จะกลัวทำไม
"พรานใหญ่ พรานใหญ่ มึงหลับแล้วรึ" อินเหลากระซิบกระซาบถามเสียงเบา ในขณะที่ตอนนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว พวกเขานั่งกันเงียบกริบ โดยที่ไม่ได้ขยับตัวเลย
"ใครจะไปหลับลง อยู่บนห้างแบบนี้" พรานใหญ่กระซิบตอบ ไม่มีพรานคนไหนกล้านั่งหลับแน่นอน เพราะว่าห้างที่พวกเขานั่งอยู่ ขัดเอาไว้บนต้นไม้สูงเกินหกเมตรแน่นอน และไม้ที่ขัด...เป็นไม้แค่สองท่อน เอาเถาวัลย์มามัดแบบง่ายๆเพื่อให้นั่งได้เท่านั้น ซึ่งไม่มีทางนอนได้แน่นอน ขนาดนั่งยังต้องระวังตกเลย ที่พวกเขาทำห้างแบบง่ายๆ ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามักง่าย แต่พวกเขาทำเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ เพราะว่าในป่าลึกที่อันตรายแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
"กูรู้ ว่ามึงยังไม่หลับหรอก กูก็ถามไปอย่างนั้นแหละ ที่นี่มันดูปกติ จนกูเป็นห่วงคำแพงกับจันว่ะ ยิ่งมึงบอกว่าเห็นรอยเท้าของไอ้ลายแถวกระท่อมด้วย ยิ่งทำให้กูอยากกลับไปตอนนี้เลยว่ะ" อินเหลากระซิบบอกกับเพื่อนเกลอ ทั้งที่เขาก็รู้ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะพรานป่าทุกคนก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าจะลงจากห้างไม่ได้ จนกว่าจะเช้า
"อย่าห่วงไปเลย ถึงจันมันจะแพ้ท้อง แต่จันมันก็อยู่กลางป่าลึกมาตั้งแต่เกิด มันรู้วิธีเอาตัวรอดจากพวกสัตว์ที่ล่าเนื้อได้เป็นอย่างดี ตอนที่กูกับจันย้ายออกมาอยู่ที่ชายป่า กูก็เป็นห่วงจันมันนะ กลัวว่ามันจะลำบาก แล้วก็กลัวเสียงของสัตว์มันร้องเวลากลางคืนด้วย แต่พอมาอยู่จริงๆ กลับไม่ได้เป็นอย่างที่กูคิด เพราะว่าตอนที่เสือมันร้องดังก้องออกมาจากในป่า จันมันนอนเฉย ไม่มีท่าทีให้เห็นเลยสักนิดว่ากลัว ก็สมกับที่มันเกิดและอยู่ในป่าลึกมาตลอดชีวิต" พรานใหญ่พูดปลอบใจเพื่อนที่นั่งเงียบกริบ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ ว่าเพื่อนทำหน้ายังไงอยู่ เพราะว่ามันมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ถ้าจะให้เปรียบความมืดว่ามืดขนาดไหน ก็มืดดำเหมือนกับถ่านยังไงยังงั้นเลยแหละ
"ถ้าเป็นแบบนั้น กูก็เบาใจ แล้วมึงคิดว่าไอ้ลายมันจะไปที่กระท่อมของมึงไหมวะ" อินเหลากระซิบกระซาบถามเสียงเบาเหมือนเดิม
"ไม่แน่นะ เพราะว่าความรู้สึกของกูบอก ว่ามันไป" พรานใหญ่ตอบด้วยนํ้าเสียงที่หนักแน่น
"เห๊ย!! ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้น มึงไม่เป็นห่วงเมียของมึงรึ ถึงเมียของมึงมันจะเก่งแค่ไหน แต่ตอนที่พวกเราออกมา เมียของมึงนอนนิ่งไม่ไหวติงเลยนะ" อินเหลาเริ่มอยู่ไม่สุขด้วยความเป็นห่วงเมีย เพราะว่าเขาเข้าป่ากับพรานใหญ่มาตลอดชีวิต น้อยครั้งมาก ที่พรานใหญ่จะคาดการณ์ผิดพลาด หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้
"มึงอย่าห่วงไปเลย มันไม่ขึ้นไปบนกระท่อมหรอก อย่างน้อยมันก็ต้องได้กลิ่นของนํ้ามันตะเกียง มันก็ต้องระวังตัวของมันอยู่เหมือนกัน" พรานใหญ่พูดปลอบใจเพื่อน ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะนั่งไม่ติดด้วยความเป็นห่วงเมียแล้ว
"กูก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ" อินเหลาพึมพำออกมาเบาๆ ถึงเขาจะเชื่อมั่นในคำพูดของเพื่อน แต่เขาก็แอบเป็นห่วงเมียอยู่ดี เพราะเขารู้ว่าเมียของเขาเป็นคนขี้กลัว
...
"เรารีบออกเดินทางกันเถอะ กูคิดว่าไอ้ลายมันยังกินซากของลูกวัวไม่หมดหรอก มันต้องกลับมากินอีก" ผู้ใหญ่แย้มบอกกับทุกคน ในตอนเช้าของวันต่อมา เมื่อทุกคนลงมาจากบนห้าง แล้วมารวมตัวกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"นอนหลับดีใช่ไหมล่ะพรานใหญ่ กูบอกแล้ว ว่าไอ้ลายมันก็แค่เคยเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ กลิ่นของมันก็เลยหลงเหลืออยู่ มึงอย่าพูดให้คนอื่นตกใจ ไป...รีบเดินทางต่อกันเถอะผู้ใหญ่" พรานเรืองพูดกับพรานใหญ่ พร้อมกับยิ้มเยาะที่มุมปากไปด้วยเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินนำทุกคนไป เมื่อพรานใหญ่แค่พยักหน้ารับ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
"แก่จนหัวหงอกขาวไปทั้งหัวแล้ว ทำไมถึงทำให้เด็กหมดความนับถือวะ" อินเหลากระซิบพรานใหญ่ ในขณะที่เขากับพรานใหญ่เดินรั้งท้ายทุกคนไป
"ช่างเขาเถอะ มึงก็อย่าไปถือสาเลย เพราะที่เขาเป็นอยู่ ก็ใช่ว่าเขาจะมีความสุข" พรานใหญ่บอกกับเพื่อนเกลอ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามหลังของทุกคนไปเงียบๆ
"เห๊ย!! ดูนั่นสิ นั่นมันฝูงหมาในหนิ พวกมันกำลังรุมกินซากอะไรสักอย่างอยู่ เรารีบเข้าไปดูกันเถอะ" พรานเรืองหันไปบอกกับทุกคนเสียงกระซิบ พร้อมกับเล็งปืนแก๊ปไปที่หมาในกลุ่มนั้น ซึ่งที่พวกเขากำลังยืนอยู่ กับฝูงของหมาในอยู่ไกลกันมาก และไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านี้ได้แล้ว เพราะกลัวว่าหมาในมันจะได้กลิ่นของมนุษย์
"พรานเรือง...อย่ายิงนะ" พรานใหญ่รีบก้าวขาเดินเข้าไปห้ามพรานเรือง ที่กำลังเล็งปืนไปที่ฝูงของหมาในอยู่
"ทำไม มึงจะให้มันมารุมกัดพวกเรา เพราะว่าหวงซากอย่างนั้นรึ" พรานเรืองหันไปถามพรานใหญ่ด้วยนํ้าเสียงที่ไม่พอใจเอามากๆ เพราะว่าสิ่งที่พรานใหญ่ทำ เหมือนกับเห็นเขาเป็นแค่เด็กที่เพิ่งจะเข้าป่าอย่างนั้นแหละ
"เราจะยิงให้เจ้าของซากตัวจริงตกใจทำไมล่ะ เราแค่รออยู่เงียบๆ เพื่อให้เจ้าของซากตัวจริงออกมา จัดการกับพวกที่ยุ่งกับซากของมันไม่ดีกว่า..."
"แล้วมึงจะรู้ได้ยังไง ว่าไอ้หมาในพวกนี้ไม่ใช่เจ้าของซาก" พรานทิ้งถามแทนเพื่อนเกลอ เพราะเขารู้ว่าเพื่อนเกลอของเขากำลังโมโหพรานใหญ่จนพูดไม่ออกอยู่
"ดูรอยเท้านี่สิ มันมีทั้งรอยเท้าเล็กและรอยเท้าใหญ่ปนกัน และรอยเท้าที่ใหญ่เกือบจะเท่าอุ้งมือของเราแบบนี้ ต้องเป็นรอยเท้าของไอ้ลายแน่ๆ" พรานใหญ่พูดพร้อมกับชี้ให้ทุกคนดูรอยเท้าไปด้วย ซึ่งถ้าคนที่ไม่ชำนาญป่าลึกก็จะดูไม่ออก เพราะว่ามันมีใบไม้ทับถมกันหนาแน่น จนแทบจะมองไม่เห็นดินเลย แถมตอนนี้ยังเช้าอยู่ บวกกับอยู่ในหุบเขาที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นหนาทึบ ทำให้มองไม่เห็นชัดนัก ถ้าไม่ใช่คนที่ชำนาญป่าและไม่ใช่คนที่ช่างสังเกต ก็จะไม่มีใครมองเห็นและรู้ว่ามีรอยเท้าของสัตว์อยู่
"มึงก็แค่เดา" พรานเรืองหน้าร้อนวูบวาบด้วยความอายปนโมโห เขามองแต่ฝูงหมาใน เขาก็เลยลืมดูรอยเท้าที่อยู่บนใบไม้ที่เน่าเปื่อย และใบไม้ที่ทับทมกันอยู่หนาแน่น
"จริงด้วย นี่ไง!! พวกเราต้องหาที่หลบกันแล้วล่ะ เพราะว่าไอ้ลายมันอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้" ผู้ใหญ่แย้มบอกกับทุกคนด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นตระหนก เขาคิดว่าไอ้ลายมันต้องจ้องที่จะเข้ามาแย่งซากลูกวัวของมัน กับฝูงหมาในอยู่แน่ๆ
"อย่าเพิ่งตกใจไปผู้ใหญ่ หมาในมันฝูงใหญ่ขนาดนั้น ไอ้ลายมันยังไม่ออกมาแย่งซากของมันตอนนี้หรอก" พรานเรืองบอกกับผู้ใหญ่แย้ม แต่สายตาของเขามองหน้าของพรานใหญ่ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
"เรารีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนเถอะ ถ้ามันแย่งซากกันตอนนี้ พวกเราต้องโดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆ" อินเหลาไม่พูดเปล่า เขามองหาต้นไม้ที่เขาจะปีนขึ้นได้อย่างง่ายดายไปด้วย
"จะกลัวทำไม นี่มันเช้าแล้ว" พรานทิ้งว่าให้อินเหลา เหมือนกับอินเหลาทำเรื่องไร้สาระอยู่
"แต่มึงอย่าลืมนะพรานทิ้ง ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมแล้ว ไอ้ลายมันกล้าออกไปลากลูกวัวของชาวบ้าน ในเวลากลางวันมากินนะ" พรานชุ่มแย้งพรานทิ้ง ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้สึกขนลุกแปลกๆ เหมือนกับมีอะไรจ้องมาที่พวกเขาอยู่ ทำให้พรานสมเพื่อนเกลอของเขา รีบปีนตามเขาขึ้นไป
"เฮ้อ...กระจอกกันจริงๆ เป็นพรานกันมาได้ยังไง ถ้าเป็นกลางคืนกูจะไม่ว่าเลย นี่มันเช้าแล้วนะเว๊ยไอ้เรือง" พรานทิ้งกระซิบเพื่อนเกลอ หลังจากที่ทุกคนรีบปีนขึ้นต้นไม้ เพื่อหาที่หลบไอ้ลายกัน เหลือเขากับพรานเรืองแค่สองคนเท่านั้น ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
"พรานที่อ่อนประสบการณ์ก็แบบนี้แหละ มึงตามกูมา เราแค่แอบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ก็ได้ เช้าแล้ว...ไม่จำเป็นต้องขึ้นต้นไม้หรอก" พรานเรืองบอกกับเพื่อน ก่อนที่เขาจะเดินนำเพื่อนไปที่ต้นไม้ใหญ่ ที่ใหญ่มากจนบังพวกเขาสองคนมิดจากฝูงหมาในได้
"ดี ถ้าไอ้ลายมันมาแย่งซากของมันตอนนี้ กูจะได้ยิงมันได้ถนัดมือ" พรานทิ้งไม่พูดเปล่า เขาเล็งปลายกระบอกปืนแก๊ปไปทางฝูงหมาใน พร้อมกับมองหาไอ้ลายไปด้วย
"แต่กูว่าพวกเราอยู่ไกลไปนะ" พรานเรืองกระซิบบอกกับเพื่อนเกลอ
"ใกล้กว่านี้ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะได้กลิ่นพวกเราแล้วหนีไป" พรานทิ้งหันมากระซิบเตือนสติเพื่อน
"เข้าใกล้อีกหน่อยเถอะ มันไกลไป ข้าไม่อยากยิงพลาดว่ะ" พรานเรืองแย้งออกไปด้วยท่าทางที่ดื้อดึง ก่อนที่เขาจะค่อยๆคลานไปตามพุ่มไม้
"ไอ้เรือง...เดี๋ยวมึงก็โดนหมาในรุมขยํ้าเพราะว่าหวงซากหรอก" พรานทิ้งบอกกับเพื่อนเกลอ ก่อนที่เขาจะคลานตามเพื่อนเกลอไปด้วยความเป็นห่วง
"มึงจะกลัวเหมือนพรานที่ยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต อย่างไอ้พวกนั้นทำไมวะ ดูโน่น...หนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ทั้งที่มันเช้าแล้ว แล้วก็เพิ่งจะลงจากต้นไม้กันมานี่เอง" พรานเรืองพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางต้นไม้ ที่พรานใหญ่กับพรานทุกคน หนีขึ้นไปอยู่กันจนจะถึงยอดของมันอยู่แล้ว
"พรานเรือง!! หมาในมัน...มันหนีไปหมดแล้ว มัน...มันหนีทำไมวะ" พรานทิ้งถามเพื่อนเกลอเสียงสั่น หลังจากที่เขามัวแต่สนใจมอง ที่เพื่อนบอก พอหันกลับไปอีกที ฝูงหมาในมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
กรรณ์...!!
"ไอ้ทิ้ง!! ยิงมัน" พรานเรืองตะโกนสุดเสียง แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว เพราะว่าเสือตัวใหญ่ราวกับม้า กระโดดเข้ามาหาเขาอย่างว่องไว
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
ปั๊ก!!
โฮ๊กกกกก!! โฮ๊กกกกก!!
เสือตัวใหญ่ใช้เท้าตบไปที่ไปหน้าของพรานเรือง ก่อนที่มันจะลงไปนอนดิ้นบนพื้น แล้วดิ้นทุรนทุรายวิ่งหนีเข้าไปในป่าอีก หลังจากที่มันโดนพรานใหญ่กับอินเหลา แล้วก็ผู้ใหญ่แย้มยิงปืนแก๊ปใส่มันคนละนัด ในขณะที่พรานทิ้งตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะเขาไม่คิดว่าไอ้ลายมันจะมาเข้าใกล้เขากับพรานเรืองขนาดนี้ แถวมันยังเป็นเสือที่บาดเจ็บวิ่งหายเข้าไปในป่าอีก