บทที่ 4
ชิงฉางยืนอึ้งอย่างตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าเหตุผลที่ท่านป้าจางไม่ส่งอาหารไปที่เรือนของเขาเป็นเพราะต้องบำรุงซูมี่
เขาจำต้องกลับเรือนไปเพราะไม่อาจทนอับอายอยู่ที่เรือนตระกูลซูได้ เรื่องที่เขาไม่เคยมาเยี่ยมซูมี่ตอนที่นางป่วยก็นับเป็นเรื่องที่เขาละเลยไปจริงๆ
ซูมี่เมื่อล้างจานเรียบร้อยนางก็เดินออกมาจากห้องครัว ก็ทันได้เห็นแผ่นหลังของชิงฉางที่เดินจากไปแล้ว นางเลิกสนใจในตัวเขาแล้วหันมาช่วยบิดามารดากำจัดหญ้าที่อยู่ในแปลงผักแทน
ตลอดครึ่งวันเช้า ซูมี่นางช่วยเหลือบิดามารดาโดยหาได้ยาก เพราะส่วนมากเมื่อก่อนนางจะไปอยู่ที่เรือนของชิงฉางเพื่อทำความสะอาดเรือนให้เขาหรือเก็บผ้าไปซักให้เขา
ต้าหลางกับจางกุ้ยมองบุตรสาวด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ว่าบุตรสาวที่วิ่งตามคู่หมั้นอย่างชิงฉางทั้งวันจะตัดใจจากเขาได้จริง
ในตอนบ่ายซูมี่ก็ช่วยบิดาจัดการของป่าที่หามาได้ เพื่อนำไปขายในวันพรุ่งนี้ นางอยากจะนำของที่อยู่ในมิติออกมาใจจะขาด
แต่ต้องรอให้เรื่องของถิงถิงที่บิดาของนางไปสืบวันนั้นพรุ่งนี้ทำให้บิดามารดาเชื่อว่าชิงฉางต้องการจะถอนหมั้นนางเพื่อไปแต่งถิงถิงจริงๆ นางถึงจะยอมนำของออกมา
ซูมี่ช่วยเตรียมของให้บิดาเพื่อเดินทางเข้าเมือง "ท่านพ่อท่านนั่งเกวียนดีหรือไม่เจ้าคะ"
ซูมี่มองตะกร้าใบใหญ่ที่ใส่เนื้อสัตว์ป่าและสมุนไพรที่อัดแน่นเต็มตะกร้า ก็เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล เสียค่าเกวียนเพียงสองอิแปะ บิดาของนางยังยอมเดินเท้าเพื่อนำของไปขายแล้วเก็บเงินส่วนนี้ไว้ เพื่อให้ชิงฉางได้ใช้จ่ายค่าสำนักศึกษา
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่นางหูหนวกตาบอดทำให้บิดามารดาต้องเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ ต้าหลางเมื่อฟังบุตรสาวพูดเขาก็พยักหน้ารับ แต่ซูมี่ที่กลัวว่าบิดาจะไม่นั่งเกวียนก็เดินตามออกไปส่งที่หน้าหมู่บ้าน
"หายดีแล้วหรือ เสี่ยวมี่" ท่านป้าฝูภรรยานายพรานเอ่ยถามเมื่อเห็นนางเดินมาพร้อมกับบิดา
"หายแล้วเจ้าค่ะท่านป้าฝู" นางเดินเข้าไปช่วยท่านป้าฝูยกของขึ้นเกวียน
"ขอบใจมาก" ป้าฝูตบที่หลังมือของซูมี่ก่อนที่นางจะเดินขึ้นไปบนเกวียน
"อ้าว ต้าหลาง เจ้าก็จะขึ้นเกวียนหรือ" ลุงจงเจ้าของเกวียนเอ่ยถามอย่างสงสัย
เรื่องที่ตระกูลซูใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อช่วยเหลือเรื่องกินอยู่และค่าเล่าเรียนของชิงฉางมิใช่ความลับอันใด ทั่วทั้งหมู่บ้านย่อมรับรู้ บุรุษบางคนยังอิจฉาชิงฉางที่ได้ครอบครัวว่าที่ภรรยาดูแลดีเช่นนี้
ถ้าหากซูมี่มิใช่สตรีที่หึงหวงเสียหน่อยก็นับว่าชิงฉางช่างน่าอิจฉาโดยแท้ ได้ครอบครองหญิงงาม แล้วยังได้รับการดูแลที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพียงร่ำเรียนอย่างเดียว
ต้าหลางเมื่อขึ้นนั่งบนเกวียนแล้วก็โบกมือไล่บุตรสาวให้กลับเรือนไป หมู่บ้านซางซีอยู่ห่างจากเมืองเจียงซวนนั่งเกวียนเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หากเดินเท้าก็ต้องมีถึงสองชั่วยามกว่าจะถึง
เมื่อใกล้ถึงประตูเมืองต้าหลางที่นั่งอยู่ด้านหน้ากับลุงจงก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยเดินอยู่ เขาที่เห็นชิงฉางมาตั้งแต่เล็กย่อมรู้ได้ทันทีว่าบุรุษที่เดินอยู่เบื้องหน้าคือชิงฉาง เพราะตระกูลซูมิได้ให้ความช่วยเหลือชิงฉางแล้วเขาจึงต้องยอมเดินเท้าเข้าเมืองเพื่อไปสำนักศึกษา
ต้าหลางเมื่อลงจากเกวียนเขาก็จ่ายค่าเข้าเมือง และตรงไปที่เหลาอาหารเพื่อขายของที่นำมา หลงจู๊ที่เห็นต้าหลางมาถึงก็เร่งฝีเท้ามาดูของของเขาทันที ครั้งนี้เขาขายได้เงินถึงห้าตำลึง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่บุตรสาวพูดก็เอ่ยถามหลงจู๊ว่าท่านคหบดีเฉียวมีบุตรสาวที่จือเฉียวถิงถิงหรือไม่
"คุณหนูรองเฉียวมีนามว่าถิงถิงจริง เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ" หลงจู๊มองต้าหลางอย่างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่ต้าหลางนำของมาขายเขาจะไม่เคยเอ่ยถามเรื่องเกี่ยวกับในเมืองสักเท่าไร
"ไม่มีอันใดขอรับ ขอบคุณท่านหลงจู๊มากขอรับ" ต้าหลางรีบขอบคุณหลงจู๊แล้วขอตัวกลับไป
เมื่อสอบถามทางกับชาวบ้านถึงที่อยู่ของจวนเฉียวแล้ว ต้าหลางก็คิดจะไปแอบดูที่หน้าจวนเสียหน่อยเผื่อจะได้ความอันใดบ้าง
เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเมื่อถิงถิง นางลอบออกมาพบชิงฉางที่ข้างจวน ต้าหลางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบหาที่หลบเพื่อฟังบทสนทนาของทั้งคู่
"พี่ชาง เหตุใดเหงื่อถึงออกมากเพียงนี้เจ้าคะ" ถิงถิงลวงผ้าเช็ดหน้าของนางออกมาแล้วเช็ดไปที่ใบหน้าของชิงฉาง
"ข้าเดินมาจากหมู่บ้าน" ชิงฉางถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่ตระกูลซูไม่ช่วยเหลือตนแล้ว
ถิงถิงที่ไม่รู้ว่าชิงฉางมีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซู นางรู้เพียงว่าที่ตระกูลซูให้การดูแลชิงฉางเป็นเพราะบิดามารดาของชิงฉางมีบุญคุณกับต้าหลางและจางกุ้ย เมื่อบิดามารดาของชิงฉางเสียชีวิตลงจึงได้มาอยู่ในการดูแลของตระกูลซู
เมื่อชิงฉางเล่าจบ ถิงถิงนางหยิบถุงเงินออกมาแล้วยัดใส่มือชิงฉางอย่างใจกว้าง พร้อมทั้งเร่งให้เขาไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษา เรื่องที่นางคบหากับชิงฉางบิดาของนางก็เห็นด้วย เพราะชิงฉางสอบผ่านซิ่วไฉเมื่อปีที่แล้ว
เหลือเวลาอีกสองปีที่เขาจะต้องเดินทางไปสอบจวี่เหริน คหบดีเฉียวย่อมต้องอยากได้เป็นบุตรเขย
ต้าหลางที่เห็นเช่นนั้นก็รีบไปซื้อของและไปรอที่จุดขึ้นเกวียนเพื่อกลับหมู่บ้าน ตลอดทางเขานั่งนึกเรื่องที่ซูมี่พูดไว้จะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเรื่องที่นางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจนเสียชีวิตก็คงจะเป็นเรื่องจริงด้วย
ต้าหลางเมื่อลงจากเกวียนก็เร่งฝีเท้ารีบกลับเรือน แม้ใครจะชวนเขาพูดคุยเขาก็ล้วนปฏิเสธทั้งหมด เพราะเรื่องที่เขารับรู้มาจะต้องรีบนำกลับไปบอกกล่าวภรรยาและบุตรสาว เพื่อหาทางออกต่อไป