกมาเสียงเบา แต่คนเป็นหัวหน้าก็ยังได้ยิน
"ลังเล ขอรับ"
"ฮึ ลังเลรึ ข้าว่าแล้วเชียว มันฆ่าคนไปแล้วห้าคน แต่กลับลังเล ดีดีจริงๆ"
"หัวหน้า แต่ว่า..."
"เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนมัน กฎก็คือกฎ หมาที่ยังไม่เชื่องมันต้องถูกตี"
"เช่นนั้น ก็ลงโทษข้าเถอะขอรับ"
"เออร์!"
หัวหน้ากลุ่มตวาดเออร์เสียงดัง เมื่อคนตรงหน้าจะรับโทษแทนลูกน้อง
'เออร์ ใจอ่อนเสมอ นี่คือข้อเสีย'
เออร์แม้จะกลัว แต่ถ้าพูดถึงคนที่ควรโดนลงโทษก็ควรเป็นตน หากตนไม่ชะล่าใจ เป้าหมายคงไม่ไปถึงตัวหลิงให้เด็กนั่นต้องจัดการ ทั้งที่รู้ว่าเด็กนั่นยังไม่พร้อม
"หากพูดกันตามความจริง ข้ามีความผิดให้เป้าหมายหลุดมือ ต้องโดนลงโทษด้วยและขอรับโทษแทนลูกน้อง เพราะอย่างไรคนที่ทำให้ภารกิจสำเร็จก็คือหลิงขอรับ"
เออร์จ้องตอบหัวหน้ากลุ่มโดยไม่หลบสายตา ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป หัวหน้ากลุ่มก็ส่ายหน้าพูดออกมา
"ไม่ดีเลย เออร์ เจ้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดี รู้หรือไม่ เจ้าปกป้องมันตอนนี้ ผลลัพธ์ที่เด็กนั่นต้องเจอหลังจากนี้ มันไม่ใช่เรื่องดี"
'เขารู้ แต่ว่า อย่างไร ก็อยากปกป้องให้ถึงที่สุด เด็กนั่นเปราะบางเกินไป'
"ขอรับ"
หัวหน้ากลุ่มถอนหายใจ เมื่อไม่สามารถเอาชนะความแน่วแน่ของเออร์ได้
'เอาเถอะ ให้ความเจ็บปวดมันสอนเขาเองว่า การมีความยุติธรรมมันเป็นดาบสองคม ในเมื่อโลกใบนี้ มีความ อยุติธรรม เต็มไปหมด'
"พวกเจ้าที่อยู่ข้างนอก นำตัว รองหัวหน้าไปรับโทษ โบยด้วยไม้ 50 ที"
"ขอรับ"
คนชุดดำสองคนเดินเข้ามา
เออร์โขกศีรษะกล่าวขอบคุณ หัวหน้ากลุ่ม โบย 50 ไม้ถือเป็นโทษสถานเบาเหลือเกิน
"ไม่ต้องขอบคุณข้า ที่สั่งบทลงโทษเพียงเท่านั้นเพราะอย่างไรต้องรักษาหน้าเจ้า"
"ขอบพระคุณขอรับ"
เออร์ลุกขึ้นเดินนำออกไป ยามมาองอาจเพียงใด ยามไปก็องอาจเพียงนั้น แม้ครั้งที่กลับจะถูกนำตัวไปรับโทษก็ตาม
หลังกลับจากโรงครัว ผิงก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็บ่ายเข้าให้แล้ว จึงออกมาเพื่อจะไปล้างหน้าเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง แต่เพียงเดินยังไม่พ้นเรือนพักนักก็ได้ยินข่าวใหม่จากคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่บริเวณนั้น
"รู้หรือไม่ว่ารองหัวหน้าถูกลงโทษ"
"ลงโทษเรื่องอะไร ภารกิจสำเร็จมิใช่หรือ"
"ก็ใช่ เบาๆเห็นข่าววงในบอกว่า รับโทษแทนเจ้าเด็กหลิงน่ะสิ มันทำผิดกฎ"
"ข้าว่าแล้วไง ว่ามันต้องสร้างเรื่อง"
ผิงที่ยืนนิ่งฟังถึงกับขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดรองหัวหน้าเออร์ถึงถูกลงโทษ และตนทำผิดกฎอะไร ในหัวพยายามนึก แล้วก็นึกออก ในตอนที่ตนจะฆ่าเป้าหมาย ผิง ลังเล
กฎสำคัญคือห้ามลังเล เพราะความลังเลหมายถึงว่าเราใจอ่อน และหมายความว่าเราไม่เหมาะสมจะเป็นนักฆ่า โทษเบาคือถูกโบยห้าสิบไม้และโยนไปในกรงที่มีหมาป่าห้าตัว โทษหนักคือ ตาย! ในตอนที่ผิงรู้กฎยังอดสงสัยไม่ได้เลยว่า แล้วจะมีโทษเบากับหนักไปทำไม ในเมื่อโดนโบยห้าสิบไม้ก็เหลือแหล่แล้ว ยังถูกจับไปอยู่ในกรงกับหมาป่าหิวโซ ยังไงก็ตายอยู่ดี แต่ว่า ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเรื่องที่รองหัวหน้าถูกรับโทษแทนต่างหาก ผิงเดินตรงไปที่เด็กพวกนั้น พอพวกนั้นเห็นผิง วงก็แตกฮือ ต่างเตรียมวิ่งหนี แต่ผิงจับไอ้คนตัวการเริ่มเรื่องได้ก่อน
"ห-หลิง ขะ-ข้า แค่เอามาเล่าเฉยๆ มะ-ไม่ได้ต่อว่าเจ้านะ" ไอ้เด็กคนเริ่มเรื่องแก้ตัวเสียงสั่น ตัวมันก็สั่น ผิงขมวดคิ้ว ตนไม่ได้ต้องการจะมาจัดการใคร สิ่งที่อยากรู้คือรองหัวหน้าอยู่ที่ไหน
"รองหัวหน้า" ผิงเอ่ยมาแค่นั้น ยังดีที่เจ้าเด็กนี่พอจะมีไหวพริบรีบตอบในสิ่งที่ผิงอยากรู้
"ยะ อยู่ที่เรือน" หลังได้คำตอบผิงก็ปล่อยตัวเจ้าเด็กนั่น หันกายออกวิ่งไปทางเรือนของรองหัวหน้าในทันที
เพราะเป็นรองหัวหน้าจึงสามารถมีเรือนของตนเอง แม้จะไม่ใหญ่เท่าหัวหน้าแต่ก็สะดวกสบายไม่ต่างกันนัก ผิงวิ่งมาถึง ก็พุ่งขึ้นเรือนในทันที แต่กลับถูกกันไว้จากคนที่เฝ้าอยู่หน้าเรือน ผิงมองทั้งสองคนนิ่งๆ สั่งทางสายตาให้หลบไป แต่เหมือนเจ้าสองคนนี้จะไม่เข้าใจ
เข็มพิษสองเล่มถูกดีดใส่ลำคอของทั้งสอง ไม่ทันกระพริบตา บุรุษร่างใหญ่ก็ล้มลงกับพื้น แน่นิ่งไป แน่นอนมันเป็นเพียงพิษทำให้หลับ ไม่ถึงตาย
เมื่อไม่มีตัวขัดขวาง ผิงก็เดินเข้าไป เปิดประตูที่เดาว่าคงเป็นห้องนอน และก็ถูก บุรุษโตเต็มวัยนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงโดยท่านอนคว่ำ ยังดีที่มีผ้าห่มคลุมส่วนร่าง บนหลังปรากฏรอยแผลหลายรอยที่ดูแล้วคงใส่ยาแล้วเรียบร้อย ผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก กำลังจะหันกายออกจากห้อง เพื่อกลับเรือน แต่เสียงของรองหัวหน้าดังขึ้นหยุดความตั้งใจไว้ก่อน
"ท่านพี่หรือ ข้าไม่เป็นอะไรมาก ใส่ยาแล้วขอรับ" เสียงที่นุ่มนวลอย่างไม่เคยได้ยินมานานแล้วดังจากคนบนเตียง ผิงไม่แน่ใจว่าตนควรบอกรองหัวหน้าไหมว่าตนไม่ใช่คนที่เขาคุยด้วย หรือเดินออกไปเงียบๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดี ความเลือกไม่ถูกนี้ต้องหยุดลงเมื่อรองหัวหน้าหันมา เขาทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผิง แน่นอนผิงก็คิดว่าหากเป็นตนก็คงตกใจ
"เจ้า...."
"ท่านรับโทษ ทำไม?" ผิงเกลียดความไม่เก่งภาษา และเลือกใช้คำไม่ปะติดปะต่อของตนเอง
'เชื่อเถอะ หากใครมาเป็นเขา ภาษาจีนโบราณไม่ได้เรียนรู้ได้ง่าย’
เออร์ขมวดคิ้ว เอ่ยถาม "เจ้าจะหมายถึง ว่าข้ารับโทษแทนเจ้าด้วยเหตุใดใช่หรือไม่?"
ผิงพยักหน้า ท่าทางแบบนั้นทำให้เออร์หลุดขำออกมา 'เด็กนี่ น่าเอ็นดูแปลกๆ'
ผิงรู้ว่าตนคงดูน่าตลก แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวตลกจึงเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
"ทำไม ขำ?" แต่เหมือนยิ่งพูด ยิ่งกลายเป็นตัวตลก
'ให้ตายเถอะ โครตอยากตีตัวเองเลย'
เออร์กลั้นขำเมื่อเห็นท่าทางคล้ายจะเข้ามาประทุษร้ายตนของเด็กนี่ เอาเถอะ เขาจะพยายามเข้าใจว่ายังไง มันก็ยังเป็นเด็ก 6 ขวบ แม้ความสามารถและพละกำลังจะเกินวัยไปมากก็ตาม แต่ก็ยังดีที่มีบางอย่างที่เจ้าตัวยังเหมือนเด็ก
'น่ายินดีออก ที่เขากลายเป็นคนรู้ในสิ่งที่ใครไม่รู้' เออร์เก็บความดีใจไว้ภายใน สบตากับดวงตาสีดำนิ่งสงบที่หากมองดีๆ ภายในมันมีความอ่อนไหว และอ่อนโยน ดวงตาที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานตั้งแต่มาอยู่ที่นี่และก้าวขึ้นเป็นรองหัวหน้า ผู้นำของใครหลายคน
'หลิงไม่เหมาะกับที่นี่ นั่นคือความจริง ความจริงที่เขาและหัวหน้าต่างรู้ แต่เลือกที่จะผลักไสคนละทาง หัวหน้าจับผิดและคิดกำจัด แต่เขากลับอย่างปกป้อง ความอยากมันไม่รุนแรง หากเมื่อคืนไม่ได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างของเจ้าตัว'
"มานี่มา" เออร์ตัดสินใจเรียกเจ้าตัวให้เข้ามาหา คงดีถ้าเรียกครั้งเดียวแล้วยอมมาง่ายๆแต่นั่นแหละ เพราะเป็นหลิง จึงไม่เหมือนผู้ใด
"มาเถอะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้า"
ผิงลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาและหยุดอยู่ข้างๆเตียง
"นั่งลง" เออร์สั่ง
ผิงยังคงลังเล แต่พอสบเข้ากับสายตาอ่อนล้าของบุรุษ ก็ยอมนั่งลงกับเตียงอย่างโดยดี ลักษณะของเขาทำให้ผิงสงสัย ว่าเขาอายุเท่าไหร่กัน
"ท่านอายุเท่าไหร่?" เออร์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่อยู่เด็กนี่ก็ถาม ในเรื่องที่ ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ควรถาม
"16" แต่เออร์ก็ยอมตอบ
ผิงยอมรับว่าตกใจ บุรุษโบราณโตวัยปานนี้ และเหนืออื่นใด คนตรงหน้าเก่งมาก เพียง 16 ก็ขึ้นเป็นผู้นำใครหลายคนได้ เป็นรองเพียงหนึ่งคนก็คือหัวหน้า เช่นนั้น ปา อี๋ สือ ก็ต้องอายุน้อยกว่าใช่หรือไม่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาอาจจะประมาณ 10 ขวบ
"กลุ่มนักฆ่าที่นี่ มีแต่เด็ก?"
"ก็ประมาณนั้น เพราะเราคิดว่าเด็กสอนง่ายกว่า และแซกแซง ทำงานง่ายกว่า เด็กไม่คิดเยอะเท่าคนโต ง่ายต่อการควบคุม"
"แต่ โหดร้าย"
"ก็จริง"
ผิงอดจะประหลาดใจในคำตอบของคนที่เป็นผู้นำไม่ได้
"ไม่ควรคิด ท่านน่ะ"
เออร์หยุดประมวลความหมายของคำพูดเล็กน้อย เมื่อเข้าใจที่เจ้าตัวจะสื่อก็พยักหน้า
"ใช่ ข้ามักโดนหัวหน้าว่าบ่อยๆ"
"ไม่เหมาะ ที่นี่ อ่อนโยน ใจดี ไป"
"ฮ่าๆ เช่นนั้นหรือ ข้าดีใจนะ ที่เจ้ามองว่าข้าใจดี" เออร์ยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมของคนตรงหน้าเบาๆ ผิงตกตะลึง ไม่คิดว่าจะมีใครทำแบบนี้กับตน มัน มัน เหมือนฝัน
"ทำไม ต้องรับโทษ?"
ผิงรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองพูดมากจริงๆ
เออร์คลี่ยิ้มกล่าวตอบ
"เพราะข้าเป็นหัวหน้า"
"แต่ว่า....."
"ข้าจะปกป้องเจ้า หลิง วางใจ ข้าจะปกป้องเจ้า"
วันนั้นผิงได้เรียนรู้ว่า ในความมืดมิดก็ยังมีแสงสว่าง อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอหรือไม่ สองวันถัดมา ผิงถูกคนของเรือนรองหัวหน้ามาที่เรือนพักทั้งขนข้าวของที่น้อยชิ้นของตนไป อีกคนก็บังคับให้ผิงตามมา สรุปว่า หลังจากนี้ผิงต้องมาอยู่กับรองหัวหน้า เป็นคนสนิท(ข้ารับใช้) ชีวิตดูสบายขึ้นและมีแสงสว่างมากขึ้นแต่ก็มีศัตรูเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ผิงไม่คิดสนใจเรื่องเล็กน้อยพันนั้น ปากหอยและปากปู ไร้สาระ
สามปีต่อมา ผิงในวัย 9 ขวบ เสื้อผ้าในชุดสีดำ ในมืออุ้มกระต่ายสีขาว แน่นอนไม่ได้เอามากิน ผิงเจอมันตอนไปเก็บสมุนไพรมาทำยาพิษ ผิงเรียนรู้เรื่องนี้จากหัวหน้ากลุ่ม อย่าคิดว่าหัวหน้าใจดี ขนาดสอนเรื่องทำยาพิษ ไม่ใช่ หัวหน้าโหดร้าย หลังจากที่ผิงกลายเป็นคนใต้อาณัติของรองหัวหน้า หัวหน้าก็เหมือนยิ่งรักตนมากขึ้น เขามักจะวางยาพิษ รวมทั้งเรียกไปทดสอบพิษแต่ไม่ให้ยาแก้ถอนพิษ จำได้ว่าครั้งแรกที่โดน รองหัวหน้าวุ่นวายอย่างมากสรรหายาแก้พิษขนาดไปขอจากหัวหน้า ผิงถึงรอดมาได้ หลังๆบ่อยเข้าด้วยความไม่อยากเป็นภาระของรองหัวหน้า ผิงจึงเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับพิษและยาถอนพิษ ไม่ถึงกับเก่งแต่พอเอาตัวรอดได้จากหัวหน้ากลุ่มที่ขยันให้ผิงไปตาย พอเล่นพิษไม่ได้ หัวหน้าก็มอบหมายงานให้ไปทำบ่อยมากขึ้น แต่โชคดีที่รอดมาได้เสียทุกครั้ง และมันกลายเป็นชื่อเสียงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผิงยอมรับว่าอย่างน้อยในชีวิตที่รันทด ตนก็มาพร้อมกับดวง หนังเหนียวจริงๆ
"หลิง!" เสียงเรียกอันดัง ดึงผิงให้หันไปมอง คนที่เรียกคือปา ที่ทราบทีหลังว่าอายุ ห่างกับผิง 2 ปี ข้างๆปาคือ อี๋และสือ แน่นอนว่าสองคนนี้อายุเท่ากัน อี๋และสือที่เหมือนวัยหนุ่มแต่จริงๆปีนี้เขาพึ่งอายุ 20 อีกคนที่ยืนเยื้องล้ำหน้าพวกเขาไปสองก้าวและกำลังมองดุๆมาที่ผิง เขาคือรองหัวหน้าเออร์
ผิงยอมเดินช้าๆเข้าไปหา บุรุษทั้งกลุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรอยู่ในอ้อมแขนของเด็กน้อย
"จะกินกระต่ายหรือ?" อี๋เอ่ยถามก่อน ผิงส่ายหน้าขมวดคิ้ว
"จะทำเป็นยา?" สือถามต่อ พอจบคำถาม ผิงหันไปมองเจ้าตัวตาขวาง คนสุดท้าย
"งั้นข้าขอ จะเอาไปเป็นอาหารมื้อค่ำวันนี้" ปาบอกอย่างรื่นเริง และได้รับการตบหัวอย่างรุนแรงจากคนที่อุ้มกระต่ายอยู่
"ตบข้าทำไมหลิง!?" ปาโวยวาย ผิงตีหน้านิ่งส่งไปให้ เอ่ยตอบ ประโยคที่ทำเอา ทั้งสามอ้าปากค้างตกตะลึง
"รักษา มันบาดเจ็บ ไม่เห็นหรือ" บอกพลางชูกระต่ายให้คนทั้งสามเห็นว่ามันบาดเจ็บที่ขา
"ไร้สาระ!" บุรุษทั้งสามพร้อมใจพูดเสียงดัง จึงได้รับสายตาเย็นชาทั้งคำต่อว่าสั้นๆแต่แสนแสบสันจากหลิงไปเป็นรางวัล
"พวกใจมาร"
บุรุษทั้งสามที่ถูกต่อว่าพร้อมใจกันอ้าปากค้าง จะตอบโต้ก็ไม่ได้เนื่องจาก เจ้าเด็กปีศาจมันหันไปพูดกับรองหัวหน้าก่อน
"ท่านจะไปไหน?"
"ภารกิจ" เออร์ตอบสั้นๆ พลางเหลือบมองกระต่ายในอ้อมอกของเด็กน้อย คิดในใจเล่นๆว่า 'ตนอยากเป็นกระต่าย' แต่ก็ต้องรีบสลัดออกไป เมื่อรู้ตัวว่าคิดอะไรน่ารังเกียจออกมา
'หลิงเป็นเด็ก เด็ก 9 ขวบ ด้วย'
"ที่ไหน?" ผิงไม่รับรู้ความคิดของผู้ใด ยังคงถามต่อ
"แคว้นเจี้ยน"
"ไกลขนาดนั้นเชียว" เออร์อมยิ้ม ยกมือขึ้นวางบนหัวเด็กน้อย ถามเสียงอ่อน
"อยากได้อะไรเป็นของฝาก?" ผิงนิ่งคิด นาน ถึงส่ายหน้าออกมาเบาๆ เอ่ยคำสั้นๆที่ทำเอาใจบุรุษสั่นไหวและถูกเติมเต็ม
"ท่าน"
เออร์รู้สึกคล้ายเวลาหยุดไว้ ณ ที่แห่งนี้ 'เจ้าเด็กนี่ จะรู้ไหมนะว่าคำพูดที่ไม่คิดและแสนบริสุทธิ์จะทำให้ คนคิดอกุศลต่อเด็ก 9 ขวบ ดีใจเพียงใด แบบนี้ไม่ไปแล้วได้หรือไม่'
เออร์อยากดึงร่างเล็กเข้ามากอดให้จมอก หากไม่มีประโยคต่อมา
"เอาเงินมาเยอะๆก็พอ"
“….!!!”
'เขาคงคิดผิด เมื่อครู่เขาคิดว่าไงนะ อ้อ อยากหักเจ้านี่ให้เป็นสองท่อน ใช่ มันต้องแบบนั้นแหละ'
ใบหน้างามของบุรุษ แข็งค้าง สะบัดไปอีกทาง ไม่สาวความอันใดอีกก้าวเดินเร็วๆจากไป ทิ้งความสงสัยให้ทั้งผิงและคนทั้งสาม
"รองหัวหน้าเป็นอันใด?" ผิงหันมาถาม ผู้ที่ฉลาดที่สุดอย่างอี๋ พอจะเข้าใจจึงช่วยไขความกระจ่างให้กับหลิง
"รองหัวหน้าคงไม่ชอบใจที่เจ้าเห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตเขา"
"อันใด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น" ทั้งสามมองมาที่หลิง พอสบเข้ากับสายตางุนงงและจริงจังของเจ้าตัวก็พอจะเข้าใจสาเหตุแห่งความเข้าใจผิดนี้
"หลิง ภาษาเจ้าแย่เสียจริง" ปาตบเข่าที่ไหล่
"บางทีเรื่องบางเรื่องเจ้าช่าง เรียนรู้ได้ช้า แต่จะพยายามเข้าใจว่าเจ้าเป็นเด็ก 9 ขวบ" สือ
"เฮ้อ ข้าจะช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้เอง" ปิดท้ายด้วยอี๋
กล่าวครบทุกคนแล้วพวกเขาก็พากันเดินจากไป ทิ้งผิงไว้กับความงุนงง
'อะไร ข้าเรียงประโยคผิดตรงไหน ก็รองหัวหน้าถามว่า อยากได้อะไรเป็นของฝาก ก็คือพวกเขาและเงินเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ หรือเรียงประโยคผิด ก็ไม่ผิดนี่'