บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3-1 เทศกาลโคมไฟ

“ลำบากท่านแล้ว”

ริมฝีปากเล็กยกยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินผู้เป็นพี่ชายเอ่ยประโยคนี้ บุรุษหนุ่มที่มีความมั่นใจอยู่ก่อนหน้าเกิดความระแวงขึ้นมาทันทีเมื่่อเห็นว่าอีกฝ่ายวางหมากโดยใช้สติปัญญาเข้าช่วย เขาพยายามสงบแล้วแท้ๆ แต่ก็มิอาจต้านทานความเก่งกาจของเด็กชายตรงหน้าได้ ไหนจะเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนเคียงข้างคอยช่วยพี่ชายของนางอีก

“เก่งจริงๆ หนูน้อยทั้งสอง เจ้าเป็นลูกหลานจากตระกูลใดกันหรือ” ผู้คนที่มามุงดูการประลองในครั้งนี้เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสนใจ

“คุณชายใหญ่กับคุณหนูสี่ของพวกข้าเป็นบุตรชายคนโตและบุตรีคนเล็กของใต้เท้าฉีและฉีฮูหยิน”

พอได้ยินเช่นนั้นเสียงปรบมือก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก มีผู้ใดบ้างในเมืองตงหลางจะมิรู้จักสกุลฉี เพราะใต้เท้าฉีที่ว่าก็คือเจ้าเมืองตงหลาง เจ้าเมืองที่ทำหน้าที่เจ้าเมืองได้อย่างดีเยี่ยม จนชาวเมืองต่างยกย่องให้เขาเป็นขุนนางที่มีความตงฉิน ซื่อสัตย์ สุจริตเห็นแก่ส่วนรวมของบ้านเมือง

“คุณชายกับคุณหนูทั้งสองช่างเก่งกาจนัก ข้าน้อยขออภัยที่ใช้วาจาล่วงเกิน ข้าน้อยยอมรับความพ่ายแพ้” บุรุษที่เป็นคู่ประลองเอ่ยออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นมาขออภัยสองเด็กน้อย

“มิเป็นไรหรอก ท่านก็เก่ง เพียงแต่ท่านต้องมีสติและรู้จักถ่อมตนมากกว่านี้”

ฉีอันหลงเอ่ยออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วจูงมือน้องสาวเดินออกจากวงหมากล้อมไปท่ามกลางเสียงชื่นชมจากเหล่าผู้ที่มามุงดูการประลอง โดยมิลืมที่จะคว้ามือสหายคนสนิทของน้องสาวที่ยืนปรบมือให้เขาและน้องสาวเมื่อครู่ให้เดินออกมาจากวงหมากล้อมนั้นด้วย

“ท่านพี่อันหลงกับอันหนิงจะไปที่ใดกันต่อหรือเจ้าคะ” ซ่งเจียวซินเอ่ยถามพี่ชายคนโตของสหายคนสนิท

“พี่จะพาน้องหญิงสี่ไปโยนศร น้องเจียวซินอยากไปกับพวกเราด้วยหรือไม่” เขาตอบนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกับนายหญิงให้กลับไปหาที่โรงเตี๊ยมอู่เซียว” สาวรับใช้ที่ติดตามคุณหนูรองมาเอ่ยทักท้วงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าคุณหนูนั้นอยากจะติดตามสหายสนิทไป

“อ้อ… อืม อันหนิง ข้าคงไปกับเจ้าด้วยมิได้แล้วล่ะ ขอให้คืนนี้สนุกนะ แล้วเจอกันที่สำนักศึกษาจ้า”

ซ่งเจียวซินเอ่ยออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กหญิงเป็นบุตรีที่เชื่อฟังบิดาและมารดาเป็นที่สุด แค่พวกท่านอนุญาตให้นางเดินมาเที่ยวตามลำพังกับพวกสาวรับใช้ เพียงเท่านี้ก็มากพอสำหรับนางแล้ว

“จ้า… เจ้าไปเถอะ ข้ากับพี่ใหญ่ก็จะไปเช่นกัน”

ฉีอันหนิงบอกอย่างเข้าใจ คุณหนูรองสกุลซ่งคำนับลาพี่ชายของสหายคนสนิทก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับสาวรับใช้และบ่าวชายที่ติดตามเจ้าของร่างเล็กมาถึงสี่คน สองพี่น้องมองนางก่อนที่จะเดินจับมือกันไปตามเส้นทางที่ไปยังสถานที่ประลองโยนศรในงานเทศกาลหยวนเซียวในค่ำคืนนี้

เมื่อถึงสถานที่ประลองก็พบว่ามีผู้ที่สนใจเข้าร่วมประลองหลายคน ฉีอันหนิงที่เชี่ยวชาญในการโยนศรให้ลงเป้าเสนอตัวทันทีเมื่อมีการเอ่ยถามถึงผู้ท้าชิงคนต่อไป หลายคนมองมาต่างพากันขำขัน เพราะมิคาดคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ เช่นนั้นจะชนะผู้ใหญ่ตัวโตที่มีช่วงแขนยาวได้

“แม่นางน้อย ข้าจะต่อให้เจ้าห้าดอก” บุรุษที่อายุน่าจะเกินยี่สิบปีเอ่ยขึ้นก่อนที่ผู้คนรอบๆ จะพากันยิ้มออกมาให้กับความกล้าของเด็กหญิง

“มิต้องหรอกเจ้าค่ะ นับตามความเป็นจริงเถิด” ฉีอันหนิงเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ผู้เป็นพี่ชายคนโตยกยิ้มที่มุมปาก ผู้คนเหล่านี้ดูถูกน้องสี่ของเขามากเกินไปแล้ว

“ฮ่าๆๆๆ เด็กน้อย เจ้าต้องการเช่นนั้นเองนะ ข้ามิได้บังคับ หากเจ้าจักต้องอับอายในค่ำคืนนี้เจ้าจะมาโทษข้าว่ารังแกเจ้ามิได้หรอกหนา” บุรุษหนุ่มผู้ที่ถูกเด็กหญิงท้าประลองถึงกับเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างดูถูกเย้ยหยัน

“รอให้การประลองจบก่อนเถิด แล้วท่านค่อยหัวเราะน้องสาวของข้าก็ยังมิสาย” ฉีอันหลงเอ่ยออกมาด้วยความมิพอใจที่บุรุษผู้นี้นั้นหัวเราะน้องสาวของตน

“เอาล่ะ การประลองรอบนี้จะเป็นการโยนให้ลงเป้า ทั้งหมดมียี่สิบดอก ให้ลงเป้าได้มิเกินสองดอกต่อหนึ่งเป้า”

ผู้ที่จัดการประลองเอ่ยกติกาการประลองออกมา ผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาต่างก็หยุดชมการประลองระหว่างบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงที่มีช่วงแขนที่ยาวกับเด็กหญิงที่มีรูปร่างเล็ก

“จะชนะได้เช่นไรกันตัวเล็กเช่นนี้” สตรีผู้หนึ่งแสดงความคิดเห็นของนางออกมา

“นั่นสิ ดูแขนก็รู้แล้วว่ามิมีทางจะชนะได้หรอก” บุรุษที่ยืนชมอยู่ก่อนหน้าแสดงความคิดเห็นเช่นกัน

“พวกท่านอย่าเพิ่งตัดสินกับสิ่งที่เห็น แต่จงดูให้จบก่อนเถิด แล้วพวกท่านจะรู้ว่าคุณหนูสี่ของพวกข้าน้อยนั้นมิใช่เด็กน้อยที่พวกท่านจะมาดูถูกนางได้” ซุนซุนเอ่ยออกมาด้วยความมิพอใจ แต่นางเป็นเพียงบ่าวรับใช้จึงมิอาจแสดงความคิดเห็นออกมาได้มากมาย

การโยนศรลงกาปากสูงที่เรียงกันสิบกาเริ่มต้นจากฝ่ายบุรุษหนุ่มที่มีสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจกับการโยนลูกศรของตน เพราะตั้งแต่งานเริ่มมายังมิมีผู้ท้าชิงคนใดสามารถล้มเขาได้ เขาเดินไปหยิบลูกศรที่ทำมาจากไม้ไผ่แล้วทำเหมือนลูกธนูขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนที่จะเริ่มโยนศรดอกแรกให้ลงปากกาสูงอันแรก

ศรดอกแรกที่ลอยออกจากมือของบุรุษหนุ่มเข้าไปยังเป้าได้อย่างแม่นยำ ศรดอกที่สองที่ถูกโยนออกไปก็เข้าไปในเป้าเดียวกันอย่างง่ายดาย ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ บุรุษหนุ่มผู้ถูกเด็กหญิงตัวน้อยท้าประลองค่อยๆ โยนศรไปจนเหลือสองดอกสุดท้าย แต่เพราะความชะล่าใจ ความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตนเองที่อยากจะแสดงให้ผู้ชมได้เห็นว่าเขาเก่งกาจ

เขาโยนมันออกไปพร้อมกันทั้งสองดอก แต่แล้วลูกศรดอกหนึ่งกลับกระเด็นออกจากปากกา ทำให้เขาเสียแต้มไปหนึ่งแต้ม ใบหน้าที่เย่อหยิ่งก่อนหน้าฉายแววสลดลงเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นเช่นเดิมเพียงเวลาไม่นาน เขามั่นใจว่าเด็กน้อยผู้นี้มิอาจจะชนะเขาไปได้ เพราะมองเช่นไรนางก็เป็นเพียงแค่เด็กหญิงคนหนึ่งที่ดูมิได้เก่งกาจเลยสักนิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel