เรื่องปกติรึ!!
"พรานเรือง ไอ้เรือง...มึงเป็นยังไงบ้าง" พรานทิ้งรีบเข้าไปหาเพื่อนเกลอด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ตอนนี้พรานเรืองนอนนิ่ง หน้าหันไปด้านข้าง เลือดไหลออกมาเต็มหน้า เลือดไหลออกมาเยอะมาก จนมองไม่เห็นว่าแผลที่โดยอุ้งเท้าของเสือลึกแค่ไหน
"พวกมึงเป็นยังไงบ้างวะ พรานเรื่องเลือดออกเยอะมาก กูว่าพาพรานเรืองกลับเข้าไปในหมู่บ้านก่อนเถอะ จริงสิพรานใหญ่มาด้วย พรานใหญ่มาดูพรานเรืองมันหน่อย" ผู้ใหญ่แย้มบอกกับทุกคนด้วยนํ้าเสียงที่สั่นและตื่นกลัว ก่อนที่เขาจะนึกได้ ว่าพรานใหญ่ก็รักษาคนได้ ไม่ต่างจากพรานอุ่นผู้เป็นพ่อ
"เดี๋ยวข้าขอดูอาการของพรานเรืองก่อนนะ อินเหลาไปก่อไฟให้กูหน่อย กูจะใช้นํ้าอุ่นเช็ดปากแผล พรานทิ้ง...ท่านช่วยไปตักนํ้าในลำธารมาให้ข้าที แล้วก็เอาใบสาบเสือมาด้วย พรานชุ่มกับพรานสม แล้วก็พรานยอด ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ทุกคนหน่อย ข้ากลัวว่าเสือบาดเจ็บมันจะกลับมาอีก" พรานใหญ่สั่งงานทุกคนด้วยความรีบร้อน แต่เขาก็ยังคงมีสติดีกว่าคนอื่นๆ และเขาจะต้องห้ามเลือดพรานเรืองให้เร็วที่สุด แล้วก็พาออกจากป่าให้เร็วที่สุดด้วย ก่อนที่พวกสัตว์ล่าเนื้อมันจะได้กลิ่นคาวเลือดแล้วแห่กันมาที่นี่ ในขณะที่ผู้ใหญ่แย้มยืนตัวสั่นเทาอยู่ด้วยความตกใจกลัว เหมือนกับคนที่ไม่เคยเจอเหตุแบบนี้มาก่อนในชีวิต
"มัน...มันไม่เป็นไรใช่ไหมวะ มันยัง...ยังไม่ตายใช่ไหม" ผู้ใหญ่แย้มกระซิบถามพรานใหญ่เสียงสั่น ภาพที่เสือตัวใหญ่ราวกับม้า พุ่งเข้าไปตะปบใบหน้าของพรานเรือง ภาพมันยังอยู่ในหัวของเขาชัดเจน เขาเกิดมา เขาก็เพิ่งจะเห็นเสือทำร้ายคนครั้งนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยแต่ได้ยินพวกนายพรานเขาพูดกัน เขาเป็นพรานป่าก็จริง แต่เขาก็เป็นแค่พรานป่าที่ล่าผึ้งในป่า ที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก ส่วนมากเขาจะหาผึ้งตามสวนตามไร่ของชาวบ้านมากกว่า ถ้าให้เขาไปล่าสัตว์ใหญ่ในป่าลึก เขาเคยไป แต่ไม่ได้อะไรมา ด้วยความที่เขากลัว ทำให้เขากลับออกมาก่อนที่ฟ้าจะมืดทุกครั้งไป
"พรานเรืองยังไม่ตาย แค่หมดสติไป เราจะต้องรีบพาพรานเรืองกลับเข้าหมู่บ้านให้เร็วที่สุด" พรานใหญ่ตอบผู้ใหญ่แย้มพร้อมกับดูอาการเบื้องต้นของพรานเรืองไปด้วย
"กูก่อไฟติดแล้ว ต้มนํ้าเลยนะ" อินเหลาบอกกับพรานใหญ่ด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นเต้น กว่าเขาจะก่อไฟติดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าเขามือสั่น หยิบจับอะไรก็ร่วงไปหมด
"ต้มเลย ข้าต้องทำความสะอาดแผลแล้วรีบทายา เราจะได้รีบออกจากป่ากัน" พรานใหญ่สั่งเสียงเรียบ พร้อมกับจัดท่านอนให้พรานเรืองไปด้วย
"นํ้ามาแล้ว" พรานทิ้งพูดพร้อมกับวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว ตัวของเขายังสั่นอยู่ด้วยความกลัว เพราะว่าตั้งแต่เขาเป็นพรานมาจะสี่สิบปีแล้ว นี่คือครั้งแรก ที่เขาเห็นเสือใกล้ชิดและมันจะเอาชีวิตเขากับพรานเรือง
ทุกคนช่วยกันต้มนํ้า และช่วยพรานใหญ่เช็ดเลือดออกจากบาดแผลให้กับพรานเรือง เพื่อความรวดเร็ว ส่วนคนที่รักษาความปลอดภัยก็เดินไปรอบๆ เพื่อกันไม่ให้สัตว์ล่าเนื้อเข้ามาในกลุ่มของพวกเขาได้
"ดีนะที่แถวนี้มีใบสาบเสืออยู่" อินเหลาพูดกับพรานใหญ่ ที่กำลังบดใบสาบเสือใส่แผลเพื่อห้ามเลือด ที่ไหลออกจากใบหน้าของพรานเรืองอยู่
"ทายาเสร็จรึยัง ข้าอยากออกจากที่นี่แล้ว" ผู้ใหญ่แย้มถามเสียงสั่น เขายอมรับ ว่าปกติเขาก็กลัวที่จะเข้าป่าลึกอยู่แล้ว แล้วยิ่งมาเจอเสือตัวเป็นๆที่ทำร้ายพรานเรืองแบบนี้อีก บอกตรงๆ ฉี่เขาแทบจะราดออกมาเลย
"เสร็จแล้ว ข้าลืมบอก ว่าเราต้องทำคานหามพรานเรืองออกไป รีบทำคานหามกันเถอะ เราจะได้รีบออกจากที่นี่กัน" พรานใหญ่บอกกับทุกคน
"จริงสิ ข้าลืมไปเลย เร็ว...พวกเราช่วยกันทำคานหาม จะได้รีบออกไปจากที่นี่สะที" ผู้ใหญ่แย้มบอกกับทุกคนเสียงสั่น เขาเดินนำทุกคนไปหาไม้มาทำคานด้วยท่าทางที่สติยังกลับมาไม่เต็มร้อย พวกเขาทุกคนช่วยกันทำคานหาม ทำให้เสร็จในเวลาที่รวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะยกพรานเรืองขึ้นไปนอนบนคานหาม แล้วพาออกจากป่า
....
"ใครเป็นอะไร ทำไมถึงได้หามกันมา!!"
"พรานเรืองเหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไมนอนนิ่งไม่ได้สติเลย"
"ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม"
"ผู้ใหญ่ พรานเรืองไปโดนอะไรมา ตายแล้ว!! ทำไมมีแผลที่หน้า"
"ถึงกับต้องหาม มันไปโดนอะไรมา"
คำถามของชาวบ้าน ที่เจอกลุ่มของผู้ใหญ่แย้มเดินออกมาจากป่า พวกเขาแย่งกันถามไปตลอดทางด้วยความตกใจ ใครเจอก็ถาม แล้วพวกเขาก็เดินตามกลุ่มของผู้ใหญ่แย้ม จนไปถึงบ้านของผู้ใหญ่แย้ม และนั่น พลอยทำให้ชาวบ้านที่อยู่บนบ้านของตัวเอง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายนั้นไปด้วย ทำให้พวกเขาตามมาดูถึงบ้านของผู้ใหญ่แย้ม เพราะว่าทุกคนก็รอฟังข่าวของไอ้ลาย ที่ผู้ใหญ่แย้มนำพวกพรานป่าเข้าไปตามล่ามันอยู่แล้ว
"โดนไอ้ลายมันทำร้ายมา วางๆ วางเบาๆนะ เออ...นั่นแหละ" ผู้ใหญ่แย้มตอบชาวบ้านที่ถาม ก่อนที่เขาจะสั่งพรานชุ่มกับพรานยอด ที่เป็นคนหามชุดสุดท้าย พวกเขาเปลี่ยนกันหามทีละสองคน ข้างละคน พวกเขาแค่ผูกแปลเถาวัลย์เอาไว้ในคานแบบง่ายๆ แล้วให้พรานเรืองนอนในแปล พวกเขาไม่ได้หามสี่มุมหรือช่วยกันหามสี่คน เพราะโบราณเขาถือ ว่าหามคนที่ตายแล้ว
"ห๊ะ!! โดนไอ้ลายมันทำร้ายมา!!"
"เห็นไหม ฉันว่าแล้วไม่มีผิด ไอ้ลายมันออกอาละวาด ต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับหมู่บ้านของเราแน่ๆ"
"มีใครไปทำอะไรรึเปล่า ไอ้ลายมันถึงออกมาจากป่าแบบนี้"
"ตายแล้ว!! แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าออกไปทำงานในไร่ล่ะ"
"พรานเรืองยังไม่...ไม่ตายใช่ไหม"
เสียงของชาวบ้านพูดคุยกันออกมาด้วยความตกใจ ทุกคนต่างก็รุมดูพรานเรืองทันที ที่พรานชุ่มกับพรานยอดวางคานหามเอาไว้บนแคร่หน้าบ้านของผู้ใหญ่แย้มแล้ว
"ยังไม่ตาย แต่ก็หนักเอาการอยู่ ใครก็ได้ไปตามพรานอุ่นมาดูพรานเรืองหน่อยสิ พรานใหญ่จะได้กลับไปหาเมีย" ผู้ใหญ่แย้มบอกกับทุกคนด้วยนํ้าเสียงที่หอบเหนื่อย ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนแคร่ ใกล้ๆกับที่พรานเรืองนอนนิ่งอยู่
"ข้าไปเองพ่อ" ยศ ลูกชายของผู้ใหญ่แย้มบอกกับพ่อ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปตามพรานอุ่นตามที่พูด
"รอยเล็บของไอ้ลาย ทั้งลึก ทั้งเห็นชัดน่ากลัวจังเลยผู้ใหญ่" หนึ่งในชาวบ้านที่มามุงดู พูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่หวาดกลัว พร้อมกับทำท่าสยดสยองไปด้วย
"ดีนะที่พรานใหญ่ไปด้วย ไม่งั้นพวกข้าคงไม่ได้กลับกันออกมาจากป่าในสภาพนี้หรอก" อินเหลาบอกกับชาวบ้านด้วยนํ้าเสียงที่ภูมิใจในตัวของเพื่อน ที่มีสติกว่าใครทั้งหมด ที่ไปด้วยกันในครั้งนี้
"มึงก็พูดเกินไปอินเหลา พูดเหมือนกับพวกกูไม่มีความสามารถอย่างนั้นแหละ" พรานทิ้งมองอินเหลาด้วยสายตาที่ไม่พอใจปนดูถูก เพราะว่าอินเหลาเข้าป่าไปพร้อมกับพรานใหญ่ตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเรียกอินเหลาว่าเป็นพราน และไม่มีใครจ้างอินเหลาให้พาเข้าป่าสักครั้ง และถึงมีอินเหลาก็ไม่ไป เพราะถ้าให้อินเหลาเข้าป่าลึกโดยที่ไม่มีพรานใหญ่ อินเหลาจะไม่ยอมไปเด็ดขาด ทำให้ทุกคนเรียกอินเหลาเฉยๆ ไม่มีคำนำหน้าว่าพราน
"แต่ก็จริงของอินเหลามันนะ ถ้าไม่มีพรานใหญ่ กูก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนั้นสติของกูแทบแตก" ผู้ใหญ่แย้มพูดอย่างเห็นด้วยกับอินเหลา และนั่น ยิ่งทำให้พรานทิ้งไม่พอใจพรานใหญ่มากเพิ่มขึ้นไปอีก ทั้งที่พรานใหญ่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
"พ่อมาแล้ว ข้าขอกลับกระท่อมก่อนนะ ข้าเป็นห่วงจันมัน" พรานใหญ่บอกกับผู้ใหญ่แย้ม เมื่อเขาเห็นว่าพ่อของเขาเดินมาพร้อมกับลูกชายของผู้ใหญ่แย้ม ที่วิ่งไปตามพ่อของเขามาทันที ตามคำสั่งของผู้ใหญ่แย้มผู้เป็นพ่อ
"กูก็จะกลับพร้อมกับมึงเลยนะพรานใหญ่ กูเป็นห่วงคำแพงมัน" อินเหลากระซิบบอกกับเพื่อนด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนเพลียเล็กน้อย
"อือ...งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะผู้ใหญ่ ถ้ามีเรื่องอะไร ก็ให้คนไปบอกข้าที่กระท่อมได้ ช่วงนี้ข้ายังไม่เข้าป่าหรอก เพราะว่าข้าเป็นห่วงจันมัน" พรานใหญ่บอกกับผู้ใหญ่แย้ม หลังจากที่เขาพยักหน้ารับคำของเพื่อนแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสนใจอาการของพรานเรืองอยู่
"ใหญ่...เดี๋ยวก่อน พ่อฝากเอาสมุนไพรนี้ไปต้มให้จันมันกินหน่อย วันก่อนพ่อเห็นเหมือนจันมันจะแพ้ท้องหนักเอาการอยู่" พ่อเรียกลูกชายเอาไว้ ก่อนที่ลูกชายจะเดินไป เขาเตรียมสมุนไพรเอาไว้ให้ลูกสะใภ้อยู่แล้ว พอลูกชายของผู้ใหญ่แย้มไปตามให้มาดูอาการของพรานเรือง เขาก็เลยหยิบติดมือมาด้วย เพราะเขารู้ว่าลูกชายไปกับคณะของผู้ใหญ่แย้มอยู่แล้ว เมื่อวานชาวบ้านเขาลือกันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ว่าใครบ้างที่ไปกับคณะของผู้ใหญ่แย้ม
"แพ้หนักอยู่จ๊ะพ่อ ดีเลย ข้าจะรีบกลับไปต้มให้มันกิน เมื่อวานก็นอนอย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้เลย ป่ะ...อินเหลา เรารีบกลับกันเถอะ ไม่รู้ว่าจันกับคำแพงจะเป็นยังไงบ้าง" พรานใหญ่บอกกับพ่อ ก่อนที่เขาจะหันไปชวนเพื่อน แล้วรีบเดินนำไปก่อนด้วยความเป็นห่วงเมีย
...
"เช้าสะที ข้านี่นอนใจสั่นทั้งคืนเลย" คำแพงบอกกับจันอย่างรู้สึกโล่งใจ ในขณะที่เธอเดินไปมารอบๆชานด้านนอกตัวกระท่อม ซึ่งตอนกลางคืนกับตอนเช้าแบบนี้ บรรยากาศมันคนละเรื่องกันเลย
"ความจริงพี่คำแพงนอนต่อก็ได้นะจ๊ะ ไม่เห็นจะต้องรีบตื่นเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่ใช่เหรอ" จันบอกกับคำแพงอย่างเห็นใจ เพราะว่าหน้าตาของคำแพงตอนนี้ ดูรู้ได้ทันทีเลย ว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ในขณะที่คำแพงกำลังเดินตรงมาที่เธออยู่
"ข้านอนไม่หลับหรอกจัน คนมันเคยนอนตื่นเช้า แล้วไหนเอ็งจะลุกมาถอนหญ้าดูแลผักแต่เช้าแบบนี้อีก ข้าก็นึกถึงผักของข้าเหมือนกัน" คำแพงพูดพร้อมกับเดินสำรวจแปลงผักของจันไปด้วย ในขณะที่จันนั่งถอนหญ้าแล้วก็พรวนดินสลับกันไปมาอยู่
"ถ้าพี่หิวก็บอกข้านะจ๊ะ ข้าหุงข้าวกับย่างปลา แล้วก็ตำนํ้าพริกเอาไว้แล้ว เก็บผักขึ้นไปกินด้วย..."
"จัน!! นี่มัน...นี่มันรอยเท้าของไอ้...ไอ้ลาย!!" คำแพงร้องโวยวายออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อเธอก้มลงไปเห็นรอยอุ้งเท้าใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือของเธอเลยก็ว่าได้
"เราอยู่ที่ชายป่าแบบนี้ มันก็ต้องมีรอยเท้าของสัตว์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว..."
"ห๊ะ!! เรื่องปกติรึ!!" คำแพงพูดอะไรไม่ออก เธออ้าปากค้างนิ่ง เพราะว่าจันทำหน้าเรียบเฉยมาก ไม่มีท่าทีตกใจให้เห็นเลยสักนิด จนเธอนึกกลัวจันขึ้นมาอีกอย่างบอกไม่ถูก