๓ ข้างกายแสนไกล (๓)
กว่าจะเตรียมเงาะที่เขาบอกว่าอยากรับประทานเสร็จ แล้วมาเตรียมอาหารเย็นก็พอดีกับที่ชายหนุ่มกลับถึงบ้าน เสียงรถยนต์ที่คุ้นเคยจอดยังโรงรถ หล่อนจึงบอกให้แม่บ้านเตรียมสำหรับเพื่อตั้งโต๊ะ ก่อนที่ตนจะเดินไปรับเขาถึงหน้าบ้าน
ยิ้มให้ปรัตยาเหมือนเดิม แล้วเขาก็ทำหน้านิ่งเหมือนทุกครั้งจนกลายเป็นความชินไปเสียแล้ว
วันไหนที่ชายหนุ่มยิ้มกลับอาจทำให้เธอประหลาดใจมากกว่า
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว” ยื่นมือไปรับเสื้อสูทจากเขา แต่สายตาคมกลับมองปลายนิ้วเรียวที่มีพลาสเตอร์สีใสติดเอาไว้อย่างลวกๆ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีจนไม่ได้ยินสิ่งที่ร่างบางถาม
“กินข้าวเลยไหมคะ”
“มือไปโดนอะไร ทำไมถึงติดพลาสเตอร์” เธอรีบซ่อนแผลเหล่านั้นไว้ใต้เสื้อสูทของเขา ยิ้มแหยะไม่อยากบอกความจริงสักเท่าไหร่
อยากดูเป็นคนเก่งงานครัวในสายตาของเขานี่น่า...
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“ทำแผลเองเหรอ” ถามไปคงไม่ได้คำตอบ ชายหนุ่มจึงไม่ได้ถามถึงต้นสายปลายเหตุ แต่สนใจที่แผลของหล่อน ซึ่งใบหน้าหวานก็ผงกขึ้นลง รีบทำแผลเพราะกลัวว่าจะมาไม่ทันต้อนรับสามี อยากให้เขาเห็นหล่อนเป็นคนแรกเมื่อกลับบ้าน
“ค่ะ”
“มานี่”
แล้วเขาก็จูงมือเธอไปที่ห้องนั่งเล่น แก้มนวลแดงปลั่งเมื่อเขาเป็นฝ่ายจับจูงมือของหล่อนให้พาเดินไปนั่งยังโซฟา แล้วร่างสูงก็หายไปเพียงครู่หนึ่ง แล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องปฐมพยาบาลโดยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
พี่ใหญ่จะทำแผลให้เราเหรอ...
แก้วเจ้าจอมคิดในใจด้วยความตื่นเต้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นมุมนี้ของเขา ดีใจจนอยากอัดวิดีโอเอาไว้แต่เสียดายที่วางโทรศัพท์ไว้บนห้อง ตอนนี้จึงทำได้เพียงมองตามแล้วจ้องเขาทุกวินาที ไม่อยากกระทั่งกระพริบตา
กลัวว่าภาพตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝัน ใครจะคิดว่าปรัตยาผู้เย็นชากลับกลายเป็นคนอ่อนโยนกับตนได้
“ล้างแผลหรือยัง”
“เปล่า แค่ติดพลาสเตอร์”
“เฮ้อ” ถอนหายใจกับคำตอบของเธอ
แล้วเริ่มเปิดกล่องปฐมพยาบาลเพื่อทำแผลให้เธอ แก้วเจ้าจอมไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เขาทำจะเกิดขึ้นจริง จนตัดสินใจเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“พี่ใหญ่จะทำแผลให้แก้วเหรอ” ค่อยแกะพลาสเตอร์ในมือของเธอออก ก่อนเงยหน้าสบดวงตากลมฉงนกับคำถามนั้น
“แล้วฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ”
เธอหัวเราะกับคำถามแสนประหลาดของตัวเอง แล้วตั้งใจมองการกระทำของเขาโดยไม่ถามอะไรอีก อยากเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ในความทรงจำ เพราะบันทึกในคลิปวิดีโอไม่ทันแล้วล่ะ
“พี่ใหญ่คะ แก้วคว้านเงาะไว้ให้พี่ใหญ่ด้วย ทำไว้เป็นกิโลเลยค่ะ” นึกขึ้นได้ว่าแผลของตนเกิดจากอะไร จึงชวนเขาคุยอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง ได้แผลครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ไม่เจ็บเลือกสักนิดหากจะได้รับการดูแลอย่างดีจากสามี
“ทำเยอะขนาดนั้นใครจะกินหมด”
“เอาไว้กินวันอื่นก็ได้ค่ะ เห็นพี่ใหญ่บอกว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ หรือเราจะทำเงาะลอยแก้วดีไหม อากาศร้อนแบบนี้ได้กินเงาะลอยแก้วหวานเย็นชื่นใจก็ดีเหมือนกันนะ” เสียงสดใสกับเมนูใหม่ที่เธอคิดเอาไว้ เขาก็พยักหน้าตามไม่ได้ขัดแต่อย่างใด
“ตามใจ” ค่อยล้างแผลอย่างระมัดระวัง เห็นรอยของปลายนิ้วก็พอมองออกว่าเธอโดนปลายมีดบาด แต่ไม่รู้หญิงสาวไปทำอีท่าไหนถึงโดนเยอะขนาดนี้ เขาก็ใจเย็นทำให้ทีล่ะนิ้วอย่างเบามือกลัวว่าหล่อนจะเจ็บ
“ไว้พรุ่งนี้แก้วจะทำให้กินนะคะ”
“แต่ละวันคิดถึงแค่เรื่องกินเหรอ”
“ก็...มันสำคัญต่อร่างกายนี่น่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องพี่ใหญ่ไม่รู้หรือไง” ถ้าเธอตาไม่ฝาดเหมือนเห็นว่ามุมปากเขายกยิ้ม แต่ยังไม่ทันจะถามก็พบว่านิ้วที่มีแผลถูกพันพลาสเตอร์อย่างเรียบร้อย เธอจึงอดสังเกตว่าตกลงปรัตยายิ้มหรือเปล่า
“เสร็จแล้ว” อยากยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อย แต่เขาก็เก็บของลงกล่องแล้วเตรียมขึ้นบนบ้าน
“ขอบคุณค่ะ”
แต่แล้วเขาก็ชะงักเท้า หันมาถามคนที่กำลังนั่งมองนิ้วมือตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น “สัปดาห์หน้าว่าง...” ยังถามไม่ทันจบแต่ร่างบางก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาจะชวนหรือเปล่าแต่คำเริ่มต้นคำถามทำให้เธอตีความไปแล้วว่าถูกสามีชวนออกไปข้างนอก
ไม่รู้ว่าปลายทางคือที่ไหน ขอแค่มีเขาไปด้วยหล่อนก็พร้อมจะไปทุกที่
“ว่างค่ะ ว่างมากไม่ได้ทำอะไรเลย พี่ใหญ่ชวนไปไหนแก้วไปหมดค่ะ บุกป่าลุยไฟดำน้ำปลูกปะการังก็ไปค่ะ ได้หมดเลยนะ” ไม่ได้พูดเกินจริงสักนิดแต่หมายความตามนั้นจริง เขาถึงได้บอกว่าที่ชวนหล่อนไปคือที่ไหน
“จะชวนไปเอาท์ติ้งบริษัท คุณกนกอยากให้ไปอาจจะนอนหนึ่งคืน”