ซุกซ่อนความเจ็บปวด
น้ำตาร่วงแหมะบนแก้มใส เด็กสาวยกหลังมือขึ้นป้ายเช็ด หากเธอไม่แอบได้ยินคุณพ่อพูดโทรศัพท์กับเพื่อนก็คงไม่รู้ความจริงใด ๆ เลย
‘ ยัยวิ แกจะมางานแต่งเจ้าธีหรือเปล่า...
เออ นั่นแหละ คนนั้นแหละที่เตะบอลเก่ง ๆ สูง ๆ ผิวเข้ม ๆ หน้าหล่อ ๆ น่ะ...
พอเรียนจบมันก็ไปอยู่ต่างประเทศตลอดเลยไง...
แต่งกับคนไทยนี่แหละ เห็นว่าเจอกันที่นู่น...
ฉันก็ถึงได้บอกแกเนิ่น ๆ ไง เอาเป็นว่ามานะ จะได้บอกพวกเพื่อน ๆ นาน ๆ จะได้รวมตัวกันที...
โอเค เจอกัน... ’
หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วราวกับจะทะลุออกมานอกอก มือไม้สั่นเทาไปหมด อาธีจะแต่งงานงั้นเหรอ !
เธอวิ่งเข้าห้องนอน ล็อคประตูแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ร้องไห้จนตาบวมแดงก่ำ
สิบสองปีที่ผ่านมานั้น แรก ๆ อาธีจะโทรศัพท์กลับมาหาเธอกับคุณพ่อเดือนละครั้ง แต่เพราะค่าโทรศัพท์มันแพงมากและอีกอย่างอาธีก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คุณพ่อจึงบอกให้ เขาประหยัดเงินไว้ใช้จ่าย หลัง ๆ มาจึงกลายเป็นปีละสองสามครั้ง และสามปีหลังมานี้เขาเงียบหายไปเลย ทั้งที่การสื่อสารสะดวกสบาย ทำได้แม้กระทั่งโทรศัพท์เห็นหน้ากันและไม่สิ้นเปลืองอะไรมากนัก แต่อาธีก็ไม่ทำ
ไม่ติดต่อ ไม่กลับมาแม้สักครั้ง...
แต่ยี่หวาก็ยังคงคอย คอยอาธีกลับมาทำตามสัญญา แต่ก็ไร้วี่แวว พอบทจะกลับมาก็กลับมาในรูปแบบของการแต่งงานกับคนอื่นงั้นเหรอ !
“ คนใจร้าย อาธีใจร้ายที่สุด ! ”
เด็กสาวแอบร้องไห้อยู่เป็นนาน หมอโยสังเกตเห็นว่าลูกสาวดูเงียบขรึมไปก็ถามไถ่ เธอก็ได้แต่ตอบพ่อว่า ปวดศีรษะ เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย แต่พ่อของเธอยิ้มกว้างแล้วเข้ามาปลอบโยนพร้อมกับข่าวดีที่ท่านคิดว่าเธอจะดีใจที่สุด
“ พ่อมีข่าวดีมาบอก ”
“ อะไรเหรอคะคุณพ่อ ”
“ อาธีจะกลับมาจากต่างประเทศแล้วนะ จะกลับมาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย ”
ใช่สิ เขาจะกลับมาอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่อยู่กับภรรยาที่กำลังจะแต่งงานด้วยอย่างไรล่ะ !
เธอได้แต่ยิ้มขื่น ซุกซ่อนความเจ็บปวดไว้ให้ลึกสุดใจ ฝืนปั้นหน้าสดชื่นสนทนากับบิดาต่อ
“ ดีจังเลยนะคะ ”
“ ใช่แล้ว หายเครียดได้แล้วนะ มีข่าวดีขนาดนี้มาบอก เอาล่ะ พ่อขอตัวไปทำงานก่อน มีเคสด่วนที่โรงพยาบาลพึ่งโทรมาตาม ยี่หวาเดี๋ยวออกไปทานมื้อเย็นด้วยนะ วันนี้น้าพิมเขาทำห่อหมกปลาทับทิมแบบไม่เผ็ดสูตรของคุณยายคะนึงไว้ เพราะรู้ว่าหนูชอบกิน ฝีมืออาจไม่ทัดเทียมแต่ก็น่าจะพอไหว พ่อชิมแล้วใช้ได้เลยทีเดียว แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีใครทำอร่อยเท่ายายคะนึงเลยสักคน ไม่สิ ๆ มีอยู่คนที่ทำได้รสชาติเดียวกันเป๊ะ ก็เจ้าธียังไงเล่า ” หมอโยพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ เดี๋ยวพอมันกลับมาพ่อจะให้มันทำให้กินเสียให้หนำใจ เอาล่ะ พ่อก็มัวแต่พูดมาก ต้องไปทำงานแล้วนะลูกนะ เดี๋ยวสาย ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ”
“ ค่ะคุณพ่อ ” เธอรับคำแต่ก็กลับไปจมอยู่กับน้ำตาและความขมขื่นทันทีที่ประตูห้องปิดลง
เธอไม่เข้าใจอาธีเลย ถ้าจะไม่ทำตามสัญญา ทำไมไม่บอกกันนะ ทำไมต้องปล่อยให้รอ ทำไมต้องใจร้ายกับเธอแบบนี้ !
จากวันที่เธอแอบได้ยินคุณพ่อคุยโทรศัพท์จนได้ทราบความจริงนั้น นับมาถึงวันนี้ก็ร่วมสองอาทิตย์แล้ว แต่ความเจ็บปวดยังคงฝังแน่นไม่จางหาย มีเพียงน้ำตาที่มันคงเรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง ไม่ใจง่ายร่วงเผาะทันทีที่นึกถึงเขาอีกแล้ว
แต่ทันทีที่ได้ยินน้าพิมบอกเมื่อครู่ว่าอาธีธัชมาถึงแล้ว ทำไมหัวใจมันเต้นแรงแบบนี้ก็ไม่รู้ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ๆ ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่สนใจเขาอีก
ใจร้ายมาก็ใจร้ายกลับ ไม่โกง !
แต่ใจมันก็ไม่ได้แข็งอย่างปากว่าหรือตั้งปณิธานไว้
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งเฮือก
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวตะโกนกลับไปอย่างหงุดหงิด
“ น้าพิมขา ยี่หวาบอกแล้วไงคะว่าจะรีบทำการบ้านไม่ต้องมาตามอีกแล้วนะคะ ยี่หวาไม่ไปต้อนรับใครทั้งนั้นล่ะค่ะ เสียเวลาทำงาน ” เธอกระแทกเสียงประชดประชันใส่คนที่คิดว่าเป็นน้าพิม ทว่าเสียงที่ตอบกลับมานั้นคือเสียงทุ้มนุ่มของคนอื่นแทน