บทที่ 4 เที่ยว
“ขอบใจนะหนูลิน” วีระเดชจบคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาแฟชั่นดีไซน์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯที่เดียวกับบุลินและเพื่อนแต่คนละคณะ ตอนแรกเขาว่าจะไปทำงานกับรุ่นพี่ดูก่อนเพื่อหาประสบการณ์แต่พี่ชายบอกว่าในเมื่อเราอยากทำงานของเราเองต้องกล้าทำหากมันประสบความสำเร็จก็จะต่อยอดไปได้แต่ถ้าไม่ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไปจึงเป็นแรงผลักดันให้วีระเดชคิดจะสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมาจริงๆ
“แกเตรียมตัวนะอีกยี่สิบนาทีลินมารับ”
“ครึ่งชั่วโมง” วีรเดชต่อรองเพื่อน
“ไม่ได้ ถ้าลินบีบแตรสามครั้งแกไม่ออกมาลินจะไม่รอ ดูปากนะ ไม่รอ จบนะ” บุลินพูดแล้วเดินออกไปปล่อยให้เพื่อนรักบ่นตามหลัง
“อะไรของแกนะชะนีหนูลิน บ้าไปแล้วแต่งตัวยี่สิบนาทีกระเทยที่ไหนจะไปทันล่ะ” วีรเดชบ่นกระปอดกระแปดตามหลังเพื่อน
“ถ้าแกยังนั่งบ่นอยู่ก็ไม่ทันหรอกนะวีวี่” บุลินชะโงกหน้าเข้ามาบอกเพื่อนอย่างขำๆแล้วเดินกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำธุระให้คุณตา
“ยายจ๋าทำอะไรอยู่คะ” บุลินเดินไปหายายในครัวท่านกำลังทำขนมสาคูไส้หมูที่เธอชอบ
“ทำสาคูใส้หมูน่ะลูก”
“เพี้ยะ..”
“โอ้ยย คุณยายอ่ะ..”
“ไปล้างมือก่อนลูก ไม่งั้นไปหยิบซ่อมมา” คุณยายตีมือหลานสาวที่เอื้อมไปเกือบถึงถาดใส่สาคูใส้หมูของโปรดของเธอ อ้อ ของคุณตาด้วย
“ลินขอชิมก่อนชิ้นหนึ่งไม่ได้เหรอคะ” เสียงหวานออดอ้อนคุณยายที่ยิ้มหวานให้หลานสาวแต่ไม่ใจอ่อน
“ไม่ได้จ้ะ เป็นสาวเป็นนางเรียบร้อยหน่อยสิลูก”
“โอ้ย ลินยังเด็กอยู่เลยนะคะคุณยายขา”
“ไปล้างมือแล้วเรียกคุณตามากินของว่างเถอะลูก” คุณอำไพบอกหลานสาว
บุลินเลือกทำงานใกล้บ้านเพราะเป็นห่วงตากับยายถึงแม้จะเป็นโรงแรมเพื่อนรุ่นพี่ของคุณตาแต่เธอก็สมัครงานตามกฎระเบียบทุกอย่างและผ่านเกณฑ์ของโรงแรมหรูในตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่อัตราค่าจ้างสูงตามความสามารถของเธอที่พูดได้ถึงห้าภาษาทั้ง อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่นไม่รวมภาษาไทยที่เธอใฝ่เรียนรู้
“ค่ะคุณยาย อ้อ คุณยายขาลินจะไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนนะคะ”
“บอกคุณตาหรือยังลูก”
“บอกแล้วค่ะลินจะไปพรุ่งนี้ตอนสายค่ะ”
“อ้าว ไปพรุ่งนี้เหรอ”
“ค่ะคุณยาย ยัยพวกนั้นมันว่างตรงกันพอดีก็เลยนัดกันไปเที่ยวบ้านยัยนารากันค่ะ”
“อ่อ พ่อเดชไปด้วยเหรอลูก”
“ค่ะคุณยาย"
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"
"ลินจะดูแลตัวเองอย่างดีเลยค่ะ งั้นลินไปเอาปุ๋ยให้คุณตาก่อนนะคะ” บุลินบอกคุณยายแล้วเธอก็ขึ้นไปหยิบกระเป๋าบนห้องก่อนจะขับรถกระบะโฟวิลสี่ประตูไปรับเพื่อนรักที่บ้านเข้าเมืองด้วยกัน
วันถัดมาบุลินกับวีรเดชนัดเพื่อนสาวเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่วีรเดชก็ให้รถที่บ้านไปส่งที่สนามบินพร้อมกับบุลิน
“ยัยปีมาถึงหรือยังนะแก” วีรเดชมองหาเพื่อนสาวอีกคนที่นัดกันไว้
“เดี๋ยวลินโทรหาก่อนนะ” บุลินพูดจบก็โทรหาเพื่อนทันที “แกอยู่ไหนยัยปี”
“แกหันมาทางขวาสิยัยหนูลิน” ปียาดา วัชรบวร หรือ ปี ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทยชาววังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยของอาหารชาววังสมัยโบราณ ร้านเรือนไทย ตั้งอยู่กลางเมืองเป็นร้านแรกที่ตกแต่งบ้านเรือนไทยสมัยโบราณที่เป็นมรดกมาทำเป็นร้านอาหารที่ร่มรื่นท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่มีสระบัวอยู่ตรงกลางมีสะพานเชื่อมศาลากลางน้ำและยังมีมากกว่าสิบสาขาตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ของเมืองไทย ปียาดามีพี่น้องสามคนเธอเป็นคนเล็กสุดมีพี่ชายสองคนที่ดูแลกิจการของครอบครัว
“ทางขวามือวีวี่” บุลินบอกเพื่อนสาวแล้ววางสายก่อนจะเดินไปหาปียาดาที่ยืนยิ้มแป้นกางมือรอกอดเพื่อนรักที่ห่างกันแค่สองสามเดือนเองมั้ง
“คิดถึงพวกแกจังเลยอ่ะ” ปียาดากอดเพื่อนทั้งสอง
“วีวี่ก็คิดถึงแกยัยปี อ้อ มีของฝากจากโมนาโกมาให้แกด้วย” วีรเดชบอกเพื่อนรักที่ทำตาโต
“ขอบใจนะวีวี่รักแกจังเลยแต่คราวหน้าปีขอหนุ่มโมนาโกหล่อล่ำสักคนดีกว่านะ คิกคิกๆ..” ปียาดาพูดแล้วหัวเราะ
“พอดีเลยวีวี่มีพี่ชายสองคน ยกพี่ภูผาให้หนูลินยกพี่นาวาให้แกนะยัยปี ตกลงม๊ะ” วีวี่บอกเพื่อนรักเล่นๆ
“ยกให้ลินจริงนะ อย่าคืนคำล่ะวีวี่ คริคริๆ..”
“ใช่ๆ ว่าแต่หล่อมั้ยอ่ะแก” ปียาดาถามอย่างขำๆพวกเธอมักจะหยอกล้อเรื่องหนุ่มๆเป็นที่สนุกกันบ่อยๆบางทีก็เอาพี่ชายของเธอมาเล่นด้วย
“หล่อสิ แต่แกต้องเอาพี่ชายของแกมาแลกนะยัยชะนีปี ฮ่าฮ่าๆๆ..” วีรเดชหัวเราะเสียงดังเมื่อเพื่อนทำหน้าเบะปากใส่เธอ
“ก็ว่าแล้วเชียว ไปเถอะเขาประกาศให้ขึ้นเครื่องแล้ว” ปียาดาชวนเพื่อนไปขึ้นเครื่องตามหมายเลขที่พนักงานประกาศโดยมีกระเป๋าเป้ขนาดกลางคนละใบ
“แกจะไปต่อโทจริงๆเหรอปี” บุลินถามเพื่อนที่บอกเธอว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะมีญาติอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
“ที่จริงปีก็ไม่อยากไปหรอกนะ อยากเรียนต่อที่เมืองไทยมากกว่า แต่ที่บ้านอยากให้ไปน่ะสิแล้วหนูลินล่ะไม่ต่อโทจริงๆเหรอ” เธอขัดพ่อแม่ไม่ได้จึงต้องไปเพราะท่านตามใจเธอให้เรียนในสิ่งที่ชอบแต่ท่านขอให้ไปเรียนโทเธอจะเรียนอะไรก็ได้ขอให้จบโทเท่านั้น
“ลินว่าจะทำงานสักปีหนึ่งก่อนค่อยต่อแต่ที่เมืองไทยนะจ้ะ ไม่อยากรบกวนแม่น่ะ” ที่จริงทั้งคุณตาคุณยายแม่และพ่อเลี้ยงก็อยากให้ต่อโทเลยแต่บุลินปฏิเสธเธออยากทำงานเก็บเงินเรียนต่อเองมากกว่า
“ดีจังลินได้เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วแกล่ะนังวีวี่จะทำอะไรต่อหรือนั่งกินนอนกินให้แม่เลี้ยงยะ” ปียาดาถามเพื่อนสาวที่มองหนุ่มฝรั่งตาปรอย
“เฮ้อ แกนี่ช่างขัดจังหวะฉันจริงๆนะชะนีปี ดูสิเหยื่อฉันรู้ตัวแล้ว”
“ปีเห็นแกจะกินเขาน่ะสิถึงได้เรียกแก ฮ่าฮ่าๆๆ..” ปียาดาหัวเราะขำเพื่อนสาวที่กระเง้ากระงอดใส่เธอ
“เอาไว้ค่อยคุยพร้อมกันดีกว่า ตอนนี้ขอดูอาหารตาก่อนพวกชะนีอย่าขวางนะเพื่อนขอร้อง” วีรเดชพูดแล้วสะบัดหน้าไปทางหนุ่มฝรั่งรูปหล่อที่นั่งอยู่อีกฝั่งทำให้บุลินกับปียาดายิ้มขำเพื่อนสาว
เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่หรือท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ทั้งสามก็ออกจากเครื่องเดินเข้าไปในสนามบินก็มองหา นารา วรบดี หรือเตย เพื่อนรักชาวเชียงใหม่ที่ชวนมาเที่ยวบ้านเพราะเรียนจบแล้วทุกคนก็ต้องไปทำงานหรือเรียนต่อก็จะทำให้ได้เจอกันยากขึ้นช่วงนี้จึงนัดรวมตัวกันได้ง่าย
“เฮ้ เพื่อนรักทางนี้จ้า" เสียงนาราสาวร่างเล็กอวบอั๋นดังลั่นอย่างไม่อายใครโบกมือให้เพื่อนรักแล้วต่างก็โผกอดกันเหมือนจากกันไปเป็นปีทั้งที่แค่สองสามเดือนเองอย่างน้อยในวันรับปริญญาที่จะถึงพวกเธอก็จะได้เจอกันอีก
“คิดถึงพวกแกจังเลยไปเถอะจะได้คุยกันให้สะใจไปเลย แต่พวกแกมาแค่สี่วันเองเหรอ” นาราถามเพื่อนอย่างเสียดายแต่ละครั้งที่เพื่อนๆมาเที่ยวก็ห้าวันเป็นอย่างต่ำแต่ครั้งนี้บุลินต้องกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเริ่มทำงานในวันที่หนึ่งมีนาที่จะถึงนี้จึงทำให้อยู่เที่ยวได้สี่วัน