2
“ผมออกไปหาซื้อนิยายและหนังสือธรรมมะ มาอ่านให้คุณฟังคืนนี้”
กฤษฎาจะอ่านหนังสือนิยายให้หล่อนฟังทุกกลางวันหลังจากที่หล่อนกินยาเพื่อให้หลับ ส่วนหนังสือธรรมะเขาจะอ่านช่วงก่อนนอนในเวลากลางคืน เขาทำแบบนี้ในทุกๆ วันและทุกๆ คืนเสมอต้นเสมอปลาย จนหนังสือเต็มตู้ไปหมด
กิจวัตรประจำวันของครอบครัวนี้ดำเนินไปตามปกติอย่างเคร่งครัด เวลาผ่อนคลายของผู้ชายที่ถูกโรคซึมเศร้าคุกคามมีเพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงในบ่อนกลางกรุง
“สวัสดีครับเจ้าสัว” ผู้จัดการบ่อนกล่าวทักทาย
“อย่าทำฉันเลยนะ ขอร้อง อาทิตย์หน้าฉันจะหาเงินมาใช้เจ้านายแกให้ได้” เสียงผู้หญิงตะโกนดังมาจากห้องรับแขกด้านในของบ่อน
“ข้างในเกิดอะไรขึ้น...” กฤษฎาถามด้วยความตกใจ เพราะเสียงโหวกเหวกนั้นเหมือนคนพูดกำลังต้องการความช่วยเหลือ
“ไม่มีอะไรหรอกครับเจ้าสัว พวกลูกหนี้เวลาไม่มีเงิน นายเขาก็ใจดีให้ยืม พอถึงกำหนดส่งก็หลบหน้าหลบตา นางนี่ก็เหมือนกัน เวลาได้ก็เริงร่า พอเสียขึ้นมาไม่มีจ่าย ต้องสั่งสอนกันบ้าง จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่นเขา”
ยังไม่ทันที่กฤษฎาจะถามอะไรต่อ เจ้าของเสียงก็กึ่งเดินกึ่งคลานออกมาจากห้องที่ถูกจัดไว้เพื่อรับรองแขกคนสำคัญ ภาพที่กฤษฎาเห็น ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไประงับเหตุ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะโดนพวกคุมบ่อนซ้อมหนักไปกว่านี้
“นี่! มันอะไรกัน ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้”
เจ้าสัวแห่งตระกูลวชิรชโลธร รู้สึกตกใจกับสิ่งภาพเขาได้เห็น ผู้ชายวัยฉกรรจ์เกือบสิบคน รุมทำร้ายผู้หญิงวัยสี่สิบกว่า หากเขาเอาแต่ยืนดูเฉยๆเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ทางบ่อนเราแค่สั่งสอนลูกหนี้เราให้เข้าใจกฎของการยืมเงิน” ผู้จัดการร้านคนเดิมตอบด้วยใบหน้าอมยิ้ม เหมือนการกระทำที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับคนที่นี่
“เขาติดหนี้นายพวกคุณเท่าไหร่” แววตาที่หวาดกลัวและร่างกายที่บอบช้ำของหญิงวัยกลางคน ทำให้เขาเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“สองล้านครับเจ้าสัว”
ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ
“พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก