บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 สู่เมืองฟ้าศิวิไลซ์

เย็นวันนั้นต้องมนต์คุยรายระเอียดกับเพื่อนในการเตรียมตัวจะไปทำงานและเรื่องสัพเพเหระอยู่จนค่ำเหมียวจึงขอตัวกลับบ้าน และนัดกันว่าอีกสองวันจะมารับเธอกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯด้วยกัน

“ อ้องอ่าไออิง ๆ เอออูก ” นายเชนพยายามเค้นเสียงพูดออกมาเท่าที่จะทำได้ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว

“ พ่อจ๋าไม่ต้องเป็นห่วงต้องนะจ้ะ ต้องไปกับเพื่อนไม่เป็นไรหรอกจะได้หาเงินมารักษาพ่อไงต้องอยากให้พ่อหายกลับมาเดินได้อีกครั้งเนาะแม่เนาะ ” เธอกล่าวพร้อมกับเข้าไปกอดเอวหนาของพ่อด้วยความรัก นายเชนน้ำตาคลอเบ้า หากเขาไม่ล้มป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างนี้ลูกเมียคงไม่ต้องลำบาก คนที่เคยเป็นเสาหลักในครอบครัวตอนนี้กลับกลายเป็นภาระในครอบครัวเสียแล้ว

“ อ้ออากอาย อือ ๆ ๆ ” นายเชนน้ำตาไหลพรากพยายามดิ้นรนให้ตกจากเก้าอี้ ขนาดอยากจะฆ่าตัวตายก็ยังทำลำบากเลย เขานี่มันภาระโดยแท้ หากตัวเขาตายไปลูกเมียคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้

“ ไม่นะพ่ออย่าทำอย่างนี้พ่อต้องอยู่กับแม่ อยู่เป็นกำลังใจให้แม่กับลูกนะพ่อ สักวันพ่อต้องหายเชื่อแม่สิรอลูกมันเก็บเงินหน่อยนะพ่อนะ ถ้าพ่อรักแม่อย่าคิดแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย”

นางบุญเรือนกอดสามีไว้ด้วยความรัก ต้องมนต์โอบแขนเรียวไว้รอบกายผู้ให้กำเนิดทั้งสองด้วยน้ำตานองหน้า น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาเหลือเกิน บ้านเธอยากจนยังไม่พ่อก็มาล้มป่วยเดินจนไม่ได้อีก แต่ก็ไม่ทำให้เธอย่อท้อต่อชีวิตหรอกนะ เธอจะต้องหาเงินมารักษาพ่อให้หายให้จงได้ นั่นคือคำที่เธอให้สัญญาไว้กับตัวเอง…

สองวันต่อมา

รถเก๋งญี่ปุ่นคันงามของเหมียวจอดเทียบหน้าบ้านของต้องมนต์ตั้งแต่เช้าตรู่ ร่างอวบของเจ้าของรถเปิดประตูเดินลงมาพลางร้องทักทายเจ้าของบ้านที่นั่งรอท่าอยู่หน้าระเบียง

“ หวัดดีจ้ะป้าเรือนลุงเชน ไอ้ต้องเตรียมตัวเสร็จรึยังจ๊ะ ” เหมียวพูดพร้อมกับหย่อนสะโพกอวบอัดนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ริมระเบียงมองใบหน้าเศร้าหมองของลุงเชนกับป้าบุญเรือนแล้วถอนใจ

“ เสร็จแล้วจ้ะ ป้าฝากเจ้าต้องมันด้วยนะเหมียว มันไม่เคยห่างอกพ่อแม่ไปไหนเลยยิ่งเข้าเมืองกรุงด้วยป้ากลัวมันจะไม่รู้เหนือรู้ใต้ ดูมันหน่อยนะเหมียวเอ๊ย ” บุญเรือนจับมือเหมียวขึ้นมากุมไว้แน่น พร้อมกับพูดฝากฝังลูกสาวด้วยความห่วงใย นายเชนนั่งน้ำตาคลอหน่อยกำมือแน่น ใบหน้าหม่นหมองด้วยความเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว

“ โธ่แม่จ๋าพ่อจ๋าหนูแค่ไปทำงานนะกรุงเทพฯเองไม่ได้ไปติดคุกติดตารางซะหน่อยเก็บเงินไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาหาแล้วไม่ต้องห่วง แม่กับพ่อนั่นแหละต้องดูแลตัวเองดี ๆ อย่าคิดมากนะพ่อ ” ต้องมนต์พูดปลอบใจพ่อกับแม่พลางกอดเอวของผู้ให้กำเนิดทั้งสองด้วยความรัก

“ ป้ากับลุงไม่ต้องห่วงนะหนูจะดูแลต้องมันเอง ทำงานที่เดียวกันพักก็พักด้วยกันสบายใจได้จ้ะ เดี๋ยววันหยุดหนูจะพาต้องมันกลับมาเยี่ยมเองนะ ” เหมียวกล่าวเพื่อให้พ่อแม่ของเพื่อนสบายใจ ก่อนที่จะร่ำลาผู้สูงวัยทั้งสองแล้วพากันขึ้นรถขับออกมามุ่งหน้าสู่เมืองฟ้าศิวิไลซ์

เวลาเกือบเที่ยงวันก็เดินทางมาถึงอพาร์ทเม้นท์ของเหมียว สองสาวลงจากรถแล้วลากกระเป๋าเดินทางขึ้นไปบนชั้นสี่ซึ่งเป็นห้องพักของเหมียว ต้องมนต์มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้นกับตึกรามบ้านช่องในเมืองใหญ่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบนี้มาก่อน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันขวักไขว่ สวย ๆ หล่อ ๆ กันทั้งนั้นแต่งกายดูดีทว่าต่างคนต่างใช้ชีวิตโดยไม่สนใจหรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเท่าไหร่ หรือเรียกอีกอย่างว่าตัวใครตัวมันนั่นแหละ

เหมียวพาเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องเลขสี่ศูนย์หกก็ล้วงเอากุญแจมาไขเปิดประตูห้องเข้าไป ต้องมนต์เดินตามเข้าไปในห้องพักขนาดเล็กที่พอวางตู้เสื้อผ้ากับเตียงแล้วก็เหลือพื้นที่นิดหน่อยเท่านั้นเอง มีห้องน้ำในตัวและระเบียงห้องเล็ก ๆ ไว้ตากผ้า

“ ต้องเอาเสื้อผ้าใส่ไว้ในตู้อีกแถบหนึ่งก็ได้แบ่งช่องกัน ส่วนที่นอนก็นอนบนเตียงเดียวกับเราก็ได้ แกจะอาบน้ำก่อนมั้ยเราขอพักแป๊บนึงเดี๋ยวจะพาออกไปหาอะไรกิน ” เหมียวบอกเธอพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเมื่อยขบที่ขับรถมาเป็นเวลานาน แถมจราจรในเมืองกรุงยังติดขัดรถราติดกันยาวเหยียดบนท้องถนน ต้องมนต์รับรู้ในทันทีว่าเมืองใหญ่นี้แสนวุ่นวายนักไม่สงบสุขและอบอุ่นเหมือนที่บ้านเลย

“ จ้ะ ขอบใจนะเหมียวเดี๋ยวถ้าเราได้เงินเดือนจะออกค่าเช่าช่วยนะ ” เธอบอกเพื่อนด้วยความเกรงใจพลางเปิดกระเป๋าออกนำเอาเสื้อผ้าที่มีไม่กี่ชุดออกมาแขวนในตู้

“ ไม่เป็นไรอย่าคิดมากน่าเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปสมัครงานเลยนะกลัวคนจะมาสมัครเยอะจะไม่ทันเขา ” เหมียวบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับหลับตาลงด้วยความเพลีย ต้องมนต์มองเพื่อนสาวด้วยความซาบซึ้งใจก่อนจะเดินออกไปตรงระเบียงมองออกไปดูบริเวณโดยรอบเพื่อสังเกตุและจดจำสถานที่ต่าง ๆ เอาไว้จะได้ไม่หลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel