บทที่ 4 ผู้หญิงคนนั้นที่เธอเกลียด(3)
"กั้งคือแม่.."
"คุณไปซะแล้วก็ไม่ต้องกลับมาฉันจะจำไว้ว่าฉันไม่มีแม่อย่างคุณและคุณก็ไม่ใช่แม่ฉันอีกต่อไป เจอกันที่ไหนขอเพียงแค่คุณเดินผ่านไป ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันแต่ยังไงก็ขอบคุณที่คลอดฉันออกมาแทนที่คุณจะเอาออก!"
ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่เอื้อมมือมาที่เธอเหมือนจะจับเธอเอาไว้ เธอจ้องไปที่ดวงตาของคนที่ได้ชื่อว่าแม่น้ำตาที่ไหลออกมาเธอไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือการเสแสร้งของผู้หญิงคนนั้นแต่เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้วเธอสะบัดแขนหนีเบี่ยงตัวไม่ให้คนตรงหน้าแตะตัวเหมือนขยะแขยงและมันเป็นเรื่องจริง เธอไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดออกมาจากปากเธอและนั่นเป็นครั้งสุดท้าย
เธอหันหลังวิ่งเข้าบ้านปิดประตูเสียงดัง จบสิ้นกันทีกับความเป็นแม่ลูกเธอไม่มีน้ำตาให้ผู้หญิงคนนั้นมีแต่ความเกลียดชังที่ผู้หญิงคนนั้นสวมเขาให้พ่อเธอ ทุกการกระทำของผู้หญิงคนนั้นมันตอกย้ำว่าผู้หญิงคนนั้นใจร้ายใจดำขนาดไหน และนั่นทำให้ตัดขาดได้อย่างไม่ลังเล เพราะสิ่งที่พูดออกมายิ่งทำให้เธอใจแข็งถึงเธอจะเจ็บปวดแต่เธอกักเก็บเสียใจลงลึกในใจ เธอก้าวเข้าไปในบ้านมองหาพ่อของเธอโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลังสิ่งที่เธอสนใจตอนนี้คือความรู้สึกของพ่อเธอในใจวูบโหวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งไม่เห็นว่าพ่ออยู่ตรงนั้นเธอก็วิ่งไปบนชั้นสองที่เป็นห้องนอนของท่าน ทันทีที่เปิดเข้าไปเธอก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่งเธอวิ่งเข้าไปกอดขาพ่อที่กำลังเอาศีรษะเข้าไปในห่วงที่ใช้ผูกคอและเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของเธอพร้อมเสียงเรียกพ่อนั้นคงทำให้พ่อเธอได้สติว่าท่านยังมีลูกสาวอีกคน
เธอร้องไห้โวยวายอยู่แบบนั้นทั้งที่พ่อของเธอลงมาแล้วแต่เพราะความกลัว กลัวว่าพ่อจะคิดสั้นอีกเธอจึงร้องระงมอย่างห้ามไม่ได้พอท่านได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของเธอพ่อก็ลงมาจากเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงกับพื้นทันที เสียงร้องไห้ที่เธอไม่เคยได้ยินสักครั้งออกมาจากปากท่านไม่หยุดทำให้เธอรู้ว่าพ่อรักผู้หญิงคนนั้นมากขนาดไหนทั้งยังคำพูดที่พร่ำบอกว่า 'ไปแล้ว..แม่ไปแล้ว' นั่นยิ่งได้ฟังก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในหัวใจ เธอสงสารพ่อที่เอาแต่ร้องเรียกผู้หญิงคนนั้นและเกลียดผู้หญิงคนนั้นไปพร้อมกัน เธอกอดพ่อและปลอบท่านพูดว่าไม่เป็นไรถึงผู้หญิงคนนั้นจะไปแล้วแต่เธอจะไม่มีวันทอดทิ้งท่านแน่นอน
และนั่นก็เหมือนทำให้พ่อได้สติมากขึ้น ท่านหันมามองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วก็รั้งตัวเธอเข้าไปกอดท่านกล่าวขอโทษเธอซ้ำ ๆ และพูดขอบคุณที่เข้ามาทันเราสองคนนั่งร้องไห้กอดกันอยู่แบบนั้นหลังจากพวกเราผ่านเหตุการณ์ในวันนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงผู้หญิงใจร้ายคนนั้นอีกเลย แต่เธอยังรู้ดีว่าพ่อยังรักและรอคอยว่าวันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นจะกลับมา
เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องรับผลกระทบจากสิ่งที่คนได้ชื่อว่าคลอดเธอออกมาพูดตอกย้ำว่ามันเป็นเพราะความผิดพลาดและไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เกิด และยิ่งผู้หญิงคนนั้นทิ้งพ่อเธอไปอย่างไม่ลังเลขนาดพ่อเธอร้องไห้อ้อนวอนยังไม่มีผล ถือว่าผู้คนนั้นใจร้ายมากจริง ๆ และเธอก็เกลียดผู้คนนั้นเข้ากระดูกดำและคิดว่าหากเธอไม่เข้ามาช้าไปสักนิดตอนนี้เธอคงเป็นเด็กกำพร้าไปแล้ว เธอโกรธและเกลียดและมันกลายเป็นสิ่งที่เกาะลึกลงไปในหัวใจ
พวกเราย้ายจากบ้านหลังนั้นออกมาเพราะพ่อได้ย้ายไปสอนที่โรงเรียนใหม่ที่อยู่แถวชานเมืองและยังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพ่อย้ายไปอยู่บ้านพักครูที่ได้รับเป็นสวัสดิการ ส่วนเธอก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สอบชิงทุนได้
เรื่องราวทั้งหมดผ่านมาด้วยดีถึงแม้ว่ามันจะยากสำหรับพ่อเธอแต่ถึงอย่างนั้นเราก็จับมือผ่านมาได้เธอออกมาอยู่ที่หอพักแต่ก็กลับไปหาพ่อเธอทุกอาทิตย์แต่พอเธอเรียนจบปริญญาตรีเธอเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยถึงแม้ว่าพ่อจะบอกว่าให้เธอตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็ตาม แต่เธอก็พิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าเธอสามารถทำงานไปพร้อมกับเรียนไปด้วยและรักษาผลการเรียนได้เป็นอย่างดีเธอยังรักษาระดับผลการเรียนที่ไม่มีใครขึ้นมาแซงเธอได้
เพราะความสามารถของเธอจึงได้ทุนไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอกับพ่อห่างกันนานแต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็เธอก็จบและกลับมาด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง
หลังจากกลับมาเธอก็เข้ามาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเพื่อชดใช้ทุนทุกอย่างเป็นความสุขที่เธอไม่คิดอยากจะไปขวนขวายหาความสุขที่ไหนอีกแต่ไม่คิดว่าความสุขของเธอจะหายไปไวขนาดนี้
ในวันหนึ่งขณะที่เธอเพิ่งสอนจบเบอร์โทรแปลก ๆ ก็โทรเข้ามาเธอกดรับและสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาร่างเล็กของสั่นไหวหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมเมื่อรับรู้ว่าบิดาที่เหลืออยู่เพียงเดียวตอนนี้กำลังอยู่ในห้องฉุกเฉินทันทีที่ได้ยินเธอทรงตัวแทบไม่ไหวยังดีที่ตอนนั้นเป็นคาบวิชาสุดท้ายที่เธอสอน และนักศึกษาพากันออกไปหมดแล้ว เธอทรุดลงนั่งบนเก้าอี้แล้วตั้งสติรับฟังสิ่งที่ปลายสายพูด
คนที่โทรหาเธอคือครูคนหนึ่งที่เป็นคนพาพ่อของเธอมาส่งโรงพยาบาล เขาบอกว่าพ่อของเธอล้มหัวฟาดพื้นและนั้นเป็นสาเหตุของโรคร้ายที่น่ากลัว
หลังจากตั้งสติเธอก็ตรงไปที่โรงพยาบาลทันทีและก็เป็นช่วงจังหวะที่พ่อเธอออกจากห้องฉุกเฉินพอดีหลังจากที่พวกเขาพาท่านไปที่ห้องพักผู้ป่วย คุณหมอที่รับเคสของพ่อให้เธอเข้าไปคุยเรื่องโรคที่พบและสิ่งที่เธอได้ฟังก็เหมือนกับฟ้าถล่มลงตรงหน้า
โรคหัวใจที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นมาตั้งแต่เมื่อไรแต่ตอนนี้กลับปรากฏชัดและเธอรู้ว่าพ่อต้องรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่นอนเพราะท่านมีสวัสดิการตรวจโรคฟรีทุกปีและมันครอบคลุมหลายโรคและคุณหมอบอกว่าประวัติท่านได้ลงเอาไว้ถึงโรคที่ท่านเป็น แต่พ่อก็ไม่เคยปริปากบอกเธอเลยสักครั้งและคงเป็นความประมาทเลินเล่อของเธอเองที่ฟังแต่คำพูดของพ่อว่าไม่เป็นอะไร สบายดีทุกครั้งที่ไปตรวจถ้าพ่อไม่ล้มหัวฟาดพื้นเกรงว่าเธอก็คงไม่รู้
บนเตียงนอนคนไข้รวมของโรงพยาบาลรัฐที่พ่อนอนพักฟื้น ดูตาคู่สวยที่บอบช้ำมองดูพ่อของเธอที่นอนห้องพักรวมด้วยความรู้สึกจุกหน่วงในหัวใจ เพราะสวัสดิการที่มีอยู่ได้เพียงเท่านี้ แต่เธอทำใจไม่ได้ที่ต้องมาเห็นพ่อนอนที่ห้องรวมเธอจึงขอย้ายไปห้องที่ดีกว่านี้
หลังจากพ่อเข้ามาพักในห้องพักส่วนตัว หลากหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งความทุกข์และความสุขตลอดหลายปีของเราสองคนไม่มีวันไหนที่เธอจะคิดถึงตอนที่พ่อจะไม่อยู่กับเธอแล้ว ดวงตาทอประกายอ่อนแสงมองใบหน้าชายชราที่เริ่มแก่ลงทุกวัน วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปแต่ความรักของพ่อเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากวันนั้นจนถึงตอนนี้พ่อเธอยังเป็นห่วงเธอเสมอและเธอก็รักพ่อมากเช่นกัน เรามีเพียงแค่สองคนเท่านั้น
มืออันแสนบอบบางจับกุมไปที่มือหยาบแห้งกร้านด้วยความตั้งใจแน่วแน่เธอต้องหาเงินมารักษาพ่อของเธอให้ได้ เธอปล่อยให้พ่อนอนพักผ่อนและก็ออกมาเพื่อจะไปปรึกษาคุณหมอเรื่องค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากสวัสดิการที่ได้รับ เพื่อเธอจะได้หาหนทางในการหาเงินมาเตรียมสำรองไว้
กุนณฉัตรออกมาจากห้องผู้ป่วยด้วยความเลื่อนลอยใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะสายตาอันพร่ามัวจากม่านน้ำตาที่ยังไหลรินออกมาไม่ขาดสาย