ตอนที่ 3 พบเจอ (รุ่นแม่)
ตอนที่ 3 พบเจอ (รุ่นแม่)
เช้าวันรุ่งขึ้น
มินตรา หรือ ก้อย ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวหน้าตาดี อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งในเมืองหลวงคนเดียว บ้านที่เธออาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านของป้า พี่สาวแท้ๆของพ่อเธอนั่นเอง ป้าของเธออายุมากแล้วท่านก็เลยกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอก ปล่อยบ้านทิ้งไว้ก็จะไม่มีใครดูแล ลูกหลานก็ไม่มี ท่านก็เลยให้มินตราซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ มินตราก็เลยครอบครองบ้านหลังนี้ตั้งแต่บัดนั้นมา
บ้านมีลักษณะไม่เก่าแต่ก็ไม่ใหม่ เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัดกำลังดีตั้งอยู่ท้ายซอย
ถ้าถามว่ามินตรากลัวไหมที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว เธอจะตอบว่า...สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือคน ส่วนผีหรือที่เรียกว่าวิญญาณนั้นเพื่อนกันเลยแหละ พูดง่ายๆ ก็คือเธอเห็นผีตั้งแต่จำความได้ เพราะฉะนั้นเธอไม่เคยกลัวสิ่งพวกนี้ เพราะว่าชินซะแล้วเห็นจนเบื่อ ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไรมินตราถึงได้มีความสามารถพิเศษนี้ มินตราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่ของเธอเล่าให้เธอฟังว่า...
ตอนเธอคลอดออกมาจากท้องแม่ เธอมีน้ำหนักแค่หนึ่งกิโลเท่านั้น ซึ่งจัดว่ามินตราตัวเล็กมากๆ เธอเกือบไม่รอดเพราะมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่เกิด แม่ของเธอก็เลยเอาเธอไปยกให้พระรูปหนึ่งที่วัดใกล้บ้าน เพื่อเอาเคล็ดให้เธอนั้นรอดชีวิต
แม่ของเธอยังเล่าให้เธอฟังอีกว่า เธอคลอดก่อนกำหนด หัวใจกับปอดก็ผิดปกติ คุณหมอบอกว่าเธอไม่น่าจะรอด แต่แล้วคืนวันหนึ่งแม่ของเธอก็ฝัน ฝันว่ามีนางฟ้าลงมาจากบนสวรรค์ เป็นผู้หญิงแต่งชุดสีขาวสวยมาก บอกกับแม่ของเธอว่า...
“ข้ามีพรให้เจ้าขอได้หนึ่งข้อ เจ้าอยากจะขออะไร” แล้วแม่ก็บอกกับนางฟ้าองค์นั้นไปว่า...
“ฉันขอสองข้อได้ไหมคะ” นางฟ้าองค์นั้นก็ตอบกลับมาว่า...
“ได้แต่...ข้ามีข้อแม้” แม่ก็เลยพูดต่อไปว่า...
“อะไรก็ได้ฉันยอมหมด แต่ฉันขอสองข้อ” นางฟ้าองค์นั้นพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ส่งมาให้แม่ แล้วแม่ก็ขอพรข้อที่หนึ่งทันที
“ข้อแรกขอให้ลูกสาวของฉันที่เพิ่งเกิดรอดชีวิต และข้อที่สองของให้ร่างกายของเขาที่ผิดปกติอยู่ตอนนี้ ให้เขาหายดีกลายเป็นเด็กปกติและสมบูรณ์เหมือนเด็กทั่วๆ ไป” เมื่อแม่ขอพรข้อที่สองจบ นางฟ้าองค์นั้นก็หายวับไป จากนั้นแม่ก็รู้สึกตัวแล้วตื่นขึ้นมา
หลังจากที่แม่ตื่นจากความฝัน แม่ก็จำสิ่งที่แม่ขอพรจากนางฟ้าองค์นั้นได้แม่น แต่แม่ไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นข้อแลกเปลี่ยนของนางฟ้าองค์นั้น เพราะนางฟ้าไม่ได้พูดหรือบอกอะไรไว้ แต่แล้วอาการป่วยของมินตราก็ดีขึ้นตามลำดับอย่างไม่น่าเชื่อ
หัวใจรั่วก็เกิดปิดเองอย่างกับปาฏิหาริย์ ปอดที่ไม่แข็งแรงและไม่สมบูรณ์เพราะคลอดก่อนกำหนด หมอบอกว่าปอดของมินตราแฟบหนึ่งข้าง อยู่ๆปอดก็กลับมาทำงานตามปกติ ทำให้มินตรามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นมากผิดหูผิดตาอย่างรวดเร็ว
ตอนที่มินตรายังเด็กๆ ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น จนถึงพูดและสื่อสารพอได้ แม่ของมินตราก็พบความผิดปกติของมินตรา คือมินตราชอบเล่นคนเดียว คุยคนเดียว แต่การกระทำมันแปลกๆ คือลักษณะของมินตราไม่ได้พูดหรือเล่นคนเดียวนี่สิ
พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็พบว่ามินตราผิดปกติจริงๆ แม่ก็เลยคิดถึงสิ่งที่พูดกับนางฟ้าในฝันวันนั้นได้ แล้วพ่อกับแม่ก็เริ่มปรึกษากัน พวกท่านก็ทำใจยอมรับในสิ่งที่มินตราเป็น ตอนแรกๆ ก็กลัวและกลัวมาก ทุกวันนี้ก็ยังกลัวอยู่ แต่พอมินตราโตขึ้น มินตราเริ่มรู้ว่าทุกคนที่อยู่รอบข้างของเธอกลัว เธอก็เลยพยายามไม่พูดหรือคุยกับสิ่งที่เธอมองเห็นคนเดียว แต่บางครั้งมันก็ห้ามใจยาก พอเธอโตขึ้นมาอีกหน่อย เธอจึงขอพ่อกับแม่ของเธอออกไปเรียนและใช้ชีวิตของตัวเอง จนถึงตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว แต่เธอเลือกที่จะทำงานธรรมดาๆ เพราะเธอรู้ว่าตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่น เธอไม่อยากอยู่กับคนหมู่มาก แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่กลับรู้สึกมีความสุขและสงบดี
เธอทำงานธรรมดาๆ อยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งหน้าปากซอย เธอมีโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะ อาจจะเป็นเพราะเธอรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา เพราะงานของเธอคือทำงานตอนกลางคืนและนอนตอนกลางวัน เธอจะไปพบคุณหมอเป็นประจำเพื่อรักษาโรคกระเพาะเดือนละสองถึงสามครั้ง แล้วแต่คุณหมอจะนัด
แล้ววันนี้เธอก็กำลังจะไปโรงพยาบาล ขณะที่เธอกำลังจะหยิบรีโมตทีวีกดปิดนั้น เธอก็เจอเข้ากับข่าวนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงอยู่ในขณะนี้ เกิดอุบัติเหตุรถยนต์คันหรูพลิกคว่ำ แต่ในข่าวกลับบอกว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกตัดสายเบรค เธอก็เลยหยุดฟัง แล้วในใจก็นึกสงสารนักธุรกิจคนนั้น ที่ต้องนอนเจ็บหนัก แล้วเธอก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูปรากฏว่า เธอต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวจะสาย เธอยังฟังข่าวไม่ทันจบดี แต่เธอก็ต้องกดปิดซะก่อนเพราะว่าต้องรีบไป
ระหว่างที่เธอนั่งรอพยาบาลเรียกให้เข้าห้องตรวจ แล้วกว่าจะได้พบคุณหมอก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน พอเสร็จแล้วเธอก็รีบไปจ่ายเงินแล้วไปรับยา จากนั้นเธอก็กำลังจะเดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน อยู่ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นวิญญาณผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่หน้าห้องไอซียูทางผ่านที่เธอจะต้องเดินกลับทางนั้นพอดี
“เอ๊ะ! นี่มันผู้ชายที่ออกข่าวเมื่อเช้าที่เราดูในทีวีนี่นา” เธอพยายามมองว่าใช่เขาหรือเปล่า หน้าเหมือนกันมากเลย แน่นอนว่าเธอรู้ว่าคนที่เธอเห็นนั้นเป็นแค่วิญญาณ แต่วิญญาณที่เธอเห็นตอนนี้ทำไมถึงได้ดูแตกต่างไปจากวิญญาณที่เธอเคยเห็นทั่วไป ปกติกายทิพย์ที่เธอเห็นจะไม่มีหมอกสีขาวปกคลุมร่างกายแบบนี้ แต่วิญญาณคนนี้กลับมีหมอกขาวๆ ปกคลุมทำให้เธอมองหน้าเขาไม่ค่อยชัด
เขานั่งกอดอกอยู่หน้าห้องไอซียูท่าทางเป็นกังวล อยู่ๆเขาก็หันมองมาหน้าเธอ เธอก็เลยหันหน้ากลับทันที แต่ก็ถูกเขาจับได้เสียแล้วว่าเธอมองเขาอยู่ ก็เพราะหมอกขาวๆ ที่ปกคลุมร่างกายของเขาอยู่นั้นมันทำให้เธอมองเขาไม่ค่อยชัด เธอก็เลยจองมองเขามากเกินไปหน่อยจนเขาจับได้ อีกอย่างตรงนั้นก็ไม่ได้มีใคร เขานั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“นี่เธอ!...” อานนท์ร้องเรียก ในขณะที่มินตรากำลังเดินหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่เห็นเขา เพราะเธอขี้เกียจเจอผีขอให้ช่วยโน่นช่วยนี่ เธอขี้เกียจรำคาญ ชีวิตของเธอเจอผีแบบนี้มาเยอะ ส่วนมากก็จะมาแนวเดียวกันหมด
“คุณ...คุณ...เห็นผมใช่ไหมบอกมานะ เมื่อกี้ผมเห็นคุณมองผมอยู่” อานนท์รีบเดินเร็วๆ แล้วก็เอ่ยถามมินตรา แต่มินตราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก รีบเดินหนีแต่อานนท์ก็ยังคงเดินตาม
“นี่คุณ!!!!” อานนท์ตะโกนใส่หูมินตราอย่างแรงและดัง ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจ เพราะรู้สึกหมดหวังแล้ว คิดว่าเขาคงจะคิดมากไปเอง เธอคงไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงเขาจริงๆ อานนท์ก็เลยแกล้งตะโกนเสียงดังๆ เข้าหูมินตราเต็มๆ แต่ทันใดนั้นมินตราก็หันขวับมาหาอานนท์แล้วพูดว่า...
“โอ๊ย!... จะตะโกนทำบ้าอะไรเนี่ยไอ้ผีบ้า” เธอเป็นคนไม่กลัวผีอยู่แล้ว ผีสิที่ต้องกลัวเธอเพราะปากของเธอนั้น เคยด่าจนผีต้องร้องไห้มาแล้ว
“ฮึ้ย!!...นี่คุณเห็นผมจริงๆ ด้วย”