ตอนที่ 4 ทำความรู้จัก (รุ่นแม่)
ตอนที่ 4 ทำความรู้จัก (รุ่นแม่)
“ฮึ้ย!...นี่คุณเห็นผมจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงดีใจของอานนท์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่มองเห็นวิญญาณด้วย อย่างน้อยวันนี้เขาก็มีเพื่อนคุยแล้ว ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียวแล้ว
“มีอะไร จะมาขอความช่วยเหลือเหรอ ฉันเป็นคนยังช่วยตัวเองไม่รอดเลย” มินตรารีบเอ่ยปฏิเสธไว้ก่อนทันที กลัวว่าอานนท์จะมาเหมือนวิญญาณคนอื่นๆ ที่เคยมาขอให้เธอช่วยโน่นช่วยนี่อยู่บ่อยๆ
“เปล่าๆ แค่อยากมีคนคุยด้วยเฉยๆ” อานนท์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แล้วสิ่งที่เธอแสดงออกอยู่ตอนนี้ ทำให้อานนท์เลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไป อีกอย่างเธอคงจะช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก ตอนนี้ขอแค่มีใครสักคนอยู่ด้วยเพื่อแก้เหงาและรับฟังเขาบ้างก็น่าจะพอแล้ว
“จะบ้าเหรอ เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย” มินตราพูดไปเดินไป แบบไม่ได้ใส่ใจนัก แล้วก็ไม่คิดที่อยากจะคุยกับวิญญาณผีคนไหนทั้งสิ้น ถึงเธอจะไม่ได้รู้สึกแย่ที่เธอเป็นแบบนี้ แต่ลึกๆแล้วเธอก็ไม่ได้อยากเห็น เธออยากเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปมากกว่า ส่วนอานนท์ก็เดินตามไม่เลิก
“รอด้วยสิ บ้านเธออยู่ไหนเหรอ” เฮ้ย!...มาถามกันแบบนี้ ดีนะที่เป็นผี มินตรามองอานนท์แบบเอือมๆ เจอกันปุ๊บก็ถามหาบ้านบ้าหรือเปล่า
“แล้วทำไมฉันจะต้องบอกนายด้วย” ผีพวกนี้ก็เหลือเกิน พอรู้ว่ามีคนมองเห็นเข้าหน่อย ก็เป็นแบบนี้ทุกที บางทีถ้าเธออารมณ์ดีเธอก็คุยด้วย แต่ตอนนี้เธอต้องรีบกลับบ้าน เพราะช่วงบ่ายเธอจะต้องเข้ากะทำงานขายของที่ร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยอีก เพราะฉะนั้นไม่มีเวลามาคุยกับผีอยู่หรอก
“ผมขอคุยด้วยนะ ผมเหงาน่ะ ผมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครได้ยินเสียงผมพูดเลยสักคนเดียว” ถึงมินตราจะเห็นวิญญาณจนชินแล้วก็จริง แต่สิ่งที่ไม่ชินก็คือเขาเป็นคนแปลกหน้า คนมีดีมีชั่วผีก็เช่นกัน
“แต่ฉันไม่มีเวลามาคุยกับนายหรอก เพราะเดี๋ยวฉันก็ต้องไปทำงานต่อแล้ว” มินตราพูดเรื่องจริง เมื่อเช้าออกกะมานอนไปได้แค่หน่อยเดียวเอง ว่าจะกลับไปนอนต่ออีกสักหน่อย แล้วถึงจะไปทำงานต่อเพราะเดี๋ยวคืนนี้จะอยู่ไม่ไหว
“เอาน่า ผมขอเดินตามไปด้วย” อานนท์พูดเอาง่าย ยังไงเขาก็จะไปด้วย อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ร่างของเขาก็ยังอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องไอซียูเหมือนเดิม อานนท์พยายามเข้าร่างของตัวเองอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ก็เข้าไม่ได้สักที มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างผลักวิญญาณเขาไม่ให้เข้าร่าง ซึ่งอานนท์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลังงานนั้นมันคือพลังงานอะไร หรือว่าเขาจะต้องตายแล้วจริงๆ แต่ยังไงเขาก็ยังมีความหวังเพราะร่างกายของเขานั้นยังมีลมหายใจอยู่
“ต่างคนต่างอยู่เถอะ นายเป็นผี ฉันเป็นคน นายจะมาตามฉันอยู่ไม่ได้นะ” มินตราพูดไปก็เดินหนีไป ส่วนเขาก็ยังคงเดินตามไม่เลิก
“ผมสัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้คุณเลย นะนะ...” อานนท์ยังคงไม่ยอม มีอะไรบางอย่างบอกกับเขาว่า เธออาจจะช่วยให้เขากลับเข้าร่างได้ ซึ่งอานนท์ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เธอดูน่าคบหาดี หน้าหวานๆ ตัวเล็กๆ แบบนี้ ไม่น่าจะใจร้ายกับวิญญาณของเขานักหรอกมั้ง
“นายนี่ตื้อเก่งจัง แล้วแต่นะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ นี่จะถึงเขตทางเข้าทางออกโรงพยาบาลแล้ว ถ้านายก้าวข้ามเขตนี้ออกไปเมื่อไหร่ นายจะกลับเข้ามาไม่ได้อีกแล้วนะ เห็นโน้นไหมพญาครุฑ” มินตราชี้ไปที่หน้าตึกของโรงพยาบาล
“เฮ๊ย!...ขยับได้ด้วย” อานนท์หันไปมองรูปพญาครุฑที่เป็นตราสัญลักษณ์ของทางราชการที่มินตรากำลังชี้ให้เขาดูอยู่
“นั่นแหละยันกันผีอย่างดี เข้าได้เฉพาะตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น แต่ถ้าหมดลมหายใจแล้ว แล้วก้าวข้ามเขตนี้ออกไปเมื่อไหร่นายจะไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก” มินตรากำลังอธิบายถึงสิ่งที่เธอรู้มา
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ทำไมตอนผมเป็นคนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” อานนท์รู้สึกสงสัย ตอนนี้เขาอาจจะโดนเธอหลอกอยู่ก็ได้ อีกอย่างเรื่องแบบนี้มันก็เชื่อยากซะด้วย
“ก็ฉันเห็น แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกคน ฉันเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเจอแบบนายเยอะแยะ” อานนท์ทำหน้าพอเข้าใจได้ แต่เขาก็ต้องการคำอธิบายมากกว่านี้
“แต่ผมยังมีลมหายใจอยู่” มินตราทำหน้างงๆ เพราะปกติเธอมักจะเห็นแต่วิญญาณที่หมดลมหายใจแล้วเท่านั้น แต่ทำไมครั้งนี้ผู้ชายคนนี้ถึงได้บอกว่า เขายังมีลมหายใจอยู่ ก้อยยืนมองอานนท์อย่างไม่อยากจะเชื่อ
มินตรากำลังยืนมองวิญญาณของอานนท์แบบพินิจพิจารณา รูปร่างสูงโปร่งดูดีมีสง่าแต่กลับมีหมอกขาวๆปกคลุมกายทิพย์ของผู้ชายคนนี้อยู่ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นวิญญาณที่ไหนมีลักษณะเป็นแบบนี้มาก่อน หรือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดจะเป็นความจริง เธอไม่เคยเจอวิญญาณที่ออกจากร่างแล้ว แล้วร่างนั้นยังมีลมหายใจอยู่ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่มินตราได้พบได้เจอ
“ถ้างั้นออกมา” เธอเดินออกจากเขตรั้วประตูหน้าโรงพยาบาล แล้วบอกให้อานนท์เดินตามเธอออกมา ซึ่งอานนท์ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายโดยที่ลืมสิ่งที่เธอพูดไปเมื่อสักครู่นี้ไปสนิทเลย ก็ที่เธอบอกว่าถ้าออกไปแล้วจะกลับเข้ามาอีกไม่ได้ เพราะว่ามีครุฑตัวใหญ่คอยกันไม่ให้ผีเข้ามาในสถานที่ราชการแห่งนี้
“ไหนลองเดินกลับเข้าไปใหม่ซิ” มินตราสั่งอีกครั้งเมื่ออานนท์เดินออกมาแล้ว อานนท์เดินกลับเข้าไปด้านในใหม่อีกครั้งอย่างงงๆ ซึ่งเขาก็ก้าวขาเข้าไปได้ ทำให้มินตรารู้สึกแปลกใจขึ้นไปอีก เธอกำลังคิดว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดคงจะเป็นความจริง…เขายังมีลมหายใจอยู่
“นายยังมีลมหายใจอยู่จริงๆ เหรอ” นี่เป็นครั้งแรกที่มินตราเห็นวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว แต่ร่างนั้นยังมีลมหายใจอยู่
“ผมอยู่ในห้องไอซียู” อานนท์บอก มินตรายิ้มให้กับตัวเองเพราะเธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเธอมาก
“ฉันต้องรีบไปทำงาน ถ้าอยากจะตามมาก็มาได้นะ แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ฉันก็แล้วกัน” อานนท์ถึงกับงงในคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า เขาเป็นแค่วิญญาณจะไปสร้างความเดือดร้อนให้เธอได้ยังไง อานนท์งง แต่ก็ยอมเดินตามเธอไป เพราะอย่างน้อยเธอก็ทำให้เขาหายเหงาได้ มีเพื่อนคุยก็ยังดีกว่านั่งพูดคนเดียวแหละน่า
“คุณชื่ออะไร ผมชื่ออานนท์ เรียกผมว่านนท์เฉยๆ ก็ได้” อานนท์แนะนำตัวเองเสร็จ
“ฉันชื่อก้อย” เธอรู้ว่าเขาชื่ออะไร เป็นใคร ก็เพราะข่าวเมื่อเช้าไง ที่เธอดูก่อนออกจากบ้านไป แล้วผู้ชายคนนี้กับผู้ชายในข่าวก็เป็นคนเดียวกันจริงๆด้วยเธอจำได้
“ชื่อก้อยสมตัวจริงๆ” อานนท์แซว เพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กมากๆ อยากกับเด็กแน่ ส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนตัวของอานนท์เองมีความสูงอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบห้า
“ก็ฉันเป็นลูกคนเล็ก เกิดมาก็ตัวเล็ก แม่ฉันก็เลยตั้งชื่อฉันว่าก้อย นายมีปัญหาอะไรไหม” มินตราเธอเป็นผู้หญิงปากร้ายแต่ใจดี ตอนเธอเกิดมาเธอมีน้ำหนักแค่หนึ่งกิโลเอง นั่นถือว่าน้อยมากเลยนะ
“ไม่ครับ ใครจะไปกล้า”