๒.๓ รักแท้ หรือแค่ลวง
คนที่เพิ่งเคยถูกจูบเป็นครั้งแรกในชีวิตถึงกับชาดิกไปทั้งร่าง เตชินท์ไม่ได้จูบแบบละมุนละไมสักนิด แต่เขาใช้ประสบการณ์ทั้งหมดที่มีจูบเธอแบบดูดดื่ม เร่าร้อน และเรียกร้องการตอบสนอง เป็นจูบที่ชวนคลั่ง ชวนหวาม และเชิญชวนแบบสุดๆ จนอนุรดีคล้อยตาม เผยอปากรับเอาลิ้นหนาอุ่นซ่านเข้ามาข้างใน และยังส่งลิ้นแลกลิ้นกับเขาอย่างลืมตัว
ตอนนี้สมองของอนุรดีหยุดสั่งการไปชั่วขณะ สิ่งเดียวที่รู้สึกคือความวาบหวามรัญจวน ซึ่งเกิดจากลิ้นสากหนาของเขา และเกลียวคลื่นแห่งอารมณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ก็ทำให้เธอเผลอดูดชิวหามากประสบการณ์นั้นอย่างมึนเมา ซ้ำยังกล้าที่จะเป็นฝ่ายสอดลิ้นของตัวเองเข้าไปในปากของเขาอีกต่างหาก และเตชินท์ก็ไม่รีรอที่จะดูดลิ้นเล็กของเธอ ในแบบที่อนุรดีไม่เคยคิดว่าจูบระหว่างหญิงชายจะปลุกเร้าทุกอณูของความรู้สึกได้มากถึงเพียงนั้น ถ้าเป็นหญิงชายที่รักกันก็ไม่แปลก แต่นี่เธอกับเขาไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งใดๆ ต่อกันเลยสักนิด
ความจริงข้อนี้เหมือนจะกระชากสติของอนุรดีให้กลับคืนมาได้ มือบางยกขึ้นยันอกหนาแล้วผลักเขาออกห่างสุดเรี่ยวแรงทันที แม้จะทำให้เตชินท์เสียหลักแค่เพียงนิด แต่มันก็สามารถยุติการถูกปล้นจูบทั้งที่เธอไม่เต็มใจนั้นลงได้
“คนนิสัยเสีย! พี่เตมีสิทธิ์อะไรมาจูบหนูดี” อนุรดีต่อว่าเขาเสียงสั่น ทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งเสียใจที่ถูกคนซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กทำอะไรมักง่ายแบบนั้นกับตัวเอง
“ในเมื่อพี่ถามหนูดีแล้ว หนูดีไม่ตอบ พี่ก็ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง”
“ด้วยวิธีของคนฉวยโอกาสแบบนี้เหรอคะ คนกักขฬะและทำมักง่ายอย่างพี่เต อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าใกล้หนูดีอีก”
“เชื่อเถอะว่าพี่จะได้เข้าใกล้หนูดี และจะได้จูบหนูดีอีก”
“ไม่มีทาง หนูดีจะไม่มีทางยอมให้เรื่องบ้าๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ครั้งนี้หนูดีจะไม่เอาเรื่อง แต่ถ้าคราวหน้าพี่เตทำอะไรมักง่ายกับหนูดีอีก หนูดีจะฟ้องคุณป้าคุณลุงและพ่อแม่ของหนูดีให้เอาเรื่องพี่เต”
“พนันกันไหมว่าหนูดีจะไม่กล้าฟ้อง”
“อย่ามาท้า หนูดีฟ้องแน่”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่อนุรดีคิดว่าจะพูดกับเขา หลังจากวันนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้เตชินท์ได้เข้าใกล้หรือเสวนาใดๆ กับเขาอีกเด็ดขาด แต่ทว่าเธอก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะหลังจากงานเลี้ยงผ่านไป เตชินท์ก็เข้ามาตีสนิทกับพ่อแม่ของเธอ จะว่ามาตีสนิทก็ไม่ถูกเท่าใดนัก เพราะเตชินท์เคยเข้านอกออกในบ้านนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซ้ำเขายังเป็นเพื่อนสนิทและเรียนรุ่นเดียวห้องเดียวกับอชิระพี่ชายของเธอ ดังนั้นทางของเขาจึงสะดวกยิ่งนัก
พ่อแม่ของเธอไม่ได้ว่าอะไร เมื่อเตชินท์มาขออนุญาตพาเธอไปเที่ยวนอกบ้านในวันหยุด โดยมีตระการตาน้องสาวของเขาไปด้วย บางครั้งเขาอาสาไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย บางทีก็ไปรับโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แล้วถือโอกาสพาเธอไปไหนต่อไหนตามลำพัง โดยที่พ่อแม่ของเธอไม่เคยกล่าวตำหนิใดๆ สักคำ จะเรียกว่าเขาสามารถทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจหรือเปิดทาง ความหมายก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก ดังนั้นเรื่องที่อนุรดีปฏิญาณเอาไว้อย่างเด็ดเดี่ยว ว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้เธอจะพยายามสร้างกำแพงขวางกั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเอาไว้แน่นหนาเพียงใดก็ตาม
จูบครั้งที่สองของเธอกับเตชินท์เกิดขึ้นในโรงหนังของบ่ายวันหนึ่ง เตชินท์เหมือนรู้ตารางเรียนของเธอ จึงเลือกวันมาหาได้ถูกจังหวะทุกครั้ง วันนั้นเขาไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าเหมือนกับบ่ายวันนี้ เธอยอมขึ้นรถไปกับเขาเพราะเขาอ้างว่าแม่ของเธอให้มารับ แต่ไม่ได้พาเธอไปส่งบ้านแต่อย่างใด เตชินท์กลับขับรถมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ไหนพี่เตบอกว่าแม่ให้มารับหนูดีไงคะ แล้วพี่เตพาหนูดีมานี่ทำไม พี่เตโกหกหนูดีเหรอ” อนุรดีถามอย่างไม่พอใจ เมื่อเตชินท์ถือวิสาสะจูงมือเธอมายังโรงหนัง แล้วจัดการเลือกเรื่องและซื้อตั๋วเสร็จสรรพ
“พี่ก็ไม่ได้โกหกนี่ พี่ขออนุญาตน้าวรรณแล้วว่าจะพาหนูดีมาดูหนัง”
“แล้วแม่ก็อนุญาตให้พี่เตพาหนูดีมาอย่างนั้นเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“หนูดีไม่เชื่อ”
“โอเค งั้นพี่จะโทร.หาน้าวรรณเดี๋ยวนี้ ถ้าหนูดีสงสัยอะไรถามน้าวรรณเลยก็แล้วกัน”
โทรศัพท์มือถือของเตชินท์ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขากดโทร.ออกหาแม่ของเธอ บอกท่านว่าตอนนี้เขากับเธออยู่ที่หน้าโรงหนังแล้ว จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เธอคุย