๒ งานแต่งทุกข์ตรม (๒)
ถึงเวลาตามนัดหมายก็ขึ้นรถตู้ที่คนรถขับมาจอดยังหน้ามุขของบ้านหลังงาม ดาราสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีทองยาวกรอมเท้า ผมถูกรวบขึ้นจนเห็นลำคอระหง สร้อยเพชรรูปหัวใจสวมใส่ได้อย่างพอดี เข้าคู่กับตุ้มหูรูปเดียวกัน เธอยิ้มกว้างยามส่องกระจก หมุนกายไปมาจนพอใจจึงใส่รองเท้าที่เข้าคู่กัน
นั่งอยู่บนรถเพื่อเดินทางไปยังโรงแรมในเครือของ ThiTi Group ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ต้อนรับคนสำคัญของประเทศนับไม่ถ้วน การแต่งงานของลูกสาวถึงจะเป็นลูกติดภรรยาก็ไม่ทำให้น้อยหน้าพี่ชายที่จัดงานแต่งเมื่อปีที่แล้วอย่างยิ่งใหญ่
งานของดาวประดับก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน โดยที่ร่างสูงยกหน้าที่ให้เลขานุการส่วนตัวเป็นคนจัดการเองทั้งหมด เขาแทบไม่ย่างกรายเข้าใกล้หรือดูงานสักครั้ง ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด
แต่แก้วเจ้าจอมรู้ดี...เขาไม่อยากเห็นภาพบาดตาให้ปวดใจ
ที่รู้ว่าคนที่รักกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับชายอื่น
“พี่ใหญ่” มาถึงโรงแรมที่จัดงานก็ไม่รอช้ารีบเดินมาหาสามีที่กำลังคุยธุระกับผู้จัดการอยู่ชั้นล่าง เธอยิ้มทักทายคนที่เขาคุยด้วยแล้วหันมายิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนชายผู้นั้นจะค้อมศีรษะให้เจ้านายแล้วเดินจากไป คนทั้งสองจึงอยู่กันตามลำพัง
แก้วเจ้าจอมสวยมากกว่าทุกวัน ดวงตาคมสั่นไหวครู่หนึ่งยามจ้องใบหน้าหวานก่อนกลับมาเย็นชาดังเดิม เธอจึงไม่อาจจับสังเกตความเปลี่ยนแปลงชั่วพริบตาของเขาได้
“ชุดนี้พี่ใหญ่เป็นคนเลือกเหรอคะ เข้ากับแก้วมากเลย...ขอบคุณนะคะ” อ้อนเสียงหวานโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมา บางคนก็แอบถ่ายรูปเอาไว้เพราะสาวเจ้าคือคนของสาธารณะ แต่ร่างบางไม่สนใจถูกแอบถ่ายจนเคยชินแล้ว
มีเพียงปรัตยาที่ไม่ใคร่จะชอบเท่าไหร่ จึงเลือกจะเดินเลี่ยงไปจากล็อบบี้แล้วเดินมากดลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องจัดเลี้ยง เธอรีบเดินตามทันทีก่อนจับมือเขาเอาไว้อย่างถือสิทธิ์ แล้วคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าปัดออก มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้อง
“คุณกนกเป็นคนเลือก” คำตอบทำให้รอยยิ้มเลือนหายแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอชวนเขาคุยจ้อถึงตัวเองจะเป็นผู้พูดฝ่ายเดียวก็ตาม
“ถึงอย่างนั้นแก้วก็ชอบมากค่ะ ดูสิเข้าชุดกับพี่ใหญ่ด้วย วันนี้พี่ใหญ่หล่อมากเลยค่ะ เหมือนวันที่เราแต่งงานกันเมื่อปีก่อน ผ่านวันครบรอบแต่งงานมาแล้วน่าเสียดายที่วันนั้นพี่ใหญ่ไม่ว่าง เอาไว้ปีหน้าเรามาฉลองครบรอบแต่งงานใหม่นะคะ แก้วจะเตรียมร้านอาหารไว้ เป็นร้านที่พี่ใหญ่ชอบหรือจะจัดดินเนอร์ที่บ้านดีไหม พี่ใหญ่ชอบแบบไหนมากกว่ากัน”
พอเห็นว่าเขาเอาแต่ฟังแล้วเงียบอย่างเดียวจึงเป็นฝ่ายถามบ้าง ร่างสูงเดินนำเข้าลิฟต์แล้วก็ไม่มีใครตามเข้ามา ห้องโดยสารจึงมีเพียงพวกตนเท่านั้น ปรัตยาใช้โอกาสนี้ปลดมือของเธอออกอย่างรวดเร็วคล้ายรอเวลา ก่อนผินหน้าเพื่อตอบภรรยาเสียงขรึม
“ไม่ชอบ”
“อ่า งั้นเรา...แค่อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีแล้ว” คนฟังหน้าเสียแต่ก็ยังฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้น กระทั่งประตูหนาถูกเลื่อนเปิด จึงได้เดินออกมาเพื่อเข้าไปยังสถานที่จัดงานซึ่งรองรับคนได้เกือบห้าพันคน ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศทั้งนั้น เหมือนการพบปะสังสรรค์ของชนชั้นสูงที่บัญชีธนาคารเงินแปดหลักเป็นอย่างต่ำ
รูปภาพของบ่าวสาวตั้งโชว์ด้านหน้า พร้อมแบล็คดรอปสำหรับถ่ายภาพ ดาวประดับสวยสง่าในชุดสีขาวฟูฟ่อง ขณะที่เจ้าบ่าวซึ่งยืนข้างกันก็หล่อเหลาไม่ไร้ที่ติ หนุ่มตาน้ำข้าวที่มาพบรักกับสาวชาวไทย โดยไม่รู้ภูมิหลังว่าหล่อนเป็นใคร
และครอบครัวยิ่งใหญ่แค่ไหน...แต่จะถอนตัวก็ไม่ทันแล้ว
เพราะเขารักดาวประดับหมดหัวใจ จึงหมายมั่นเอาไว้ว่าจะสร้างครอบครัวกับเธอ
“พี่ใหญ่ไม่เขียนเหรอ” หย่อนซองอวยพรไว้ที่กล่องด้านหน้า หยิบปากกาจะก้มลงเขียนคำอวยพร หางตาเหลือบเห็นสามีกำลังจะเดินเข้างานจึงรีบรั้งด้วยการจับชายเสื้อเขาเอาไว้ ปรัตยาหยุดชะงักค่อยหันมามองคนข้างกาย
“ไม่”
“รอก่อนค่ะ แก้วจะเขียนอวยพรดาว” เรื่องอะไรจะให้เขาเข้าไปเพียงลำพัง จึงยื้อชายหนุ่มเอาไว้ให้ยืนข้างกัน แล้วร่างหนาก็ยอมทำตามโดยการยืนนิ่งไม่พูดจา ดวงตาคมเรียบเฉยติดเย็นชาจนสาวที่ยืนคอยต้อนรับแขกไม่มีใครกล้าสบตาสักคน
แก้วเจ้าจอมยิ้มให้เพื่อนของดาวประดับที่มาช่วยงานต้อนรับแขก แล้วค่อยเดินเข้าไปหาเจ้าสาวที่ยืนพูดคุยกับคนที่มาร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เจ้าบ่าวก็ดูมีความสุขไม่ต่างกัน
ทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงวันงานแต่งของหล่อน ทุกอย่างหรูหราราวกับเทพนิยาย แต่เจ้าบ่าวทำหน้านิ่งตลอดเวลา แววตาไม่มีความรักจนถูกเอาไปพูดต่อว่าถูกบังคับแต่งงาน เธอจึงเลือกจะงดรับงานเพื่ออยู่กับเขา เป็นการบอกโดนนัยว่าเราสองคนรักกันจนขาดกันและกันไม่ได้
ทั้งที่ความจริงเป็นเธอเอง...ที่รักเขาข้างเดียว
“ดาว...ยินดีด้วยนะ” เธอรู้ดีว่าต้องยิ้มให้อีกฝ่าย แม้ในใจของเราอาจไม่ได้สนิทกันมากนัก ผ่านเรื่องราวด้วยกันมาพอสมควร
แต่วันนี้ที่ต้องวางอคติทุกอย่างลง ทิ้งความแค้นแล้วเดินหน้าต่อไป หล่อนถือเป็นพี่สะใภ้ของดาวประดับ จึงยิ้มแล้วเดินมายืนข้างเจ้าสาว ขณะที่ร่างหนาก็เลือกจะมาแทรกระหว่างพวกเราเพื่อยืนข้างนอกสาวเช่นเดียวกัน เธอทำหน้านิ่งกับการกระทำของปรัตยา ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แต่เลือกจะเงียบ
“ขอบคุณค่ะ” คนมีความสุขช่างเปล่งประกายเสียจริง จนเธออดชื่นชมไม่ได้ พอคิดจะเดินกลับไปยืนข้างเจ้าสาวเหมือนเดิมเพื่อถ่ายรูป เขากลับไม่ยอมขยับไปไหน เลือกจะยืนประกบน้องสาวอยู่แบบนั้นไม่พูดจาสักคำ
“พี่ใหญ่ยืน...” ดาราสาวพยายามผายมือให้สามีไปยืนอีกทาง กลับถูกเมินแล้วบอกช่างภาพเสียงขรึม
“ถ่ายเลยครับ”
เธอเลยต้องไปยืนข้างเจ้าบ่าว แล้วยิ้มกว้างปกปิดดวงตาที่หม่นเศร้าของตัวเอง พอถ่ายรูปเสร็จก็เอ่ยกับเจ้าบ่าวที่ยิ้มแย้มต้อนรับแขกอย่างมีความสุข ใบหน้าของเขาผ่องใสไม่เหมือนคนอมทุกข์อย่างปรัตยาสักนิด
ยอมรับว่าอิจฉา...เพราะเธอก็อยากได้รับความรักจากสามีของตัวเองบ้าง
“ยินดีด้วยนะคะ เจ้าสาวของคุณสวยมาก พวกคุณเหมาะสมกันมากเลยค่ะ” เขายิ้มรับแล้วบอกขอบคุณ ก่อนที่พวกเธอจะเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อให้คนอื่นได้เข้าไปทักทายบ่าวสาว ใช้โอกาสนี้ควงแขนหนาเข้างาน แต่ก็ต้องปล่อยเมื่อเขามีบรรดานักธุรกิจเข้ามาคุยด้วย
เธอเลือกไปหยิบเครื่องดื่มมารับประทาน ไม่ค่อยมีคนรู้จักที่สามารถเข้าไปพูดคุยได้ จึงเลือกนั่งเงียบๆ เพียงลำพังแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นว่าปรัตยากำลังคุยอย่างติดลม สีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันทีจนเธอนึกอยากได้รับรอยยิ้มจากเขาบ้าง
มาลองนึกดูแล้วก็แทบไม่เคยเห็นเขายิ้มให้ตนเลยสักครั้ง