๒.๑ รักแท้ หรือแค่ลวง
๒
รักแท้ หรือแค่ลวง
“พ่อคะแม่คะ สวัสดีค่ะ”
มือเรียวบางยกขึ้นไหว้บิดามารดาที่ตอนนี้นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันบนโซฟาในห้องโถงของบ้าน ซึ่งถูกจัดให้เป็นมุมนั่งพักผ่อนรวมทั้งต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือนได้ด้วย สาเหตุที่ต้องจัดบ้านเช่นนั้นก็เพราะบ้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ดังนั้นทุกพื้นที่ของบ้านจึงต้องถูกจัดสรรให้เป็นประโยชน์และลงตัวมากที่สุด
สายตาสองคู่ละจากภาพในหน้าจอโทรทัศน์ แล้วมองไปยังลูกสาวคนเล็กอย่างไม่ได้มีท่าทีระแวงหรือเคลือบแคลงใดๆ มีเพียงแค่ความห่วงโยกึ่งโล่งอก เหมือนเช่นทุกครั้งที่เห็นแก้วตาดวงใจกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
“กลับมาแล้วเหรอหนูดี แม่กำลังเป็นห่วง ว่าจะโทร.หาอยู่พอดี แล้วนี่กลับยังไง”
“พี่เตไปรับน่ะค่ะ แต่ติดฝนก็เลยกลับช้าไปหน่อย” อนุรดีตอบคำถามของแม่แบบไม่ค่อยกล้าสบตา เพราะตัวเองเหมือนเด็กที่แอบไปทำความผิดแล้วกลัวจะถูกผู้ใหญ่จับได้ แล้วมีหรือที่คนอย่างอาจารย์วรรณรีจะไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น ทว่าก็เลือกที่จะไม่ซักไซ้ไล่เลียงอะไรให้ลูกสาวต้องอึดอัด เพราะถึงแม้ตอนนี้อนุรดีจะยังเรียนไม่จบ แต่ก็อยู่ในวัยโตพอที่คนเป็นพ่อแม่จะให้อิสระบ้างแล้ว
“งั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แม่ทำกับข้าวเรียบร้อย อาบเสร็จจะได้มากินพร้อมกัน”
“ค่ะแม่”
อนุรดีรับคำมารดาแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสอง วางกระเป๋าและหนังสือไว้บนโต๊ะ ถอดเสื้อนักศึกษาออกจากร่างกายท่อนบนเสร็จ หน้าก็แดงซ่านร้อนผ่าวขึ้นมาอีกระลอก เมื่อเหลือบไปเห็นคราบนมจางๆ ที่ยังหลงเหลือร่องรอยเอาไว้เตือนให้นึกถึงเหตุการณ์อันสุดวาบหวามระหว่างเธอกับเตชินท์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหยกๆ
แม้จะเพิ่งถูกย้ำทั้งคำพูดและการกระทำ แต่อนุรดีกลับยังรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป ที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของเตชินท์ เพราะเขาหล่อและเจ้าชู้เหลือเกิน เธอจำได้ว่าเขาเนื้อหอมตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยมด้วยซ้ำ ยิ่งพอกลับจากต่างประเทศแล้วเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัท เขาก็ยิ่งมีผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมกว่าเธอมาให้เลือกตั้งมากมาย
อนุรดีรู้ความเป็นไปของเตชินท์ดีทุกระยะ เพราะเห็นเขามาตั้งแต่เธอยังเด็ก บ้านของเธอกับบ้านของเขาอยู่ติดกัน และสนิทสนมกันจนมีประตูเชื่อมระหว่างกำแพงที่สามารถเปิดเข้าออกหากันได้ตลอดเวลา ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวข้าราชการตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า แม่ของเธอเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยม พ่อเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยซึ่งเคยเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ แต่ตอนนี้ปรับเปลี่ยนออกมานอกระบบตามนโยบายเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ พ่อแม่ของเตชินท์ให้การยอมรับนับถือพ่อแม่ของเธอมาก เพราะเป็นข้าราชการน้ำดีที่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีมาตลอด และยังเลี้ยงลูกทั้งสองคนได้แบบดีเยี่ยม อชิระพี่ชายของเธอเก่งทั้งเรียนทั้งกิจกรรมจนสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่ปริญญาตรี ส่วนเธอแม้จะไม่เก่งอย่างพี่ชาย แต่ก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศได้ และมีความประพฤติที่เรียบร้อยมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียด่างพร้อยใดๆ มาให้พ่อแม่ต้องปวดหัว
แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวไม่รู้หรอกว่า เด็กสาวที่น่ารักเรียบร้อยมาตลอดอย่างอนุรดีนั้น ได้ถูกลูกชายของอีกครอบครัวชักพาให้ถลำเข้าไปในโลกของความวาบหวามระหว่างหญิงชายมาสักพักใหญ่แล้ว มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เตชินท์กลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ เมื่อสี่เดือนที่แล้ว และมีงานเลี้ยงต้อนรับเขากลับบ้าน ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจออนุรดีอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบเจ็ดปี เพราะเขาไปเรียนต่อเช่นเดียวกับพี่ชายของเธอ ต่างกันก็เพียงคนหนึ่งสอบชิงทุนได้ อีกคนไปโดยใช้ทุนของพ่อแม่ตัวเอง
งานเลี้ยงคืนนั้น พรั่งพร้อมไปด้วยผู้คนในแวดวงธุรกิจที่ต่างมากันเป็นครอบครัว ครอบครัวไหนที่มีลูกสาวก็พาลูกสาวมาด้วย ซึ่งสาวๆ แต่ละคนล้วนแต่แต่งตัวแบบจัดเต็ม ดังนั้นมองเผินๆ จึงไม่ต่างอะไรกับงานดูตัวกึ่งประชันความงามแบบย่อมๆ พ่อแม่และตัวอนุรดีเองก็ต้องมางานเช่นครอบครัวอื่นๆ ที่ถูกเชิญ จะต่างก็เพียงอนุรดีไม่คิดจะพาตัวเองมาเป็นตัวเลือกให้กับเตชินท์แต่อย่างใด เห็นบรรยากาศแล้วก็เบื่อจนนึกอยากเดินกลับบ้านตัวเองด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเกรงใจคุณไตรและคุณปาริชาติที่ให้ความเอ็นดูกับเธอมาตลอด ดังนั้นตอนเดินเข้างานอนุรดีจึงแค่ยกมือขึ้นไหว้ทักทายเขาถามมารยาทเท่านั้น
ผ่านไปเกือบชั่วโมง พ่อแม่ของอนุรดีเข้าไปร่วมวงสนทนากับผู้ใหญ่ที่รู้จักกัน เธอจึงถือโอกาสแวบกลับบ้าน โดยเลือกใช้ประตูเล็กระหว่างกำแพงของสองบ้าน จะได้ไม่ต้องผ่านผู้คนมากหน้าหลายตาให้ต้องอึดอัดใจ