๓ ข้างกายแสนไกล (๕)
“ค่ะบอส ตอนนี้แยกย้ายเข้าห้องพักแล้ว ส่วนนี้เป็นห้องพักเดี่ยวของบอสกับคุณแก้วค่ะ เย็นนี้จะมีกิจกรรมสันทนาการหวังว่าบอสกับคุณแก้วจะมาเข้าร่วมนะคะ” ยื่นกุญแจให้เขาแต่เป็นภรรยาที่รับไปถือไว้ เธอตื่นเต้นกับงานสังสรรค์ที่ตัวเองห่างหายไปนาน อยากไปร่วมกิจกรรมเสียเดี๋ยวนี้แต่เลือกจะใช้เวลากับสามีดีกว่า
“ไปค่ะ ไปแน่นอน”
กระเป๋าถูกพนักงานเข็นไปไว้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว พอเธอเข้ามาก็เห็นถึงความกว้างขวางและเตียงกว้างตั้งตระหง่านตรงกลาง ห้องสวีทที่กรุผนังด้วยกระจกมองเห็นวิวทะเลจนเธอยืนมองด้วยความหลงใหลไม่อาจละสายตาได้
หญิงสาวเปิดม่านเอาไว้แล้วหันมามองสามีที่วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไม่ได้มาชื่นชมความงามของธรรมชาติ คงเพราะเขามาที่นี่บ่อยแล้วจึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ต่างจากหญิงสาวซึ่งเห็นแต่ความแปลกใหม่
ที่สำคัญคือการได้อยู่กับคนรัก...
“ว้าว! ห้องพักติดทะเลด้วย มองเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตาเลยพี่ใหญ่”
“อือ” ตอบรับในลำคอแล้วปิดประตูห้องน้ำ เธอมองตามแล้วทำปากยู่ไล่หลังเขา
“เย็นชาชะมัด...”
แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เลือกจะเดินไปที่กระเป๋าของตัวเอง จัดการหยิบชุดที่จะใส่ไปคืนนี้ออกมาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า จัดทุกอย่างเข้าตู้ทั้งของตัวเองและชายหนุ่ม กลายเป็นกิจวัตรไปแล้วเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศต้องเอาทุกอย่างออกมาวางไว้เพื่อความเป็นระเบียบ ไม่ใช่คุ้ยหาของในกระเป๋าจนรกห้องไปหมด
เธอใช้เวลาช่วงกลางวันในการนอนพักผ่อน ขณะที่ร่างสูงเลือกจะไปคุยกับผู้จัดการโรงแรม สำหรับเขาเหมือนการมาทำงานมากกว่า อถึงเวลานัดค่อยขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาร่วมกิจกรรมกับพนักงานที่ต้อนรับท่านประธานพร้อมภริยาอย่างดี
โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราว
งานริมทะเลมีเวทีขนาดเล็กตรงกลาง โดยตั้งโต๊ะยาวไว้ทั้งสองข้างแล้วอาหารก็ตักได้ไม่อั้น พนักงานต่างลุกไปเติมอาหารทะเลและเครื่องดื่มกันไม่หยุด กลายเป็นบรรยากาศแห่งความสุขของคนทำงานมาทั้งปี
“ท่านประธานกับภรรยามาแล้ว ขอเชิญมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับพนักงานหน่อยครับ” พิธีกรเอ่ยเชิญเจ้าของงานอย่างแท้จริงพร้อมสาวสวยขึ้นมาบนเวที เขาก็ไม่ขัดข้องเพียงแค่พูดไม่เก่ง คิดว่าจะกล่าวเล็กน้อยแล้วรีบลงจากเวที
“ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานมาตลอด ทริปนี้ฟรีทุกอย่าง ขอให้สนุกครับ” คืนไมค์ให้พิธีกรทำเอาคนในงานปรบมือด้วยความฉงน ไม่คิดว่าท่านประธานจะพูดน้อยขนาดนี้
“เฮ!”
“ไหนๆ ท่านประธานก็ขึ้นเวทีแล้ว จะพลาดภรรยาคนสวยได้ยังไง คุณแก้วขึ้นมาร้องเพลงให้พวกเราฟังสักเพลงได้ไหมครับ” คิดไว้แล้วเชียวว่าจะต้องไม่จบแค่ปรัตยา ร่างบางที่กำลังจะก้าวลงจากเวทีก็ถูกรั้งเอาไว้
“เอ่อ” เธอมีท่าทีอ้ำอึ้งก่อนมองร่างสูงเพื่อขออนุญาต
“แก้วร้องได้ไหม”
“ตามใจ” พอได้ยินอย่างนั้นก็คิดอะไรดีๆ ออกขึ้นมาทันที เธอยิ้มกว้างแล้วรับไมค์มาจากพิธีกร
“ตกลงค่ะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น ก่อนเดินไปกระซิบคนคุมเสียงเพื่อให้เปิดเพลงที่อยากร้อง จากนั้นจึงกลับมายืนกลางเวที จ้องสามีที่ยืนข้างเลขานุการ ในมือเขามีแก้วไวน์หนึ่งใบแล้วจ้องคนเป็นภรรยาขณะที่เธอถอนสายตาจากเขาพอดีเมื่อดนตรีเพลงเริ่มขึ้น
“เพราะอะไรที่ทำให้เราได้รักและผูกพัน เพราะอะไรที่พาให้เธอกับฉันมาเจอะกัน ไม่ได้เช็คว่ามันคืออะไร แค่มันคลิกเลยว่าเป็นเธอไง ความรู้สึกมันบอกว่าใช่เธอ”
“อาจไม่ใช่รักแรกพบแต่ยิ่งพบก็ยิ่งรัก ไม่มีคำไหนทายทัก แต่ฉันรักเธอหมดใจ เหมือนเป็นคู่แท้ที่สร้างมา รู้เลยเมื่อฉันได้สบตา คือเธอทั้งหัวใจ”
เพลงดังที่เธอร้องสร้างความสนใจแก่ผู้คนทันที หลายคนยกโทรศัพท์มาบันทึกภาพเอาไว้ ยิ่งเห็นดวงตาหวานฉ่ำส่งให้สามีก็พากันเขินอาย เหมือนดูฉากนางเอกสารภาพรักกับพระเอกก็ไม่ปาน รอยยิ้มของหล่อนน่ามองเหลือเกิน ไหนจะเสียงใสก้องกังวานนั้นอีก
ชายหลายคนนึกอยากเป็นท่านประธานเสียเดี๋ยวนี้ เผื่อได้รับความรักจากนางฟ้าคนดังบ้าง
“คุณแก้วร้องเพลงเพราะมากเลยนะคะบอส” กนกวดี วินิมัยเอ่ยกับเจ้านายตัวเองคล้ายกับล้อเลียน แต่เขาก็ยังคงนิ่ง เอาแต่มองนักร้องตรงหน้าตาไม่กระพริบ
“ไม่ต้องถามถึงดวงชะตาว่าเราเข้ากันได้ไหม จักรราศีหรือลัคนาก็คงไม่เท่าหัวใจ ดวงสมพงษ์ก็คงไม่เท่ากับใจที่มันสมใจ”
“เธอ... เนื้อคู่ของฉันคือเธอคนเดียว”
ผายมือไปยังสามีจนคนอื่นอดที่จะโห่แซวไม่ได้ เธอมีท่าทีเอียงอายแล้วรีบคืนไมค์ก่อนลงจากเวทีไปยืนข้างเขา ไม่กล้ากระทั่งจะมองดวงหน้าคมด้วยซ้ำ ได้ยินเพียงประโยคของพิธีกรที่ประกาศออกไมค์ยิ่งทำให้เธอเขินมากกว่าเดิม
“โชว์หวานกันแบบนี้พวกเราก็อิจฉาสิครับ” หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแล้วตัดสินใจยกมือป้องปากพร้อมตะโกนอวยพรให้คนโสดได้ช้ำใจเล่น
“ขอให้ทุกคนเจอความรักที่สมหวังนะคะ”
แล้วคืนนั้นก็กลายเป็นค่ำคืนแสนหวานของประธานรูปหล่อและภริยาคนสวยของเขา เธอตามติดสามีไม่ห่างจึงเห็นว่ายามพนักงานเข้ามาชนแก้วเขาก็รับมาดื่มจนหมด จากคนที่ยืนตรงก็เกือบสะดุดพื้นทรายตรงหน้าหลายรอบ
“ขอชนแก้วหน่อยนะครับท่านประธาน”
“ขออนุญาตนะคะ”
เธอยืนมองอยู่ข้างกายเขาก็แอบรับแก้วมาดื่มแทนหลายครั้ง จนไม่อาจทนเห็นเขาเมาไหวจึงได้ขอร้องให้พนักงานชายพาร่างสูงไปนอนบนห้อง แล้วเอ่ยขอบคุณก่อนจะจัดการหาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตามใบหน้าสามี
“เมาหนักเลย...ถูกชนแก้วไม่หยุดขนาดนั้น” บ่นพึมพำกับตัวเองขณะนั่งลงข้างเตียง ค่อยซับใบหน้าคมอย่างเบามือ แต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อที่ออกจากปากหยักยามเขาไม่ได้สติ หัวใจหล่นไปอยู่ปลายเท้า
คิดว่าชินแล้ว...แต่กลับไม่ชินสักที
“ดาว...ดาว”
“เขาแต่งงานกับคนอื่นแล้วยังจะเพ้อถึงอีก นี่แก้วไม่ใช่ดาว!”
สุดท้ายหล่อนก็โยนผ้าผืนเล็กใส่อกเขาแล้วเดินไประงับอารมณ์นอกระเบียง คิดว่าเขาจะรักตนบ้างแต่ความจริงไม่ใกล้เคียงสักนิด
หัวใจของปรัตยายังมีเพียงดาวประดับเหมือนเดิม...