บท
ตั้งค่า

๒ คาดคั้นถามหาความจริง (๑)

คาดคั้นถามหาความจริง

แถบชานเมืองที่ไม่ค่อยมีบ้านเรือนผู้คนกลายเป็นที่ตั้งของโรงงานหลากหลาย เพิ่งสร้างไม่กี่ปีก็หลายแห่ง แต่สร้างมาหลายสิบปีมีเพียงที่เดียวคือโรงงานอาหารแปรรูปซึ่งใช้พื้นที่กว่าสิบไร่ มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ปลูกต้นมะม่วงไว้ด้านหน้าเกือบสิบต้น ถึงฤดูกาลผลไม้ก็ออกลูกดกจนสามารถเก็บไปขายที่ตลาดได้

พื้นที่ข้างด้านซ้ายเป็นที่จอดรถของพนักงาน เมื่อก่อนมีเกือบครึ่งร้อยต่างจากบัดนี้ที่ทยอยลาออกจนเหลือบไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ ผลิตภัณฑ์หลายอย่างก็ทำออกตลาดไม่ได้เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ส่วนชิ้นใดที่วางขายก็เหมือนจะขายไม่ออกเท่าไหร่

หนี้เพิ่มขึ้นทุกเดือนแต่เงินที่ได้รับน้อยจนต้องนั่งกุมขมับ เกรงว่าถ้าผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปไม่ได้คงต้องขายโรงงานที่ถือเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นปู่มาถึงรุ่นพ่อและกำลังจะส่งต่อให้ลูกชายคนโตอย่างลิลิต เขาเพิ่งกลับจากเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ได้รับทุนเต็มจำนวนไม่ได้ขอเงินทางบ้าน ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันก็ทำงานพิเศษ

เรียนก็หนักยังต้องหาเวลามาทำงานอีก เขาแทบจะไม่ได้สนิทกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันเพราะต้องหาเงินส่งตัวเองให้อยู่รอดในประเทศที่ค่าครองชีพแสนแพง กระทั่งเรียนจบแล้วกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสามเดือน

แต่ละวันผ่านไปอย่างหนักหน่วง เขาพยายามหาเงินทุกทางเพื่อมาพลิกฟื้นโรงงานของครอบครัว ยื่นเอกสารให้ธนาคารก็ไม่มีที่ใดอนุมัติ คนค้ำประกันก็ไม่มี ที่ดินผืนนี้ก็ใกล้จะถูกยึดเพราะบิดาเคยเอาไปยื่นกู้กับธนาคาร

หันไปทางไหนก็มืดแปดด้าน ถึงตัวเองจะจบสูงแต่ไม่อาจช่วยเหลือครอบครัวได้ดั่งใจหวังก็ยิ่งท้อแท้

“เป็นยังไงบ้างลูก...” คนเป็นพ่อเดินเข้ามาหาลูกชายที่นั่งเตรียมเอกสารเพื่อไปคุยเรื่องการกู้ยืมเงินในวันพรุ่งนี้ ไหนจะแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำไปนำเสนอ หวังว่าจะได้รับคำตอบที่สร้างรอยยิ้มให้ตนเองกับครอบครัว

“พอไหวครับพ่อ”

“ถ้ามันไปต่อไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อยมันไปเถอะ พ่อไม่อยากเห็นลูกสองคนลำบากอีกแล้ว เราค่อยหาอย่างอื่นทำแล้วเริ่มต้นใหม่” ปลงตกกับธุรกิจซึ่งขาดทุนทุกเดือนจนหมดหนทางจะสู้กับปัญหาตรงหน้า ยอมแพ้โดยดุษณีต่างจากลูกชายที่ยิ้มให้พ่อ ย้ำอีกรอบไม่อยากให้ท่านหมดหวัง

เพราะเขาเชื่อว่าถึงวันนี้ท้องฟ้าจะยังมืดมน แต่สักวันมันต้องสว่างสดใส...

“ผมไหวจริงๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ ยังไงผมก็จะพาโรงงานของเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ สูตรเราก็มีแค่ต้องตีตลาด...” เรื่องรสชาติเขาไม่ห่วงเพราะอร่อยและมีความเป็นเอกลักษณ์ ทุกวันนี้ก็มีบริษัทคู่แข่งมากมายที่มีเงินทุนสูงกว่า ลดแลกแจกแถมจนไม่มีใครเหลียวแลมาทางแบรนด์ของบ้านเขาบ้างเลย

“เราไม่มีเงินทุน” พูดถึงความจริงที่แสนเจ็บปวด ลิลิตได้ยินอย่างนั้นก็ให้กำลังใจท่าน

คุณวิพุช ฉันทวัฒน์รับช่วงต่อกิจการจากบิดาแต่ท่านไม่ค่อยเชี่ยวชาญทางด้านบริหาร ลงท้ายคงต้องหยุดกิจการในรุ่นของตน คิดแล้วก็รู้สึกผิดต่อพ่อที่สร้างทุกอย่างมากับมือ ทำได้เพียงแค่หวังว่าบุตรชายจะพลิกร้ายให้กลายเป็นดีได้

“ลองหาสักทางมันต้องมีบ้างแหละ”

เขาไม่อยากให้ท่านคิดมากจึงรีบเก็บเอกสารแล้วเดินออกจากสำนักงานที่อยู่ในโรงงาน ค่อยอ้อมมาทางด้านหลังแล้วพบกับบ้านสองชั้นหลังใหญ่ซึ่งสีซีดไปตามกาลเวลา ไม่มีกระทั่งเงินทุนจะดูแลบ้านให้สะอาดเหมือนก่อน

ไม้เลื้อยแตกกิ่งก้านไปตามไม้หลักที่ปักไว้ยังชานบ้านชั้นหนึ่ง ความชื้นทำให้พื้นด้านนอกมีตะไคร่น้ำจนต้องทำความสะอาดทุกครั้ง รอบบริเวณบ้านมีความร่มรื่นจากต้นไม้ที่ปลูกมาหลายสิบปี เข้ามาภายในก็ถูกลมเย็นพัดผ่านถึงจะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศก็ตาม

ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างช่วยกันประหยัดรัดเข็มขัดสุดกำลัง อะไรช่วยกันได้ก็ต้องช่วยเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปก่อน อาหารที่เคยตั้งโต๊ะแต่ละมื้อเกือบแปดอย่างก็ลดเหลือมื้อล่ะสองถึงสามอย่างเท่านั้น

“ลิลไปไหนเหรอพ่อ” เข้ามาในบ้านพร้อมบิดาก็ถามหาน้องสาว ปกติลลิลมักจะนั่งทำเอกสารบัญชีและพยายามออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง สองพี่น้องช่วยเหลือกันสุดกำลัง อย่างหลายเดือนก่อนก็ออกงานสังคมเพื่อสร้างคอนเนคชั่นแต่เหมือนจะไม่สำเร็จ

เหมือนว่าคนในสังคมจะมองพวกเขาเป็นเพียงตัวตลก...

โดยคนที่ป่าวประกาศไปทั่วไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นหม่อมหลวงกชวราที่มักจะกดสองพี่น้องให้ต่ำกว่าตนเสมอ

ทั้งที่เรื่องเหล่านั้นไม่เป็นความจริงสักนิด ใครจะพาน้องสาวไปเร่ขายในเมื่อเขารักและหวงแหนลลิลเป็นอย่างมาก วันเลี้ยงส่งฉัตรชยาก็หาน้องอยู่ทั้งคืนจนแทบหมดหวัง โชคดีที่หญิงสาวกลับมานอนอยู่ห้องแล้วขอโทษที่ทำให้พี่ชายเป็นห่วง จึงบ่นน้องไปชุดใหญ่แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนเหมือนเดิม

เพียงแค่หล่อนปลอดภัยก็พอแล้ว...

“ไม่สบายเลยให้นอนบนห้อง ช่วงนี้น้องเป็นอะไรไม่รู้บ่นง่วงตลอดเวลา อาเจียนก็บ่อยจนพ่อเป็นห่วงกลัวเครียดลงกระเพาะ” ได้ยินอย่างนั้นก็เป็นห่วงขึ้นมาทันที ขนาดอยู่บ้านเดียวกันกินข้าวเจอหน้าทุกวันยังไม่ค่อยรับรู้เรื่องราวของน้องสาวเพราะเอาแต่ทำงานอย่างเดียว

“ผมไปดูน้องหน่อยดีกว่า”

ว่าจบก็เดินขึ้นชั้นสองเพื่อไปหาลลิลทันที บ้านของพวกเขาสร้างมาหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เมื่อก่อนห้องของบุพการีอยู่ชั้นสอง แต่หลังจากคุณปู่สิ้นบุญบิดาก็ย้ายไปนอนชั้นล่างเพราะมีปัญหาเรื่องข้อเข่าไม่ค่อยดีเดินขึ้นลงลำบาก

ห้องชั้นสองจึงว่างหนึ่งห้องแล้วถูกทำเป็นห้องพักของแขกที่ไม่มีคนมาพัก จึงกลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยาย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่เข้าไปได้ไหม” ถามเสียงอ่อนก่อนจะหมุนลูกบิดเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง

“ค่ะพี่ลิต”

ห้องสีชมพูของน้องสาวทำเอาเขาเอียนทุกครั้งที่ได้เข้ามา สีของห้องเป็นบุพการีที่เลือกตั้งแต่รู้ว่าได้ลูกสาว หล่อนเองก็ชอบจึงไม่ได้ทาสีอื่นทับ ต่างจากห้องของลิลิตที่เมื่อก่อนเคยเป็นสีฟ้าสว่าง บัดนี้กลับกลายเป็นสีทึบตามความต้องการของเจ้าตัว

ร่างหนาเดินเข้ามายังเตียงสี่เสาที่ผ้าม่านถูกมัดเอาไว้ทำให้เห็นหญิงสาวที่ยันกายลุกนั่งแล้วหยิบยาดมมาสูดกลิ่นความหอมไปพลาง เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ยกมืออังหน้าผากค่อยเบาใจที่อุณหภูมิปกติ

“พ่อบอกว่าเราไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่าไปหาหมอไหมเดี๋ยวพี่พาไป” ใบหน้าหวานส่ายไปมา นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้นพลันหลุบตามองต่ำกลัวถูกจับพิรุธได้

“เครียดลงกระเพาะน่ะพี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก ช่วงนี้ลิลก็พยายามหางานหาเงินมาช่วยอีกทาง” ยิ้มในหน้าแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกซักไซ้มากไปกว่านี้ เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดีถ้าถูกคนตรงหน้าต้อนให้จนมุม

แต่ลิลิตคงไม่ทราบหรอก...เมื่อหน้าท้องของเธอยังคงแบนราบ

ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

ทว่าในอนาคตก็ไม่แน่และเธอก็พยายามเตรียมใจทั้งเตรียมตัวเพื่อรับมือกับผลที่จะตามมา

“พี่จัดการได้ บอกแล้วให้อยู่บ้านดูแลเรื่องการผลิตอย่างเดียว เรื่องเงินอย่าห่วงนักเลยน่ามันต้องมีเข้ามาสักช่องทางแหละ พี่ซื้อหวยเอาไว้แล้วสองร้อยเผื่อถูกรางวัลที่หนึ่ง” ยกมือลูบศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดูแล้วพูดติดตลก คนฟังกลับทำหน้าบึ้งเมื่อพี่เอาเงินไปละลายเล่น

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือหนึ่งความหวังที่อาจพลิกชีวิตของพวกเราได้ เพียงแค่ต้องลุ้นสักหน่อยและใช้ดวงซึ่งไม่ค่อยจะมีกับเขาเสียด้วย

“พี่ลิต” จ้องเขม็งจนพี่ต้องลดมือลงแล้ววางบนตักตัวเอง

“ล้อเล่น อยากให้ขำ”

“ขำไม่ออกหรอก” ทุกวันนี้หล่อนประหยัดเงินแทบไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น ขนาดขนมเจ้าประจำซึ่งเคยซื้อกินทุกครั้งยังต้องอดใจเอาไว้ ค่าใช้จ่ายเยอะจนหล่อนคิดไม่ออกเลยว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

มันมืดมน...จนอยากหาหลักพึ่งพิง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel