6 เจ้าคือสมบัติของข้า
“อันฉี อยู่ที่ใด ข้ากลับมาแล้ว”
เศรษฐีจางเหว่ยส่งเสียงดัง หลังจากเข้ามาในบ้านที่สร้างจากปูนผสมกับไม้ ตกแต่งตามสมัยนิยม ไม้ซึ่งตีเป็นระแนงกั้นตามส่วนต่างๆ อย่างเป็นสัดส่วน
ภายในห้องโถงตั่งไม้ฝังมุกตัวใหญ่ตั้งชิดหน้าต่าง เศรษฐีจางเหว่ยเอนร่างลงไปนอน คนรับใช้ชายหญิงทั้งสี่พากันก้มหน้างุด
สตรีร่างแบบบางสวมกี่เพ้าผ้าไหมสีแดง ผมนางเกล้าสูงแล้วเสียบด้วยปิ่นเงินประดับมุก ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียน เครื่องเคราบนใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้ม แม้ไม่งดงามบาดจิตแต่ชวนมอง
นางเยื้องย่างกายช้าๆ ลงน้ำหนักบนเท้าเบาๆ แล้วทรุดกายนั่งกับพื้นแต่ติดกับขอบเตียง
“ท่านจาง ข้ามาแล้ว มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้”
เศรษฐีจางเหว่ยลืมตาที่หลับเมื่อครู่ขึ้นมาดู เมื่อเห็นอันฉีเมียซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงบุตรสาวมาก่อนจึงยิ้มให้
“อ้อ อันฉี เจ้าเองรึแล้วนี่หมู่ตันไปไหนเล่า”
“แม่นางหมู่ตันกำลังหัดปักผ้าในห้องนอนเจ้าค่ะ”
“ข้าขอบใจเจ้ามากที่ดูแลลูกข้าเป็นอย่างดี คราวนี้เจ้าควรดูแลข้าบ้าง ขึ้นมาบนตั่งนี่”
บุรุษกลางคนดึงมือเรียวบางผิวขาวจนเกือบซีดขึ้นมา กระทั่งอันฉีนั่งบนตั่งแล้วกดร่างบางให้นอนเคียงข้าง คนรับใช้พากันหันหน้าหนีไม่กล้ามอง
“ท่านจางจะทำอะไรข้า ปล่อยข้าก่อน”
อันฉีกลัวเศรษฐีจางเหว่ยจะทำอะไรที่มากกว่าการกอดซึ่งจะเป็นที่อับอายแก่คนรับใช้ นางจึงแข็งขืนตัวไว้ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจแก่บุรุษผู้เอาแต่ใจเป็นอย่างมาก
“อันฉี เจ้ากล้าขัดข้ารึ เจ้าลืมไปแล้วหรือไร ว่าเจ้าคือสมบัติของข้า ข้าจะทำเช่นไรก็ได้”
“ข้า ข้าขออภัย แต่มีคนรับใช้อยู่ในห้องนี้ ข้าคงไม่สะดวกที่จะดูแลท่านมากกว่าการกอด”
อันฉีกล่าวเบาๆ ด้วยความอาย เศรษฐีจางเหว่ยหัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จริงสินะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนขี้อาย เอาอย่างนี้เจ้าไปหาสุราให้ข้าดื่มด้วยเถิด”
“แต่ท่านเมามากแล้ว เมื่อคืนก็ไม่กลับบ้าน พอรุ่งเช้าท่านก็จะดื่มอีกหรือ”
“หยุดนะอันฉี เจ้าไม่มีสิทธิ์ห้ามข้า ในเมื่อมันเป็นความต้องการของข้า เจ้าอย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นใคร มาจากไหน”
อันฉีก้มหน้าด้วยความกลัว ไม่กล้าปริปากแต่อย่างใด เศรษฐีจางเหว่ยมองคนรับใช้ที่ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งเช่นกัน
“พวกเจ้าออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว ไปช่วยคนครัวหรือพวกทำสวนโน่น ข้าจะอยู่กับอันฉีเพียงสองคนเท่านั้น”
“ขอรับท่านเศรษฐี / เจ้าค่ะท่านเศรษฐี”
คนงานชายหญิงต่างพากันค่อยๆ คลานเข่าออกไปจากห้องโถง อันฉีจึงลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากห้อง
“เจ้าจะไปไหน”
อันฉีสะดุ้ง ใจเต้นแรง นางบีบมือเข้าหากันด้วยความหวาดกลัว
“ข้าจะไปเอาไหสุรามาให้ท่านไงเล่า”
“เออ ข้าลืมไป เจ้าอย่าลืมลูกท้อดอง เตรียมมาให้ข้าด้วย”
“รับทราบ ข้าจะไปจัดตามที่ท่านต้องการ”
อันฉีก้าวออกจากห้องอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว นางไม่กล้ามีปากมีเสียงกับบุรุษผู้นี้เพราะเขาถือตนว่าเหนือกว่าใครในบ้าน
แต่คนที่เศรษฐีจางเหว่ยไม่กล้าเสียงดังใส่มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือ หมู่ตันบุตรสาวของเขานั่นเอง