รอแล้วรอเล่า
ว่ากันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน หลังจากนั้นสองปีขณะที่ธีธัชอายุยี่สิบสองและกำลังจะจบมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ยายคะนึงก็เกิดล้มศีรษะฟาดพื้นตอนที่อยู่บ้านคนเดียว พิม แม่บ้านของหมอโยไปพบเข้าก็ตอนที่เธอไปรับคุณหนูยี่หวาที่โรงเรียนหลังเลิกเรียน และเป็นกิจวัตรประจำทุกวันที่เด็กน้อยจะต้องวิ่งพุ่งเข้าไปสวัสดีคุณยายคะนึงของเธอและหอมแก้มหลายฟอดโดยคุณยายจะเตรียมอาหารว่างของโปรดไว้ให้เธอเช่นกัน
แต่วันนั้นมันจบด้วยเสียงร่ำไห้ของทั้งเด็กน้อยและสาวใช้ เพราะคุณยายคะนึงนั้นไม่สามารถตื่นมาทำอาหารอร่อย ๆ และกอดใครได้อีกแล้ว
ทุกคนเศร้าโศกเสียใจที่สุดโดยเฉพาะธีธัช ชีวิตเขาโตมากับยาย มีเพียงยายที่คอยดูแลสั่งสอนและอยู่เคียงข้าง เมื่อขาดยายชีวิตเขาก็เหมือนว่างเปล่าเคว้งคว้างไปหมด แม้จะมีหมอโยและหนูยี่หวาคอยปลอบใจก็ตามที
ยายกับธีธัชไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไรมากนัก ตัวเขาเองที่กำลังจะจบมหาวิทยาลัยก็ยังต้องกินต้องใช้ แม้หมอโยจะยินดีอุปการะค่าเล่าเรียนทุกอย่างแต่ธีธัชก็ปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ประกอบกับทางมหาวิทยาลัยยื่นทุนเรียนต่างประเทศให้กับนักศึกษาที่เรียนดีให้ และเขาเองก็โชคดีได้เป็นหนึ่งในสามคนที่ได้ทั้งทุนเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายจนจบหลับสูตร เขาจึงตอบรับข้อเสนอนั้นทันที
คราวนี้เอง คนที่โศกเศร้าที่สุดก็คือเด็กน้อยผู้น่าสงสาร เธอร้องไห้เป็นเผาเต่าเมื่อได้รู้ว่าอาธีของเธอจะไปอยู่ต่างประเทศ เธอไม่เคยไปและไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน น้าพิมเองที่ก็ไม่เคยไปเช่นกันเล่าให้ฟังว่าจากที่เห็นในละครมันไกลมากจนต้องนั่งเรือบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นวัน ๆ จะมาหากันบ่อย ๆ ก็ไม่ได้
“ ทำไมอาธีต้องไปต่างประชาติด้วยล่ะคะ ” เด็กน้อยถามพลางสะอื้นไห้ มือใหญ่ของผู้เป็นอายกขึ้นป้ายเช็ดน้ำตาจาก สองแก้มยุ้ยออกอย่างเบามือ พลางหัวเราะที่เธอพูดผิด
“ เขาเรียกว่าต่างประเทศค่ะ ไม่ใช่ต่างประชาติ ”
“ มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละค่ะ ทำไมต้องไป อาธีไม่รักยี่หวาแล้วเหรอคะ ”
“ ทำไมยี่หวาพูดแบบนั้นล่ะคะ ถ้าไม่รักยี่หวาแล้วอาธีจะไปรักใคร ”
“ แต่อาธีจะหนียี่หวาไปนี่ ”
“ อาธีไปเรียน ไปเพื่ออนาคต เมื่อเรียนจบแล้วอาธีก็จะกลับมาหายี่หวาค่ะ ”
“ นานแค่ไหนล่ะคะ ”
“ ไม่ว่านานแค่ไหนอาก็จะกลับมา ”
“ อาธีต้องกลับมาแต่งงานกับยี่หวานะ ยี่หวาจะใส่ชุดเจ้าสาวสีชมพูแบบบาร์บี้แล้วให้อาธีให้ชุดสีม่วง ”
เธอพูดไปสะอื้นไป คำว่า ‘แต่งงาน’ นั้น เด็กน้อยพูดอย่างไม่ได้รู้ความหมายที่แท้จริง รู้แต่เพียงว่าเวลาไปร่วมงานแต่งงานกับคุณพ่อก็เห็นบ่าวสาวสวมชุดวิวาห์สวย ๆ เมื่อถามไถ่ก็ได้ความว่าพอแต่งงานกันแล้วก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป เธอจึงอนุมานเอาว่าการแต่งงานคือการได้สวมชุดสวย ๆ มีอาหารอร่อย ๆ ให้กินมากมาย มีดนตรีเพราะ ๆ และได้อยู่กับอาธีตลอดไป เช่นนั้นเธอจึงปวารณาเอาไว้ว่าจะแต่งงานกับอาธีเมื่อโตขึ้น
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“ ได้ อาจะกลับมาแต่งงานกับยี่หวาค่ะ ”
“ นานมั้ยคะ ” เด็กน้อยถามพลางน้ำตาร่วงเผาะ เขาอุ้มเธอมานั่งบนตักแล้วหอมแก้มยุ้ย ๆ ไปหลายฟอดจนเธอหัวเราะออกมาเพราะจั๊กกะจี้
“ อาสัญญาว่าจะรีบกลับมา ” เด็กน้อยยกนิ้วก้อยป้อม ๆ ขึ้นมา
“ สัญญาแล้วนะคะ ว่าจะกลับมาแต่งงานกัน ”
มือใหญ่ถูกยกขึ้นแล้วเอานิ้วก้อยเกี่ยวพันนิ้วน้อยนั้นไว้ ก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมมีน้ำตาเคลือบเจือจาง ๆ
“ สัญญาค่ะ ยี่หวาของอาธี ” แต่สัญญาของเขาที่ว่าจะรีบกลับมานั้นไม่เป็นจริงเลย ธีธัชจากไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้นับเวลาได้สิบสองปีแล้ว
ทว่าคนรอยังคงรอ รอแล้วรอเล่า ไม่เคยเป็นอื่น...
เมื่อเติบใหญ่ ความรักความผูกพันในวัยเด็กจึงได้ แปรเปลี่ยนเป็นฉันท์หนุ่มสาวโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
เขาคงเห็นคำสัญญาพวกนั้นเป็นเพียงลมปาก คงเห็นเธอเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาสินะจึงสักแต่ว่าพูดเพื่อให้เรื่องจบ ๆ ไป