3
Chapter 3
วายุชอบถอดเสื้อโชว์กล้ามช่วยอาจารย์ที่สาขาวิชารดน้ำต้นไม้ เธอเห็นเขาช่วยอาจารย์เลี้ยงกล้วยไม้แล้วอมยิ้ม
ผู้ชายน่ารักชอบปลูกต้นไม้ รักธรรมชาติ
อ๊าย... นี่มันอนาคตพ่อของลูกเลยนะ!
วายุเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ เขาสุภาพดูไว้ตัว แต่ก็ดูอบอุ่นใจดียามเมื่อ
ได้อยู่ใกล้หรือพูดคุยกันแบบนี้
เธอเกิดมาอายุสิบเก้าปี ไม่เคยมีแฟนหรือคนรักเป็นตัวเป็นตนมาก่อน ทางบ้านค่อนข้างหัวโบราณ พอเจอเขาแล้ว มันบังเกิดความรู้สึกชอบขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
เธอไม่เคยเพ้อหรือละเมอถึงผู้ชายคนไหนมาก่อน เขาเป็นคนแรกในชีวิต
คนมีความรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะทำอะไร หน้าเขาลอยไปลอยมาอยู่เต็มหัวไปหมด เรียกว่าทุกลมหายใจเข้าออกก็นึกถึง
อยากเจอหน้า ใจเต้นแรงเพียงแค่คิดถึง นี่เธออาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ?
วายุเดินจากไปแล้ว เธออยากจะกรีดร้องให้ลั่น แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือ
แอบมอง ส่งยิ้มหวานๆ ตามติดไปห่างๆ
อันดาคิดว่าเธอใจกล้ามากนะที่คุยกับเขาได้ เพราะก่อนหน้านี้
เห็นเขาที่ไหน เธอจะเดินเลี้ยวไปอีกทาง กลัวจะเจอเขาเข้าจังๆ
“อันดา...” เสียงเรียกจากเพื่อนทำให้เธอหันไปมอง กัลยา เลิศวิจิตร เพื่อนที่เรียนสาขาวิชาเดียวกับเธอ รู้จักกันตอนรับน้อง เธอเป็นคนมีเพื่อนน้อย กัลยาจึงเป็นเพื่อนน้อยที่เธอคบด้วยแล้วสบายใจ
กัลยาเป็นหลานสาวของอาจารย์สาขาฟิสิกส์ ที่เธอเลือกคบด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นคนร่าเริงสดใส มองโลกในแง่ดี
ด้วยความที่ทางบ้านยากจน เธอจึงค่อนข้างเลือกคบเพื่อน ไปกับคนอื่นเดี๋ยวไม่มีเงินจ่าย เพราะต้องประหยัดสุดๆ ทำยังไงก็ได้ ให้ใช้เงินสองร้อยบาทให้พอในหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงต้องทำงานพิเศษที่ห้องสมุดทุกวัน
“เมื่อกี้เดินมากับใครจ๊ะ” กัลยากระแทกไหล่ของเพื่อนเบาๆ
อันดาหน้าแดง คิดในใจว่า... รู้แล้วก็ยังอยากจะถามอีก คนขี้อาย
จึงเอาแต่ก้มหน้างุด
“อย่าแซวได้ไหม หัวใจเราเต้นแรงจนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว” คนตอบเขินอายม้วนต้วน
“ไหนบอกว่าอายยังไงล่ะ เห็นเดินมากับหนุ่มในดวงใจ ฮันแน่!
ไปทำอีท่าไหน”
“ท่าไหนน่ะเหรอ ท่าน่าอายน่ะสิ ซุ่มซ่ามเดินไปชนเขา ข้าวของหล่นกระจัดกระจายไปหมด” คนพูดหน้าแดงลามไปถึงใบหู
อันดาเป็นคนผิวขาวเหลือง ใบหน้ากลมน่ารัก ผมหยักศก แต่เธอ
ไม่ชอบผมตัวเอง เลยเก็บเงินไปยืดผมเสียตรงแหน็ว รู้สึกว่ามั่นใจมากขึ้น
ปากเธอเป็นรูปกระจับ ตาเรียว คิ้วบาง โดยรวมมองแล้วไม่สวยสะดุดตาแต่มองแล้วน่ารักเหมือนตุ๊กตา
“บุพเพสันนิวาสน่ะสิไม่ว่า เดินไปชนเขาเข้า นักศึกษาทั้งสถาบันเลยนะ” กัลยาพูดแล้วยิ้มแหย่ ทำแก้มพองน่ารักใส่เพื่อนสาว
“เขาน่ารักดีนะยา พูดจาสุภาพเรียบร้อย ตัวจริงขาวกว่าที่แอบมองอีก ผิวนี่เนียนเชียว ผู้ชายอะไรหล่อฟินน่าจิ้นขนาดนี้”
“เขาเป็นเดือนคณะนี่นา ต้องหล่อลากไส้เป็นธรรมดาแหละ”
“ยา...” อันดาเรียกเพื่อนเหมือนจะเป็นลม
“เป็นอะไร”
“ใจเราหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม”
“อาการหนักนะอันดา ไปนั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าหอก่อน เป็นลมขึ้นมา
เราอุ้มไม่ไหวนะ น้ำหนักยิ่งเกินมาตรฐานอยู่ด้วย” คนถูกว่าน้ำหนักเกินมาตรฐานค้อนให้เสียวงใหญ่ กัลยาดึงมือเพื่อน ไปนั่งหน้าหอพักนักศึกษา มือของเพื่อนเย็นเฉียบแถมยังมีเหงื่อออกเต็มไปหมด
“ดีขึ้นไหม” อันดาจับมือเพื่อนมาวางที่อกด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ
“หัวใจอันดาเต้นแรงขนาดนี้เลยเหรอ”
“อือ... มันไม่ยอมหยุดเต้นทำไงดี แทบจะหลุดออกมาแล้วนี่”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่หยุดเต้นก็ดีแล้วเพื่อน ถ้ามันหยุดเต้นนี่สิเรื่องใหญ่เลยนะ” คนพูดหัวเราะเสียงคิกคักอย่างน่ารัก
“หน้าเราก็ร้อนเห่อไปหมดตอนเจอกับเขา มือไม้แทบวางไม่ถูกเลย”
“รักแรกก็แบบนี้แหละ แบบนี้เขาเรียกอะไรนะ ตกหลุมรักเขา
เข้าอย่างจัง”
“อย่าล้อสิ เราเขิน”
“เป็นเอามากนะนี่ เราไปขอเบอร์ให้เอาไหม” คนถามยิ้มด้วยสีหน้า
เจ้าเล่ห์แสนซน
“เบอร์โทรหรือจ๊ะ จะดีเหรอ” คนฟังเขินหน้าแดงจัด เป็นผู้หญิง
ไปขอเบอร์ผู้ชายก่อน น่าอายจะตายไป เธอก้มหน้าดึงนิ้วไปมา กัลยายิ้มกว้างเมื่อเห็นอาการของเพื่อน
กัลยารู้ดีว่าอันดาเก็บเงินเก่ง อีกฝ่ายขยัน ทำงานพิเศษจนซื้อโทรศัพท์ Nokia รุ่น 3310 เป็นเครื่องแรกและครั้งแรกในชีวิตได้เป็นผลสำเร็จ
แต่ไม่ค่อยมีเงินเติมเลย เวลาโทร. ก็อาศัยหยอดเอา คุยกันพอรู้เรื่องก็รีบกดวาง คุยนานมากไม่ได้มันแพง
“ไม่กล้าโทรหาเขาล่ะสิ”
“ถ้ามีเบอร์เขา อาจจะโทรก็ได้นะ” คนตอบหน้าแดงจัด
กัลยาหัวเราะเพื่อน ทั้งเอ็นดูทั้งสงสาร ชอบเขาก็ได้แต่แอบมอง
ไม่กล้าเข้าไปคุย แต่อย่างว่าแหละ ผู้หญิงไปจีบผู้ชายก่อนมันดูแปลกๆ
ต้องเป็นคนที่ใจกล้าหน้าด้านระดับหนึ่งถึงจะทำอย่างนั้นได้
“เดี๋ยวเราไปขอให้ ขอจากเพื่อนเขาน่ะ เอาไหม” กัลยาเพื่อนของเธอนั้นเป็นพวกมีมนุษยสัมพันธ์ดี เพื่อนเยอะ ด้วยว่าเป็นคนมีเงินและเป็นหลานสาวคนเดียวของอาจารย์ที่ทรงอิทธิพลในสถาบันเล็กๆ แห่งนี้ ดังนั้นกัลยาจึงเป็น
ที่พึ่งเดียวที่เธอนึกถึงยามเมื่อมีปัญหา
“จะดีเหรอ”
“เออน่า... เดี๋ยวจัดให้” กัลยาตัดบท เธอเป็นลูกหลานของอาจารย์ที่นี่ จึงกล้าทำอะไรแบบที่หลายคนไม่กล้าทำกัน
กัลยาเป็นพวกมีอันจะกินแต่ไม่ทำตัวอวดรวย อันดาเคยถามว่าทำไม
มาคบกับเธอ เพราะรู้สึกว่าคนละชั้นกัน ในสถาบันการศึกษาเช่นนี้ก็แบ่งชนชั้นวรรณะกันแล้วนะ นักศึกษาไฮโซก็ไฮโซจริงๆ
ส่วนนักศึกษาแบบเธอเรียกยาจก ต้องทำงานงกๆ หาเลี้ยงปากท้อง
และเรียนไปด้วย ถามว่าอิจฉาคนที่พ่อแม่มีเงินไหม ก็มีบ้างนะ แต่เธอ
เป็นคนไม่ยอมแพ้ต่ออะไรทั้งหมดทั้งมวล ยังไงก็ต้องเรียนให้จบ เพราะคิดว่าต่อไปจะดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุด
“เราขอตัวก่อนนะ ต้องไปทำรายงานต่อ”
“รายงานอะไรเหรอ” กัลยาทำหน้างง เพราะจำได้ว่าอาจารย์ไม่ได้สั่งรายงานอะไรสักฉบับเดียว
“มีเด็กหอหนึ่งมาจ้างทำรายงานน่ะ ต้องรีบทำให้เสร็จ” หอหนึ่ง
คือหอพักหมายเลขหนึ่ง ที่นี่เรียกหอตามลำดับการก่อตั้ง ดังนั้นหอหนึ่ง
คือหอที่เก่าแก่ที่สุดและหลอนสุดติ่ง มีชื่อดอกไม้ประจำหอพักด้วยนะ หอหนึ่ง
ก็คือหออินทนิล
“จะขยันไปไหน”
“เราไม่รวยเหมือนยานี่นา ไม่ทำงานก็อดตายน่ะสิ”
“ไม่มีตังค์ยืมเราก่อนก็ได้”
“ไม่เอาหรอก ยืมแล้วต้องคืน หาเองดีกว่า จะได้ไม่เป็นหนี้ด้วยไง”
“แต่ถ้าไม่มีจริงๆ บอกเรานะ ไม่ไหวก็บอกเราได้เสมอ ไม่ต้องเกรงใจหรอก มีเมื่อไหร่ค่อยคืนก็ได้” กัลยาเป็นเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย เธอไม่ใช่พวกหยุมหยิมหรือเอาเปรียบใคร ออกจะใจกว้างเสียด้วยซ้ำ
“ขอบใจมากจ้ะ” คนตอบหัวใจยังเต้นแรงไม่หาย แค่คิดถึงหนุ่มหน้าใสขวัญใจมหาชนนามว่าวายุ หัวใจเธอมันก็เต้นผิดจังหวะ
สงสัยเธอจะอาการหนักจริงๆ เหมือนเพื่อนว่า
“งั้นเรากลับก่อนนะ”
“จ้ะ” อันดายืนส่งเพื่อนหน้าหอพัก โบกไม้โบกมืออำลา พอหันมามองหอตัวเองแล้วขนลุก จู่ๆ ก็รู้สึกหลอนขึ้นมาในทันที
เธอทำใจดีสู้เสือ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเอง
เอาเถอะ! เป็นไงเป็นกัน คงไม่โดนพี่ๆ รับน้องจนกระอักเลือดตายหรอก คนอื่นยังรอดชีวิตเรียนจนจบเลย
อันดาเข้าหอก็รีบสวัสดีพี่ๆ เจ้าที่ในหอ แต่ละคนนั่งเหมือนนางพญา
เธอเดินตัวลีบไปวางรองเท้าใต้บันได ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยฝีเท้า
อันเงียบกริบ
ถ้าเดินลงส้นเสียงดังจะโดนรุ่นพี่มองมาด้วยสายตาพิฆาต อยู่ที่นี่
ต้องทำตัวเป็นกุลสตรี ไม่งั้นเด็กปีหนึ่งอย่างเธอจะได้เห็นรุ่นพี่แปลงกาย
เป็นนางยักษ์